Photographer: Napat Gunkham
Fashion Editor: Chanond Mingmit
Author: Janejira Sereeyotin





จบไปอย่างยิ่งใหญ่สำหรับ BamBam the 1st World Tour Area 52 ของ BamBamศิลปิน K-pop ชาวไทยสุดเลิฟของเหล่าอากาเซ่ที่พร้อมใจฝ่าสายฝนมาให้กำลังใจมักเน่ของวง GOT7 ในบทบาทศิลปินเดี่ยวกันอย่างล้นหลามจนตั๋วกว่า 50,000 ใบสำหรับการแสดงระดับสเตเดียมหมดเกลี้ยงในพริบตา ซึ่ง BamBam ก็ไม่ทำให้เหล่าแฟนคลับผิดหวัง จัดเต็มสเปเชียลเอ็ฟเฟ็คต์แสงสีและพลุงดงามตระการตากับเบนิฟิตอีกเพียบจนได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็นคอนเสิร์ตสุดคุ้มแห่งปี
แต่ความฟินยังไม่จบ L’Officiel Hommes รีบคว้าตัวหนุ่มสุดฮอตมากความสามารถมานั่งจับเข่าคุยก่อนบินลัดฟ้าไปเล่นคอนเสิร์ตทั่วโลกเพราะต้องรออีกนานกว่า BamBam จะได้ย้อนกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง วันนี้ BamBam มาถ่ายแฟชั่นกับนาฬิกาที่เขาโปรดปรานและบ่งบอกความเป็นตัวตนของเขา สำหรับ BamBam นาฬิกาเป็นสิ่งที่เตือนให้นึกถึงช่วงเวลาสำคัญในชีวิต “ไม่ได้ซื้อมาสักพักแล้วครับ แต่เมื่อสองวันที่แล้วเพิ่งเสร็จ stadium ครั้งแรกของผมไป เป็น solo world tour ครั้งแรกของผมด้วย ก็เลยอยากซื้อในนาม solo world tour ครั้งแรก กับ stadium ครั้งแรก สักเรือนหนึ่ง กำลังดูอยู่ครับ ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี” หนึ่งในนาฬิกาที่ทำให้ชาวโลกรู้จักและจดจำ BamBam ในฐานะนักสะสมนาฬิกาตัวยงคือ Jacob & Co. เรือนที่เขาใส่ไปในการแสดงช่วงพักครึ่งของ Golden State Warriors ทีมบาสเกตบอล NBA “Jacob & Co. เรือน solar system ผมได้ก่อนขึ้นที่ Golden State ครับ ซึ่งก็ได้จากทางท่านประธานเขาเลยครับ ผมแวะที่แอลเอก่อนเพื่อไปเอานาฬิกา และไปซานฟรานซิสโกเพื่อไปแสดง เขาเลยบอกว่าอยากให้ยูใส่ใน NBA จัง เขาเอาไปให้ก่อนได้ไหม ผมก็เลยบอกว่าได้ครับ เป็นการขอบคุณเขาด้วย NBA เป็นเวทีที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ผมเป็นเคป็อปคนแรกที่ได้ขึ้นด้วย”
นาฬิกาที่ BamBam เลือกนั้นต้องเรียกได้ว่าปัง ใส่แล้วเด่นและเท่ทุกเรือน ศิลปินหนุ่มหล่อมากรวยมากแชร์หลักเกณฑ์ในการเลือกนาฬิกาของเขา “ถ้าความทรงจำนั้นใหญ่มากและมีอิมแพ็คต์ในชีวิตผม ก็ซื้อเรือนที่มันแพงหน่อย แต่ว่าอันที่แบบเบาๆ ก็ไม่ซื้อเลย หรือซื้ออันที่แบบว่าใส่ daily ได้ แต่ก็จะเลือกอันที่ limited หน่อยครับ เพราะไม่ชอบใส่ซ้ำกับคนอื่น และเลือกอันที่มี value เพราะเกิดสักวันหนึ่งผมเต้นไม่ได้แล้ว ผมจะเอามันไปขาย” (หัวเราะ)
แต่คงไม่มีวันนั้น สำหรับศิลปินที่ทุ่มเทสร้างโชว์ที่ทุกคนสัมผัสได้ถึงความใส่ใจของเขาต่อแฟนคลับ “เอาจริงๆ ก็เรื่องตั๋วน่ะครับ แล้วก็เรื่อง benefit คอนเสิร์ตรอบนี้เป็นการตอบแทนแฟนคลับมากกว่า เลยอยากจัดเหมือนเป็น festival ของแฟนคลับ นอกจากนั้นคือลดตั๋วค่าบัตรครับ เดี๋ยวนี้ จะโชว์ไทย โชว์เมืองนอก โชว์เกาหลี ผมรู้สึกว่ามันแพงเกินราคา และหลายโชว์ เวลาเราดู เรารู้ว่าเวทีนี้เราใช้ทุนไปประมาณเท่าไหร่ แต่ขายบัตรราคาสูงมากๆ คือจะโกยตังค์อย่างเดียวเลย ผมไม่โอเค ผมก็เลยอยากโชว์ให้เจ้าอื่นได้เห็นว่า ถ้าลดราคาบัตร และเราทุ่มกับเวที มันสามารถทำโชว์ดีๆ ได้ ก็เลยอยากอัพสแตนดาร์ดหน่อย ก็มีลดบัตรครับ แล้วก็…ยอมลดรายได้ของตัวเองนิดหนึ่งเพื่อเอาไปใส่ effect อื่นในเวทีมากขึ้น ส่วนเรื่องตั๋วอัพ อันนี้ผมก็ปวดหัวกับคนพวกนี้ (หัวเราะ) กับเจ้าใหญ่ ผมก็แอบกลัวตอนโพสต์นะ แต่ผมรู้สึกว่ามันต้องทำ”
BamBam ถือว่าแหวกม่านประเพณีของ K-pop ในเรื่องความ ‘ใกล้ชิด’ กับแฟนคลับ ทั้งขอรีวิวร้านอาหารชนิดไม่กลัวแฟนคลับแห่ไปตามเฝ้า แถมยังขอให้ช่วยออกแบบคอสตูมที่นำมาใช้จริงในคอนเสิร์ต “ก็น่าจะเป็น (เพราะ) เวลาก็สิบปีแล้วนะครับ ผมกับอากาเซ่ เห็นหลายเคสที่แฟนคลับพยายามดันศิลปินของเขาให้ไปได้สูงที่สุด แต่ยิ่งสูงขึ้น ผมเห็นแฟนคลับโพสต์กันว่า เรายิ่งดันเขาสูงขึ้น เขาก็ยิ่งห่างจากเราไปเรื่อยๆ แล้วเราควรดันเขาให้สูงจริงๆ มั้ย ผมเห็นโพสต์แบบนั้น ทำให้ผมรู้สึกว่า ถ้าแฟนคลับเขาดันเราให้สูงขึ้นจริงๆ อยากทำให้เขาไม่รู้สึกห่างจากเรา สถานที่โชว์ใหญ่ขึ้น เขาอาจจะเห็นไกลกว่านี้นิดนึง แต่สำหรับเรื่องความรู้สึก ผมอยากให้เขารู้สึกว่า ถึงเราจะไปสูงขึ้นแค่ไหน เราก็ยังอยู่ด้วยกันเสมอ ผมก็โพสต์อะไรแบบงงๆ ของผมไป และพยายามที่จะคุยกับแฟนคลับให้ได้มากที่สุด ตอนมีเวลาว่าง”
BamBam ยังทลายกำแพงอิมเมจของศิลปินที่มักจะเลือกนำเสนอด้าน ‘ประดิษฐ์’ ที่ออกแบบมาเพื่อให้เป็นที่ชื่นชอบ เขาเลือกจะแสดงตัวตนที่แท้จริง ทั้งด้านที่ขัดแย้ง กลัวผีแต่ชอบฟังเรื่องผี เฮฮาปาร์ตี้แต่ชอบอยู่บ้านเลี้ยงแมว “เมื่อก่อนผมยังมีการทำสิ่งที่ผมไม่อยากทำ แต่ว่าคนอื่นอยากเห็น แต่ตอนนี้เริ่มไม่ได้ทำแบบนั้นมานานแล้ว ชอบอันไหนก็บอกชอบ ถ้าไม่ชอบไม่พอใจก็บอกไปเลยว่าไม่ชอบไม่พอใจ ตอนนี้ทุกคนมองผมยังไง ผมว่าเขาก็มองถูกแล้ว ซึ่งผมก็แฮปปี้ เคป็อปมันก็เซนซิทีฟหน่อยครับ การโชว์ความรู้สึกอาจเป็นจุดอ่อนได้ มีพวกที่เอาตรงนี้มาเล่นผมบ้าง เอามาดราม่า ทำเฟคนิวส์บ้าง ตอนแรกมันก็มีผลกระทบกับผม แต่พอแฟนคลับเริ่มรู้ความจริง สถานการณ์เราเริ่มกลับมาดีขึ้น ถามว่าตอนนี้คนรู้จักตัวตนของผมจริงไหม รู้จักครับ และผมอยากโชว์อะไรมากกว่านี้มั้ย ไม่มีครับ ตอนนี้ 100% ผมโชว์ไปหมดแล้ว อาจจะโดนด่าบ้างอะไรบ้าง แต่เป็นตัวของตัวเองไว้ก่อนมันดีกว่า”
แม้จะเกิดขึ้นแล้ว แต่ BamBam ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเวิลด์ทัวร์ของเขาเกิดขึ้นจริง “ไม่ใช่แค่ประเทศไทยอย่างเดียวนะครับ อย่างที่ประเทศเกาหลี ผมไม่เคย solo concert คนเดียวมาก่อนเลย แฟนคลับหลายคนเขาก็ย้ายด้อมบ้างอะไรบ้าง และก่อน world tour มีคนเขาเอาวิดีโอผมไปตัดต่อทำเฟคนิวส์ มีหลายเหตุการณ์ก่อน world tour แต่พอเริ่มทัวร์ ทุกอย่างก็คลี่คลาย พลิกกลับมาดีกว่าเดิม เป็นบางอย่างที่รู้สึกสบายใจ และก็ตกใจครับ ยังดีที่ไปประเทศไหนบัตรก็ขายได้เกือบหมด และมีแฟนคลับอยู่ทุกที่ทุกประเทศ ก็แฮปปี้ครับ”





ผมเห็นแฟนคลับโพสต์กันว่า เรายิ่งดันเขาสูงขึ้น เขาก็ยิ่งห่างจากเราไปเรื่อยๆ แล้วเราควรดันเขาให้สูงจริงๆ มั้ย ผมเห็นโพสต์แบบนั้น ทำให้ผมรู้สึกว่า ถ้าแฟนคลับเขาดันเราให้สูงขึ้นจริงๆ อยากทำให้เขาไม่รู้สึกห่างจากเรา
ดูเหมือนสิ่งที่ถั่งโถมเข้าใส่ BamBam จะเกิดเพราะความกล้าทลายกำแพงของเขา “คือมันมาจากรายการยูทูบที่ผมออกทุกวันศุกร์ Bam’s House การที่ผมบอกหมด ผมโชว์ความเป็นตัวเอง ความ real ออกไปเนี่ย ก็มีคนจ้องที่จะทำแบบนี้ ตอนนั้นคิดว่าทำไมวงการเคป็อปกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ทุกคนชอบดูอะไรที่มัน fake อาจออกจาก system ของเคป็อปหน่อย แต่ผมอยากโชว์ให้รู้ว่าเคป็อปเราก็สามารถ real ได้นะ ไม่ได้เป็น K-pop artist แล้วทำอะไรไม่ได้เลย เราจะสดใส ยิ้มตลอด เราไม่มีความรู้สึก เป็นหุ่นยนต์ ไม่ ผมไม่ชอบแบบนั้น”
BamBam เป็นศิลปินที่คนในวงการทั้งไทยและเกาหลียกย่องในความเป็นมืออาชีพและความอ่อนน้อมติดดิน “จริงๆ ผมแอบขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนผม ดีกับผมมาตลอด ตั้งแต่ก่อนเดบิวต์จนถึงตอนนี้ ถึงตอนนี้จะย้ายค่ายแล้ว แต่ผมก็ยังขอบคุณ JYP เพราะเขาก็เป็นคนเทรนเรามา เขาทำให้เรามีวันนี้ได้ และคนที่ด่าผม ผมก็ขอบคุณ เพราะว่าคนพวกนี้ก็ทำให้ผมมี issue ได้ คือทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น และคนพวกนี้ก็ซื้อตั๋วมาดูคอนเสิร์ตครับ ไม่รู้จะมาทำไมเหมือนกัน แต่ก็ thank you ครับ แต่ว่าช่วงนี้ ใครด่า ผมด่ากลับนะ ไม่ยอมแล้ว
“ส่วนเรื่องติดดิน ผมว่ามันอยู่ที่ความชอบมากกว่า คือผมชอบตลาด ผมชอบส้มตำ อาจจะทำให้ผมดูติดดินได้ แต่นั่งรถดีๆ ผมก็ชอบเหมือนกัน ผมเป็นคนที่อะไรก็ได้เป็นส่วนใหญ่ พอย้ายค่ายมา ผมเริ่มรู้เบื้องหลัง รู้ว่ากว่าจะได้อะไรมาสักอย่างหนึ่ง สตาฟตั้งใจทำงานมาก กลับบ้านดึกตลอด อย่างวันนี้ กว่าจะเตรียมได้ ชุดแต่ละอันกว่าจะไปเอามา รู้ว่ามันเอามายากครับ ผมอยากให้ทุกคนทำงานได้สบายที่สุด ไม่ใช่มาสาย ตอนนี้เหนื่อย ขอพักก่อน ผมไม่ค่อยชอบคนที่ทำแบบนั้น ซึ่งผมรู้ว่ามีเยอะในวงการ (หัวเราะ)”
คำพูดนี้โดนใจเหล่าคนทำงานจนเหล่าสตาฟอยากให้พรศิลปินหนุ่มที่ไม่ใช่แค่หน้าตาดีแถมจิตใจดีด้วยสักหนึ่งข้อ “(อธิษฐาน) เรื่องร่างกายแล้วกันครับผม world tour มันยังเหลือหลายประเทศครับ นี่ยังมาไม่ถึงครึ่งเลยครับ ผมน่าจะทัวร์ถึงกลางปีหน้า ขอทุกคนทั้งทีมมีสุขภาพแข็งแรง ข้อเท้า ขอให้มันดีขึ้นนิดนึง หลังจากที่เกาหลีแล้วข้อเท้าผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พอจบทัวร์ ผมก็ยังไม่มีแผนเหมือนกัน ค่อยไปว่ากันอีกที”
คำอธิษฐานเรียบง่ายทว่าเกิดจากไฟและความกระตือรือร้นตามที่ BamBamเคยลั่นวาจาไว้กลางคอนเสิร์ตว่า “ผมเป็นคนที่ทำอะไรแล้วจะต้องทำให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม”
BamBam ก้าวมาถึงเวทีระดับ stadium แล้ว เป้าหมายต่อไปในการทลายกำแพงของเขายังเป็นความลับที่ฟ้าและ BamBam ยังไม่เปิดเผย แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่ชัดนั่นคืออากาเซ่จะเป็นลมใต้ปีกให้ศิลปินที่พวกเขารักบินไปถึงจุดหมายนั้นอย่างแน่นอน
