No More Plans มีแผนสำรองทำไม ถ้ามันใช่ตั้งแต่แรก

Share This Post

- Advertisement -

Photographer: thanut treamchanchuchai

Author: Neeraj Kim

ผมรู้ว่าถ้าวันนี้คนค้นหาในอินเตอร์เน็ตอาจจะไม่เจอวงเราทันที แต่ในอนาคต เมื่อทุกคนได้ยินชื่อ Plan B ก็อยากให้คิดถึงเราเลย จะตั้งใจพัฒนาและฝึกฝนจนมีวันนั้นให้ได้

– Hwi from Plan B –

ว่ากันว่าคนประสบความสำเร็จมักมีแผนสำรองของตัวเองเสมอ แต่ก็ใช่ว่าจะเสมอไปเพราะก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ดำเนินชีวิตด้วยสัญชาตญาณ และเผชิญกับความเสี่ยงในทุกวันที่ตื่นมา ท่ามกลางทะเลเหล่าไอดอล และวงบอยแบนด์ที่เกิดขึ้นและดับสูญ ‘ศิลปินหน้าใหม่’ เดินเท้าเข้าสู่วงการตามความฝันด้วยความหวัง เสื้อผ้าหน้าผมที่จับต้องได้จากภายนอก ถูกท้าทายจากความสามารถที่อยู่ข้างใน เมื่อถึงวันที่เปลือกลอกล่อนหล่นไป มีแต่เนื้อในแห่งความเป็นจริงเท่านั้นที่จะวัด

ว่าศิลปินใหม่หน้าไหนจะได้อยู่ในวงการนี้ต่อหรือเปล่า เป็นความจริงที่จะมีกี่แผนสำรองก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าไม่เก่งจริง

Plan B ศิลปินใหม่แกะกล่องจากค่าย H.Land Entertainment ที่ท้าทายตัวเองด้วยการกระโจนลงตลาดที่เป็นสีแดงฉานซึ่งเกิดจากการฟาดฟันของผู้เล่นทั้งตัวเล็กและใหญ่ นำเสนอบอยแบนด์สไตล์ ‘ฮิปฮอปไอดอล’ ที่พวกเขาหวังว่าจะยังพอมีตลาดของผู้ฟังกลุ่มนี้อยู่ ผสมผสานด้วยสมาชิก 5 คน จาก 3 สัญชาติ ได้แก่ Hwi ฮวี (เกาหลี), Roy รอย (ไทย), Hao ฮ่าว (จีน), James เจมส์ (ไทย) และ Han ฮัน (เกาหลี) ที่แต่ละคนมีความถนัด หรือ ‘เมน’ ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งร้อง เล่น และแรป เปิดตัวด้วยอัลบั้มแรก ‘1 Percent’ ที่ต้องยอมรับว่าใช้พลังงานไปกับการลุ้นให้พวกเขาได้เป็นที่รักของแฟนเพลงทั้งไทยและต่างประเทศ

ลอฟฟีเซียล ออมส์ มีโอกาสคุยกับพวกเขาทั้ง 5 คนแบบเร็วๆ ในโอกาสที่ Plan B แวะมาเยี่ยมเยียนที่ออฟฟิศ เพื่อจะได้เข้าใจตัวตนที่แท้จริงของพวกเขามากขึ้น

เอาง่ายๆ เลยว่าชื่อ Plan B นี่มันไปซ้ำกับเอเจนซี่โฆษณาเจ้านึงนะ คิดว่าพวกคุณมีโอกาสดังมากพอที่จะทำให้คนนึกถึงวงนี้มากกว่าเอเจนซี่นั้นไหม

ฮวี: เตรียมคำตอบมาแล้วครับ (หัวเราะ) ก่อนอื่นต้องขอบคุณมากเลยที่มอบคำถามที่แปลกใหม่อย่างนี้กับพวกเรา เพราะไม่เคยมีใครถามมาก่อน ซึ่งทำให้ทั้ง 5 คนกลับมาทบทวนตัวตนและความตั้งใจแรกเริ่มของเราเอง ผมขอตอบในฐานะที่เป็นลีดเดอร์ของวงละกันนะครับว่า พวกเราจะพยายามฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการร้อง การเต้น การแสดงต่างๆ อยากสร้างภาพจำให้กับคนได้รู้จักพวกเราเร็วๆ ผมรู้ว่าถ้าวันนี้คนค้นหาในอินเตอร์เน็ตอาจจะไม่เจอวงเราทันที แต่ในอนาคต เมื่อทุกคนได้ยินชื่อ Plan B ก็อยากให้คิดถึงเราเลย จะตั้งใจพัฒนาและฝึกฝนจนมีวันนั้นให้ได้

อยากให้ลองย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน คิดว่าตอนนั้นน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความรุ่งเรืองในวงการตอนนี้ เราเติบโตมายังไงกับสังคมแบบไหน

ฮัน: ผมตอบละกันครับ ถ้าให้พูดถึงตัวผมเมื่อ 10 ปีก่อนก็เป็นนักเรียนทั่วไปเลย แต่พอมีเวลาว่างก็จะเสิร์ชหาคลิปการแสดงของจอห์น เลนนอน หรือไม่ก็จัสติน บีเบอร์ ตั้งแต่ตอนนั้นมั้งที่ทำให้ผมรู้สึกสนใจเกี่ยวกับดนตรีมากขึ้น จนกระทั่งได้รับโอกาสครั้งแรกตอนออดิชั่นไปเป็นเทรนนีในค่ายเพลงแห่งหนึ่งที่เกาหลี พอได้ลองฝึกหลายอย่างด้วยตัวเอง โดยเฉพาะการเต้น ก็รู้สึกว่าชอบทางนี้ อยากเป็นศิลปินที่เก่ง เลยพัฒนาตัวเองจนได้เข้าร่วมกับวง Plan B ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นความฝันที่ยิ่งใหญ่ในเส้นทางนี้

เจมส์: ส่วนผมอยากเป็นศิลปินตั้งแต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก็เติบโตกับดนตรีมาตลอดเลย เริ่มต้นจากคุณแม่ซื้อดีวีดีคอนเสิร์ตของไมเคิล แจ็กสัน มาให้ดูที่บ้าน จำได้ว่าเป็นการแสดงสดครั้งแรกที่ได้เห็น ก็รู้สึกชอบเลย พยายามเต้นท่ามูนวอล์กตาม ช่วงมัธยมปลายมีรุ่นพี่คนนึงชวนไปเต้น พอได้ลองแล้วรู้สึกว่ามันใช่เลย จากนั้นก็เริ่มไปดูคลิปศิลปินต่างประเทศที่เต้นเก่งๆ ทั้งฝั่งตะวันตกและเกาหลี ชอบ BigBang และ G-Dragon เป็นวงที่มีคาแรกเตอร์ชัด เวลาแสดงแล้วมีเสน่ห์ พอได้มาเป็นจริงๆ ก็รู้เลยว่า กว่าจะเป็นศิลปินที่เก่งได้ ต้องผ่านกระบวนการซ้อมที่หนักมาก ทั้งเต้น และร้อง ไม่ใช่อาชีพที่ใครก็เป็นได้ ต้องมีอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง

มันมีข้อความโปรโมทของวงที่ขึ้นว่า “Plan B ผลงานระดับ มืออาชีพ” อะไรคือนิยามของความเป็นมืออาชีพสำหรับอัลบั้มแรก

รอย: ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ ก็ห้ามหยุดพัฒนาทั้งนั้นล่ะครับ คำว่ามืออาชีพมันมาพร้อมกับความรับผิดชอบในหน้าที่ของเรา ตั้งแต่การใช้ชีวิต ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเป็นแรงบันดาลใจให้กันเอง เพราะเราทำงานสร้างสรรค์ แม้ในวันที่มันเหนื่อยมาก ก็ต้องรู้ว่าเรามีหน้าที่ทำงานออกมาให้มันดีที่สุด เราทุกคนจะพยายามอยู่เสมอ และจะไม่ละทิ้งความฝัน เพื่อเป็นวงที่เติบโตไปได้เรื่อยๆ ในอนาคต อยากสัญญากับแฟนเพลงทุกคนว่าเราจะเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จให้ได้ ส่วนอัลบั้ม 1 Percent เป็นผลงานอย่างเป็นทางการครั้งแรกของพวกเรา

คิดว่าการเปิดตัวของเราในครั้งนี้มีอะไรน่าดึงดูดใจคนฟังได้บ้าง

ฮ่าว: ด้วยความที่วงเราเดบิวต์มาด้วยเพลงฮิปฮอปและเป็นจุดเด่นในวงของพวกเรา ก็คิดว่าอยากใช้จุดนี้สร้างความแตกต่างจากศิลปินคนอื่น ด้วยฮิปฮอปในสไตล์ของ Plan B และตอนนี้วงการฮิปฮอปกำลังเติบโต โดยเฉพาะในเมืองไทยที่เราอยากทำงานที่นี่ อยากให้แฟนเพลงชาวไทยได้ติดตามผลงานของเรา

แล้วการทำงานด้วยกันล่ะ ความที่เป็น 3 สัญชาติ มีอุปสรรคเกิดขึ้นบ้างไหม แต่ละคนปรับตัวกันยังไง

เจมส์: แรกๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องของภาษาครับ เพราะเรามีทั้งไทย จีน และเกาหลี ก็พยายามสื่อสารกัน บางทีก็ต้องใช้ภาษากาย แต่ทุกคนพยายามปรับตัวเข้าหากันได้เร็วมาก เราจะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘ภาษา Plan B’ คือการเอาทั้ง 3 ภาษามารวมกันเพื่อให้เวลาคุยแล้วอีกคนเข้าใจ ฮ่าว ฮวี และฮันอยู่ไทยมาสักพักแล้ว ผมเห็นพวกเขาพยายามปรับตัวเรื่องการสื่อสาร หรือตั้งใจพูดไทยให้มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากเลย พวกเขาอยากคุยกับแฟนๆ คนไทยให้มากขึ้นด้วย

กับซิงเกิ้ลที่เปิดตัวไปแล้ว ผลตอบรับเป็นยังไงบ้าง เราพอใจกับมันไหม

รอย: พอใจมากเลยครับ พวกเราทุกคนเต็มที่กับมันมากเพราะถือเป็นเพลงที่เปิดตัววงเลย เพลง Halli-Galli เป็นบอร์ดเกมประเภทหนึ่งที่เป็นที่นิยมในประเทศเกาหลี ซึ่งจำนวนคนเล่นกับสมาชิกวงทั้งห้าเป็นจำนวนที่เท่ากันพอดี เลยเป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลงแรก สื่อว่าเป็นการเริ่มเกม เราได้โปรดิวเซอร์จากเกาหลีมาช่วยทำผลงานนี้ด้วย ก็หวังว่าทุกคนจะชอบในสิ่งที่เราได้ตั้งใจทำออกไปครับเราจบการสนทนาเพราะพวกเขาทั้งห้าต้องไปถ่ายรูปต่อตามเวลาที่เซ็ตเอาไว้ เสียงโหวกเหวกกำลังดีช่วยให้ออฟฟิศลอฟฟีเซียล ออมส์ ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อยจากความสดใสในน้ำเสียง คำให้กำลังใจฝากไว้ในการร่ำลา ก็หวังว่ามันจะยังพอมีที่มีทางให้พวกเขาได้โชนแสง และสนุกกับการใช้ชีวิตในทุกวัน

ติดตามเรื่องราวของ Plan B ได้ตามโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง

- Advertisement -