Author: Sethapong Pawwattana
Photography: Courtesy of Hermès

เราได้มาเยือน Maroquinerie de Louviers ศูนย์กลางการผลิตเครื่องหนังแห่งที่สองของ Hermès ในแคว้นนอร์มังดี (Normandy) ซึ่งเป็นที่แห่งใหม่ที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปพร้อมๆ กับความรักษ์โลก เรามาถึงด้านนอกที่เป็นรั้วโปร่งเตี้ยๆ ซึ่งเป็นเหมือนเครื่องบอกเขต ตัวรั้วจริงๆ คือพันธุ์ไม้ต่างๆ ให้เป็นเสมือนแนวรั้วธรรมชาติ พันธุ์ไม้แปลกตาชวนให้หยุดชม แต่เราเดินตามถนนโรยกรวดเข้าไปสู่ตัวอาคารรูปทรงทันสมัยก่อด้วยอิฐสีส้มแดง อาร์คโค้งที่เหมือนโครงสร้างหลักนั้นก่อให้เกิดเส้นนำสายตาที่นุ่มนวล หอมกลิ่นไม้พุ่มต้นเตี้ยหลากพันธุ์ที่ได้รับการจัดแต่งเหมือนสวนป่า
สถานที่แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสืบสานและพัฒนาความรู้ความชำนาญด้านงานหัตถศิลป์ชั้นสูงแก่ช่างฝีมือ รวมถึงจุดมุ่งหมายด้านสิ่งแวดล้อมภายในองค์กร โดยเวิร์คช็อปแห่งนี้จะต้อนรับช่างฝีมือจำนวน 260 คน ที่ผ่านการฝึกอบรมจากสถาบัน Louviers École Hermès des savoir-faire ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรมช่างฝีมือของ Hermès (CFA) ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส โดยจะมอบประกาศนียบัตรวิชาชีพ (CAP) ด้านการตัดเย็บเครื่องหนังให้กับช่างฝีมือที่เรียนจบหลักสูตร นอกจากนั้นสถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ตั้งของเวิร์คช็อปที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนแผนกอุปกรณ์ขี่ม้าที่มีความสำคัญต่อ Hermès ซึ่งเดิมตั้งอยู่บริเวณ 24 Faubourg, Saint-Honoré ในกรุงปารีส
Maroquinerie de Louviers เวิร์คช็อปแห่งใหม่ที่มาร่วมสมทบ Maroquinerie de Val-de-Reuil เพื่อสร้างเครือข่ายศูนย์กลางเครื่องหนังของ Hermès ในแถบแคว้นนอร์มังดี เพื่อเป้าหมายในการวางรากฐานและช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับความมุ่งมั่นในการสร้างงานอย่างยั่งยืน ผ่านการฝึกอบรมอย่างมีประสิทธิภาพใน métiers ของ Hermès เพื่อพัฒนาสั่งสมองค์ความรู้ด้านงานหัตถศิลป์ของช่างฝีมือ
สิ่งที่เราอาจจะไม่ทราบเลยถ้าไม่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมเวิร์คช็อปที่ผลิตเครื่องหนังของ Hermès นั่นก็คือความสุขของผู้ที่สร้างสรรค์ชิ้นงานที่ไม่เพียงจะเกิดจากการได้ทำงานที่ตนเองชื่นชอบและเชี่ยวชาญ แต่ยังเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อให้เกิดความสุขไม่ว่าจะเป็นตัวสถาปัตยกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สวนสวยที่เป็นเหมือนสวนป่าในธรรมชาติ หรือแม้แต่การจัดพื้นที่ทำงานก็ยังใส่ใจทุกรายละเอียด เพราะเครื่องหนังที่พวกเขาสร้างสรรค์ขึ้นมาไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์หนึ่งชิ้น แต่เป็นงานฝีมือที่ทุกรายละเอียดคือความงดงามที่สะท้อนมาจากความสุขอย่างแท้จริง
เวิร์คช็อปเครื่องหนังแห่งนี้ทำการจ้างงานช่างตัดเย็บเครื่องหนังและช่างทำอุปกรณ์ขี่ม้า จำนวน 280 ตำแหน่ง รวมถึงพนักงานฝ่ายบริหาร โลจิสติกส์ และทรัพยากรมนุษย์ โดยภายในบริเวณเวิร์คช็อป เหล่าบรรดาช่างฝีมือจะร่วมกันสร้างสรรค์กระเป๋า เครื่องหนังขนาดเล็ก อานม้า และอุปกรณ์ขี่ม้าต่างๆ นอกจากนั้นยังเป็นเวิร์คช็อปสำหรับผลิตอุปกรณ์ขี่ม้าแห่งแรกที่ตั้งอยู่นอกเขตเมืองปารีส และที่สำคัญแผนกอุปกรณ์ขี่ม้า (equestrian) ถือเป็น métier ที่เก่าแก่ที่สุดของ Hermès แผนกอุปกรณ์ขี่ม้าจึงถูกออกแบบให้ตั้งอยู่ใจกลางสถานที่เครื่องหนังแห่งนี้
งานในแต่ละวัน โดยทุกรายละเอียดล้วนถูกวางแผนมาอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าอาคารแห่งนี้ยังคงรักษาและเติมความสมบูรณ์ให้กับสิ่งแวดล้อมพื้นที่โดยรอบ รวมถึงการนำเสนอแนวคิด ‘the archaeology of the future’ ผ่านรูปทรงอาคารของเวิร์คช็อป เช่น การใช้ลวดลายโมทีฟอันเป็นเอกลักษณ์ของ Hermès การออกแบบเวิร์คช็อปให้มีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ชวนให้นึกถึงผ้าพันคอซิลค์ Carré ของ Hermès ในขณะเดียวกันผนังทรงโค้งอันโดดเด่นเปรียบเสมือนลักษณะการกระโดดของม้า สามารถกล่าวได้ว่าอาคารเวิร์คช็อปแห่งนี้ได้รับการสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรมอันชาญฉลาดและการดีไซน์ที่สวยงามเหนือกาลเวลา ถ่ายทอดผ่านก้อนอิฐขนาดเล็กที่ถูกซ้อนทับกันเป็นแนวยาว ชวนให้นึกถึงขั้นตอนการทำงานของช่างฝีมือ อาทิ ความประณีตแม่นยำของการใช้มือ ความพิถีพิถันในการสร้างสรรค์เพื่อให้ได้มาซึ่งความงดงามของเครื่องหนัง
สถานที่แห่งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวของปัจจุบันและอนาคตที่ถักร้อยเข้ากับความเป็น Hermès หากแต่ในอดีตก็จะมีเรื่องราวที่เชื่อมโยงได้อย่างน่าทึ่ง ภาพปัจจุบันที่ปรากฏคือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับธรรมชาติของเวิร์คช็อปแห่งนี้ที่ตัวสถาปัตยกรรมมีความกลมกลืนกับภูมิทัศน์โดยรอบ แต่ยังมีความโดดเด่นในเชิงคอนเซ็ปต์ ในขณะที่ภายในมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการทำงานและอบอุ่น นี่คงจะเป็นสถานที่ทำงานในฝันของอีกหลายๆ คนเช่นกัน
