A Lifelong Passion
Photographer: Napat Gunkham
Fashion Editor: Chanond Mingmit
Author: Pacharee Klinchoo




นับตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง ‘รักแห่งสยาม’ ออกฉายเมื่อค.ศ. 2007 ชื่อของมาริโอ้ เมาเร่อ ก็ไม่เคยห่างหายไปจากวงการบันเทิงไทย จากหนุ่มน้อยหน้าใสในวันนั้น มาริโอ้เติบใหญ่กลายเป็น ‘พี่โอ้’ ของหลายๆคนในวงการ (แต่ก็ยังหน้าใสเหมือนเดิม) สิ่งที่ดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยก็คือ มาริโอ้ได้รับเลือกจากแบรนด์ Longines ให้มาปรากฏตัวบนปกของเราเป็นครั้งที่สามแล้ว
เจอกันเป็นครั้งที่สามแล้ว ทำงานคอนเทนต์เดิมซ้ำๆ แบบนี้ โอ้เตรียมตัวยังไงบ้าง
ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเยอะหรอกครับ แค่รู้สึกว่าต้องเต็มที่กับทุกงานที่รับมา วันนี้ถ่ายแฟชั่นคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับการบิน ผมชอบเรื่องเครื่องยนต์กลไกอยู่แล้ว ได้มีโอกาสมาถ่ายที่โรงเก็บเครื่องบินแบบนี้ ก็ตื่นเต้นดีครับ


มาริโอ้กับ Longines เหมือนหรือต่างกันยังไง
ผมรู้สึกว่าแบรนด์ Longines เป็นแบรนด์ที่ทั้งคลาสสิกและโมเดิร์น ซึ่งก็คล้ายๆ กับผมที่ชอบอะไรๆ ที่คลาสสิก แต่ก็ทันสมัย ชอบติดตามอะไรใหม่ๆ ในคราวเดียวกันครับ
เล่นรถคลาสสิกด้วยเนอะ เห็นเสน่ห์อะไรในนั้น
ชอบเพราะรู้สึกว่าเครื่องยนต์วินเทจเป็นเหมือน know-how ของคนยุคก่อนน่ะครับ มันต้องการคนที่รู้เรื่องของมันในการจัดการ นอกจากผมจะเล่นรถเก่าแล้ว ผมก็ต้องรู้จักคนเก่าๆ ระดับรุ่นพ่อรุ่นลุง เพราะ know-how ต่างๆ จะอยู่กับคนพวกนี้ ผมเคารพพวกเขามากเลยนะครับ เจอคนที่มาทำรถให้ผมนี่คืออายุน่ะ รุ่นพ่อผมเลยนะ แต่พอขึ้นรถนี่คือหนุ่มกว่าผมอีก
ยืนระยะในวงการมานานขนาดนี้ ทำอย่างไรให้ตัวเองอยู่ได้อย่างดี และไม่เบื่อด้วย
ผมก็เบื่อบ้างแหละ (หัวเราะ) แต่สิ่งที่ผมยึดมั่นมาตลอดคือ เวลาเจองานยากๆ ผมจะใช้มันเป็นข้อพิสูจน์ตัวเอง ทำให้ตัวเองพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ผมคงโชคดีที่การทำงานในวงการบันเทิงมันไม่ใช่งานซ้ำซาก มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะงานแสดงที่ตัวละครเปลี่ยนไปในทุกบทบาท ชีวิตและเรื่องราวที่เขาเจอมาคือแตกต่างกันไปเลย การได้ทำการบ้านเป็นตัวละครนั้นๆ เป็นเรื่องสนุกสำหรับผม พอจบเรื่องนี้ เดี๋ยวก็ได้ไปเป็นตัวอื่นแล้ว ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นครับ
เวลาเข้า-ออกตัวละคร โอ้มีปัญหาบ้างไหม
มีนะครับ บางทีผมก็ไม่รู้ตัวหรอก แต่คนรอบตัวจะรู้สึกได้ว่าทำไมช่วงนี้คุยแล้วแปลกๆ บางครั้งผมก็เครียดไม่รู้ตัว เพราะเล่นแบบทุ่ม อินไปกับตัวละครนั้นๆ ร่างกายกับจิตใจมันไม่ยอม cut ไปด้วย คือผมก็พยายามออกมาจากตรงนั้นหลังสั่ง cut นั่นล่ะครับ แต่มีบางห้วงที่ผมก็กลับไปอยู่ตรงนั้นบ้าง เวลาเงียบๆ ก็ต้องระวังหน่อยน่ะครับ
จัดการกับอารมณ์ตรงนั้นยังไง
หาอย่างอื่นทำให้ลืมไปครับ เพราะถ่ายทำเมื่อวาน ก็จบเมื่อวาน แต่ก็อย่างที่บอกนั่นล่ะครับ บางวันตื่นมาคือดราม่ากันตั้งแต่เช้ายันสี่ทุ่ม ร้องไห้ทั้งวัน สั่ง cut ไปแล้วก็ไม่ได้จะออกได้ทันที แต่พอรู้ตัวผมก็จะออกมาเลยนะ ไม่ค่อยอยากจะไปจมอยู่กับตรงนั้นนานๆ หรอก

วันสุดท้ายนี่รู้สึกยังไง
แฮ้ปปี้เลยครับ อยู่กับตัวละครนี้มานาน อาจจะมีความรู้สึกนิดหน่อยว่า เราจะไม่ได้แสดงเป็นตัวนี้อีกแล้วเหรอ แต่หลักๆ คือดีใจครับ เพราะผมทำงานเสร็จแล้ว ผลงานที่ผมกำลังถ่ายมาตั้งนานมันจะได้ออนแอร์ให้คนอื่นดูแล้วนะ ส่วนใหญ่ผมจะรู้สึกใจหายกับคนในกองมากกว่าครับ เพราะว่าอยู่ด้วยกันมาเป็นปี สนิทกัน เจอกันบ่อยๆ ก็ใจหายที่จะไม่ได้เจอกันแล้วมากกว่า
สำหรับโอ้ กระบวนการที่ตื่นเต้นที่สุดคือจังหวะไหน
ตื่นเต้นแรกเลยคือวันถ่ายทำวันแรกของทุกเรื่องครับ เพราะมันใหม่ไปหมด เพิ่งได้เห็นบ้าน เห็นแม่ เห็นพี่ เห็นน้อง ของตัวเองเป็นครั้งแรก ผมก็จะตื่นเต้นว่าทำถูกหรือยัง ทำดีหรือยัง ใช่แล้วหรือยังนะ แต่พอวันต่อๆ มาก็จะเบาลง ค่อยๆ ดีขึ้น พอยิ่งได้เข้าตัวละครหลายครั้งมากๆ เข้า ก็จะยิ่งเบาลงเรื่อยๆ ตื่นเต้นสองก็วันออนแอร์ครับ ลุ้นทุกเรื่อง ลุ้นว่าคนดูจะชอบงานที่ผมทำออกมาไหม จะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อไหม ตื่นเต้นไปหมดจริงๆ
อยู่มาทุกยุคขนาดนี้ อยากรู้เรื่องการปรับตัวของโอ้ในแต่ละยุค
ผมว่าผม… (นิ่งคิด) ไม่ได้ปรับตัวอะไรมากหรอกนะ แต่ผมจริงใจกับงาน กับคนที่ผมร่วมงานด้วย คือ… ผลงานหนึ่งของผม ผมไม่มีทางที่จะมาถึงจุดนี้ได้หรอกถ้าผมขาดคนเบื้องหลัง มีคนอยู่ข้างหลังผมเต็มเลยนะ ผมไม่ได้มาคนเดียวนะพี่ ผมมาเป็นทีม ไม่ว่าจะยังไง ผมมีทีมที่อยู่ข้างหลัง คอยสนับสนุนผมมาตลอด ผมโชคดีที่ทีมผมน่ารักมาตลอด สนับสนุนให้ผลงานของผมมันดีที่สุด ทุกคนไม่ได้มาแข่งกัน แต่มาช่วยกันน่ะครับ
โอ้แบ่งระหว่างชีวิตส่วนตัวกับการเป็นคนของประชาชนยังไง
มันพูดยากนะเรื่องนี้ ความเป็นคนของประชาชน ในวันหยุด ถ้าผมไปเที่ยวที่ที่ทุกคนเขาไปกัน ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะเจอแฟนคลับ หรือเจอคนที่ชื่นชอบผม ซึ่งผมมองว่าผมอยู่ในวงการนี้ ผมโชคดีที่ได้เจอคนที่รักผม เขาไม่เกลียดผมก็ดีแล้วเอาจริงๆ ยิ่งถ้าเขาชื่นชอบผลงานของผมนะ เขาแค่ขอถ่ายรูปเอง ผมไม่เคยติดอะไรเลยนะ ถ้าผมมีโอาส และเวลาได้ ผมก็จะถ่ายรูปกับทุกคนนั่นแหละ อาจจะมีบ้างที่ผมต้องปลีกออกจากสถานการณ์ส่วนตัวมาทำหน้าที่ตรงนี้ แต่โชคดีที่คนรอบข้างผมเข้าใจเลยว่าผมอยู่ในวงการนี้ ซึ่งก็ดีแล้วจริงๆ ที่มีคนชอบผม และติดตามผลงานของผมนะ

โอ้พูดถึงแฟนคลับหน่อยสิ ดูเหมือนโอ้จะสนิทกับแฟนคลับมากเลย
แฟนคลับบางคนของผมนี่คือผมเจอตั้งแต่วันที่ผมโปรโมทหนังเรื่องแรกของผม ทุกวันนี้ผมก็ยังเห็นพวกเขาอยู่ ผมรู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนเซฟโซนของผม เป็นพลังบวกของผม เวลาผมขึ้นเวที และเห็นเขามา ผมดีใจมากเลยที่ได้เจอพวกเขา เฮ้ย… มากันจริงๆ ว่ะ มายืนถือป้ายให้เราด้วยนะ พอขึ้นเวที ทุกคนก็ร้องเพลงไปกับผม เล่นไปกับผม ทุกงานที่ผมไป เขาจะมาให้กำลังใจตลอด ทั้งๆ ที่บ้านก็อยู่ไกล บางคนขับรถมาจากต่างจังหวัด หรือบางทีที่ผมไปโชว์ตัวที่ต่างจังหวัด ก็เหมารถกันมา นั่งรถทัวร์มาเพื่อมาดูผมร้องเพลงเดิมที่ร้องมาห้าปีแล้ว ก็ยังยืนยันที่จะมากัน ผมรู้สึกว่าทุกคนน่ารัก สนับสนุนผมมาตลอด ผมรู้สึกอุ่นใจมากๆ ที่มีทุกคนเป็นแฟนคลับครับ
เวลามองไม่เห็นแฟนคลับตัวเองนี่ใจแป้วไหม
ก็มีบ้างนะ แต่ผมก็เข้าใจแหละว่าจะมาตลอดไม่ได้ บางทีก็ติดงาน ไม่เหลือวันลาแล้ว เข้าใจทั้งหมดนั่นแหละ เข้าใจจริงๆ
มีอะไรอยากจะพูดกับแฟนคลับไหม
อยากขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนและเป็นกำลังใจให้ผมมาตลอด ทุกคนทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่อยากขาดทุกคนไปเลย ผมแฮ้ปปี้ที่มีทุกคนอยู่ข้างๆ และสนับสนุนผมมานานขนาดนี้ ต้องบอกว่าทุกคนเป็นกำลังใจของผมมากๆ เลยนะ ทุกครั้งที่ผมได้เจอคนวิจารณ์งานของผมว่าชอบมาก ดีมาก สนุกมาก หรือไม่ได้เรื่องเลย เล่นห่วย ผมดีใจทั้งหมด ขอบคุณทุกคนสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา มันเป็นสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้จริงๆ เพราะผมสัมผัสได้ว่ามันมาจากใจของทุกคนน่ะครับ และฝากนาฬิกา Longines ไว้ในอ้อมใจของทุกคนด้วยนะครับ ดีเหลือเกิน ใส่มาหลายปีแล้วจริงๆ
Make Up: Naruchat Jettanavilai
Hair: Chanya Chumpalee
Videographer: Katsara Leecharoen
Assistant Photographers: Similan Prangprasert / Phongsak Wethee
Assistant Fashion Editor: Rapeepan Jantaranipa
Co-Producer: Akeera Sasungnern