Photographer: Ponpisut Pejaroen
Interview conducted by: Pacharee Klinchoo
Interview rearranged by: Peerachai Pasutan
“จริงๆ ผมรู้สึกว่าเริ่มประสบความสำเร็จแล้วในส่วนหนึ่งที่ตั้งใจไว้ แต่ถ้าถามในพาร์ทการทำงาน… ตอนแรกๆ ไม่เหมือนที่เราคิดไว้เลย เพราะคิดว่ามันสบายครับจากภาพที่เราเห็นในหน้าจอและสื่อต่างๆ ที่เราเสพ ด้วยความที่เราเป็นเด็กด้วยแหละครับ” ไอซ์เกริ่นถึงเหตุผลที่เขาเลือกเดินมาสู่เส้นทางบันเทิงเมื่อ 8-9 ปีก่อน “แต่เมื่อก่อน ไอซ์เป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออก ขี้อายมากๆ เลยไม่มีความคิดที่จะเป็นนักแสดงอยู่ในหัว… จนวันหนึ่ง ตอน ม.5 ถึงจุดหนึ่งที่เราอยากจะช่วยพ่อแม่หาเงิน อยู่ดีๆ ก็มีไอเดียนี้ผุดขึ้นมาในหัวว่า ‘เอ๊ะ เราจะเป็นเด็กไม่ตั้งใจเรียนและเกเรยันโตเลยหรือเปล่า’ ‘จริงๆ แล้วเราชอบและอยากทำอะไร’ จนเรื่องที่เพื่อนแซวๆ กัน [ว่าให้เราลองไปเป็นดารา] มันเด้งมาในหัว ผมก็เปิดคอมพ์แล้วเสิร์ชเลยว่า ถ้าไม่อยากเป็นนักแสดง เดินแบบดีไหม”
หลังจากเข้าสู่วงการบันเทิงในฐานะนายแบบ ไอซ์ก็ได้รับโอกาสสู่งานแสดงตามมา โดยเริ่มจากซีรีส์ ‘Social Death Vote’ ก่อนที่จะมาเป็นละครสายแมสเต็มตัว “มันแตกต่างกันมากครับ พอเราเล่นซีรีส์ ก็ได้ทำอะไรที่อิสระและโฟลว์มาก แต่พอเราข้ามมาแสดงละคร [เรื่อง ‘วาสนารัก’] ทุกอย่างมันเกร็งไปหมด เราได้เล่นกับณิชา (ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์) เบอร์ต้นๆ ของช่อง แล้วเขาเป็นนางเอก พอเราไปคิดแบบนี้ก็ [เกิดอาการ] เกรงใจๆๆๆ [เพื่อนนักแสดง] ไปหมดเลย ทำให้เราเกร็ง พอ [ละคร] ออกมา ผมรู้สึกไม่ค่อยดีและได้คำวิจารณ์อะไรเยอะแยะเต็มไปหมด นั่นก็ทำให้เราค่อนข้างเฟลครับ” ทว่าหลังจากจบละครเรื่องแรก ไอซ์ก็พยายามฝึกฝนและพัฒนาทักษะการแสดงมาตลอด จนเขาเริ่มพอใจในผลงานของตนเองมากขึ้น และเขาก็ชื้นใจกับการตอบรับจากแฟนๆ ที่มีต่อเขาจากละครเรื่องล่าสุด ‘ชายแพศยา’ ซึ่งออนแอร์ไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ‘แค่มีคนบอกว่าไอซ์เล่นดีและเก่งขึ้นมาก [หรือมี] ดีเอ็มมาสองสามคน ไอซ์ก็ดีใจมากแล้วครับ… ไอซ์ไม่อยากไปคาดหวังให้คนทั้งประเทศมาปลุกใจว่า ‘โห! ไอซ์ดีๆๆๆ’ ผมว่าแค่มีคนไม่กี่คนแมสเสจมาบอกหรือชมเราในสื่อโซเชียล ผมก็มีกำลังใจในการทำงานแล้วครับ”
จากการพูดคุยกัน เรารู้ว่าไอซ์มักจะถ่ายละครซ้อนหรือติดกันสองเรื่องเป็นประจำ จึงอยากทราบว่าไอซ์จัดการ ‘สลับร่าง’ ตัวเองและตัวละครต่างๆอย่างไรบ้าง “วิธีการของไอซ์คือจะปลีกตัวไปอยู่กับตัวเองคนเดียวเงียบๆ ช่วงแรกๆ คนจะคิดว่าไอซ์ติสต์ มีโลกส่วนตัวสูง แต่บางครั้ง ไอซ์เป็นคนสมาธิสั้น ต้องแยกไปอยู่คนเดียวก่อนเพื่อทบทวนตัวเองและความจำ ยิ่งไอซ์จะถ่ายละครทีละสองเรื่องอยู่ตลอด การแยกความรู้สึกก็สำคัญ เดี๋ยวไปเล่นเรื่องนู้นเรื่องนั้นก็ลำบากอีก… และที่สำคัญที่สุดคือการทำปูมหลังของตัวละครให้แน่น ถ้ามันแน่นก็จะเข้าถึงตัวละครได้เร็วครับ” แล้วไม่มีปัญหากับการเผลอติดคาแรกเตอร์กลับไปบ้านบ้างเลยหรือ“ไม่ได้มีครับ ไอซ์คิดว่าตัวเองขจัดกับความรู้สึกต่างๆ ได้ไว [แต่] เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นซีนร้องไห้ พอผู้กำกับสั่งคัต เรายังร้องอยู่แค่ประมาณสามนาทีครับ ก็บอกกับตัวเองว่า ‘เออ [ตอนนี้] เราคือไอซ์ – ภาณุวัฒน์ แล้วนะ’ มันก็เคลียร์… ถ้าถามว่าอินกับคาแรกเตอร์ไหม มันอินอยู่แล้ว แต่ถ้าเอากลับไปคิดที่บ้านอีก โห [อย่างนี้] ใช้ชีวิตลำบากครับ” ผ่านงานละครมาระดับหนึ่งแล้ว ตอนนี้ ไอซ์ใฝ่ฝันที่จะได้ร่วมแสดงในละครชีวประวัติหรือเชิงประวัติศาสตร์สักเรื่อง “ผมว่าน่าจะอินมาก เพราะผมเป็นคนที่ชอบดูหนังเกี่ยวกับชีวประวัติหรือหนังที่สร้างจากเรื่องจริง พอดูจบปุ๊บ ผมจะมาเสิร์ชหาข้อมูลต่อ” อยากเล่นเป็นใครเป็นพิเศษ “ยังไม่ได้มีในใจขนาดนั้นครับ”
เราเกิดสงสัยว่า การเข้ามาอยู่ในสปอตไลท์และเป็นที่สนใจของสาธารณชนนั้น จะไม่ ‘ขัด’ กับความขี้อายของไอซ์เองที่พูดไปก่อนหน้านี้หรอกหรือ “จริงๆ ผมโชคดีที่มีพี่ๆ แฟนคลับกลุ่มหนึ่ง น่ารักมากครับ เขาติดตามไอซ์ตอนเป็นโมเดลมาก่อน มันเลยปรับไปเรื่อยๆไม่ได้เขินอายในการพูดคุยหรือเป็นเป้าสายตาของคนอื่น ทำให้ผมรู้สึกว่า เวลาไปออกงานต่างๆ เราเป็นธรรมชาติและกล้าสนทนามากขึ้น” ไอซ์พูดถึงกลุ่มคนที่ช่วยให้เขาปรับตัวในวงการบันเทิงตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม แล้วคนเหล่านี้ชอบอะไรในตัวผู้ชายที่ชื่อ ‘ไอซ์ – ภาณุวัฒน์’ ล่ะ “พวกเขาบอกนะครับว่า ชอบที่ไอซ์เป็นไอซ์แบบเรียลๆ คืออาจจะชอบในความเรียบง่าย สบายๆชิลๆ ของผมเอง และการที่ไอซ์ให้เวลาส่วนหนึ่งกับแฟนคลับครับ” แล้วไอซ์มองอนาคตของตัวเองในเส้นทางบันเทิงต่อไปอย่างไร “ไอซ์ยังไม่ได้มองอะไรที่เกินตัวว่าเราจะต้องเป็นนักแสดงอันดับหนึ่ง แต่อยากให้ตัวเองพัฒนาไปเรื่อยๆ แสดงให้ดีกว่าเดิม [อีกทั้ง] ผมอยากให้ทุกคนได้ยินชื่อ ‘ไอซ์ – ภาณุวัฒน์’ ในฐานะนักแสดงที่ดีและเก่ง เพราะไอซ์อยากลบคำสบประมาทและคำวิจารณ์ที่มีต่อไอซ์ในเรื่องนี้ แค่นั้นก็พอแล้วครับ”