PASSION-DRIVEN LIFE (BABE MIYA)

Share This Post

- Advertisement -

มิย่า ทองเจือ ในวัยสวีทซิกซ์ทีน กับแรงใจ ไฟฝัน และความมุ่งมั่นที่จะใช้ชีวิตให้สุดในทุกทาง

Photographer: Napat Gunkham

Fashion Editor: Chanond Mingmit

Author: Pacharee Klinchoo

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลอฟฟีเซียล ออมส์ ไทยแลนด์ ได้มีโอกาสร่วมงานและลงนั่งพูดคุยกับมิย่า ทองเจือ ลูกสาวคนสวยของพีท ทองเจือ ซึ่งไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง เธอก็ทำให้เราประทับใจทั้งในเสน่ห์และความมุ่งมั่นของเธอไม่เปลี่ยนแปลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นในทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากัน

อายุเพิ่ง 16 เอง แต่ได้ทำมาหลายอย่างมากๆ เลยนะ คิดว่าเจอตัวเองไปได้สักกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว

หนูมั่นใจว่าเจอสัก 80-90% แล้วค่ะ เพราะว่าหนูก็ชอบร้องเพลงและเต้นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ หนูไม่ได้มีอย่างอื่นที่สนใจขนาดนั้น แต่ตอนนี้หนูก็กำลังจะเริ่มแข่งรถยนต์เหมือนคุณพ่อแล้วนะคะ หนูเป็นคนชอบความเร็วด้วยค่ะ คือ… ถ้าจะให้ สรุปตัวหนูเลยก็คือ หนูชอบความเร็ว ชอบแต่งตัว ชอบความสวยความงาม ชอบร้องเพลง และชอบเต้น ทุกอย่างคือสิ่งที่หนูชอบ หนูเลยรู้สึกว่าหนูเจอตัวเองเยอะมากแล้วค่ะ

คือรู้ตัวเร็วมากเลยใช่ไหมว่าตัวเองชอบอะไร

ใช่ค่ะ หนูรู้ตัวตั้งแต่เด็กๆ เลยว่าหนูอยากทำอะไร ตั้งแต่ราวๆ สิบขวบ เริ่มคิดเป็นก็วางแผนชีวิตมาตลอดเลยค่ะว่าโตขึ้นอยากเรียนสาขาอะไร มหาวิทยาลัยไหน โตมาแล้วอยากทำอาชีพอะไร อยากเริ่มมีแฟนตอนอายุเท่าไหร่ แต่งงาน มีลูกเมื่อไหร่ เริ่มทำธุรกิจของตัวเองตอนไหน คือคิดไว้หมดแล้วจริงๆ ค่ะ ตอนนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนแพลนที่คิดไว้ตั้งแต่เด็กเลยค่ะ

ชีวิตคือตรงตามภาพที่คิดเลยเหรอ

คล้ายกับตอนที่เด็กๆ วาดไว้เลยค่ะ แต่ตอนเด็กๆ หนูอาจจะ romanticize เรื่องต่างๆ เยอะกว่านี้ ทั้งเรื่องร้องเพลง เต้น การแสดง และการทำงานในวงการบันเทิง เพราะเด็กๆ หนูจะคิดว่ามันสนุกมาก ตอนนี้หนูก็ยังคิดว่าสนุกอยู่นะ หนูชอบมาก แต่มันก็มีด้านที่ยาก ไม่ได้ลื่นไหลหรือดีเท่าที่คิดไว้ตอนเด็กๆ ค่ะ

 เป็นลูกพ่อพีท กดดันไหมในการดำเนินชีวิต

ส่วนมากก็มีนะคะ เวลาหนูทำอะไรก็จะมีคนติตลอดเวลา อย่างเวลาจะออกเพลง คุณพ่อทำค่ายให้ คนก็จะบอกว่าคุณพ่อสปอยล์หนู แต่พอหนูไม่ทำอะไร เขาก็จะบอกว่าทำไมไม่เห็นทำอะไรเลย เพราะเป็นลูกดาราล่ะสิ เหมือนเขาหาอะไรมาติได้ตลอดเวลา อะไรแบบนี้ค่ะ

มิย่ารับมือกับอะไรแบบนี้ได้ยังไง

หนูเป็นคนไม่ซีเรียสกับเรื่องอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ไม่ได้เป็นคนจิตตกง่ายขนาดนั้น และก็ไม่ได้เป็นคนที่เก็บอะไรที่รู้ว่าไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นความจริงมาคิด หนูจะปล่อยผ่านเรื่องแบบนี้ได้เร็วมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่ถ้ามีอะไรที่มันจริงตามที่คนอื่นพูด หรือเรารู้ว่าเขาติเพื่อให้เราดีขึ้น หนูก็จะเอามาคิดตามนะคะ แต่อะไรที่เป็นคอมเมนต์ไร้สาระ หนูก็ทิ้งไปเลยค่ะ

สนิทกับคุณพ่อคุณแม่มากเลยใช่ไหม

สนิทมากค่ะ เล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังทุกอย่างเลยค่ะ เหมือนเป็นเพื่อนกันมากกว่า

 มาคุยกันเรื่องความรักดีกว่า มิย่าคาดหวังอะไรกับความรัก

หนูว่าความรักมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรขนาดนั้นนะคะ มันแค่ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อกัน และรักกันแบบไร้เงื่อนไข หนูจะมีบรรทัดหนึ่งที่เอาไว้คิดตลอดเวลา ‘If he wants to, he would.’ คือถ้าเขาอยากจะทำอะไรให้เรา เดี๋ยวเขาก็ทำให้เอง ซึ่งหนูก็เอามาคิดกับตัวเองเหมือนกันค่ะ ถ้าหนูอยากจะทำอะไรให้เขา หนูก็จะทำเอง สำหรับบางคนอาจจะคิดว่าความรักคือต้อง 50-50 แต่สำหรับหนู หนูคิดว่าความรักมันต้องคนละ 100 นะคะ ต่างคนต่างต้องให้เต็มที่ค่ะ

ฟังดูแล้วเป็นคนทุ่มเทกับความรักมากเลยนะ

หนูคิดว่าความรักเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตหนูนะคะ ตั้งแต่เด็กๆ แล้วที่หนูบอกกับคุณแม่ว่าเป้าหมายในชีวิตของหนูคือการมีครอบครัว เพราะหนูเป็นคนรักเด็ก หนูชัดเจนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ คุณแม่เองก็แต่งงานตอนอายุ 23 คุณพ่อน่าจะสัก 33 ได้นะคะ ตอนนั้นคุณแม่ยังเด็กอยู่เลย แต่คุณแม่ก็โอเค ยอมแต่งงานกับคุณพ่อ หนูรู้สึกว่าหนูอยากจะมีชีวิตเหมือนคุณแม่ค่ะ แต่อาจจะไม่เร็วเท่าคุณแม่ อยากแต่งงานตอนอายุสัก 24 มีลูกตอน 25 หนูรู้สึกว่าช่วงเวลานั้นกำลังดีนะ บางคนอาจจะบอกว่าถ้ามีลูกเร็วจะไม่ได้ใช้ชีวิตนะ แต่สำหรับหนู หนูไม่ได้คิดแบบนั้น หนูคิดว่าชีวิตของหนูคือมีลูกด้วยค่ะ ยิ่งมีลูกเร็ว ก็เลี้ยงเขาถึงประมาณ 10 ขวบ เราก็อายุสัก 35 ยังไปเที่ยวได้อยู่ แต่ถ้ามีลูกตอนอายุเยอะ เราก็ต้องมาดูแลลูกตอนที่เราแก่ตัวลงแล้ว หนูเลยคิดว่าใช้ชีวิตแบบคุณแม่มัน balance ได้ดีจริงๆ ค่ะ

มิย่ามองอนาคตในวงการบันเทิงของตัวเองไว้อย่างไร

ตอนนี้หนูเพิ่งเล่นหนังไปได้หนึ่งเรื่อง ออกเพลงมา 2 เพลง และมีงานถ่ายแบบเรื่อยๆ สิ่งที่หนูอยากลองทำคือเล่นซีรีส์ หรือเล่นหนังแบบรับบทนำเต็มตัว ถึงหนูจะชอบร้องเพลงมาก แต่หนูว่าหนูชอบการแสดงมากกว่านะคะ คืออยากลองเป็นนักแสดงเต็มตัว และมีงานเสริมเป็นนักร้องค่ะ

ในฐานะรุ่นพี่ในวงการบันเทิง คุณพ่อให้คำแนะนำมิย่าว่าอย่างไร

จริงๆ แล้วคุณพ่อไม่ค่อยอยากให้เข้าวงการบันเทิงเท่าไหร่นะคะ เพราะมันเหนื่อยทั้งกายและใจ และคุณพ่อก็รู้ว่าสมัยนี้การแข่งขันมันสูงกว่าสมัยก่อนเยอะมาก เพราะมันมีโซเชียลมีเดียที่ทำให้ทุกคนดังได้ คุณพ่อเตือนแล้วค่ะว่ามันเหนื่อยมากนะ ไม่ใช่แค่เรื่องการแข่งขัน แต่การทำงานด้วย เวลาไปออกกองต้องตื่นตีห้า กลับบ้านห้าทุ่ม คุณพ่อคิดว่าหนูคงไม่ไหวหรอก เพราะตอนที่คุณพ่อรับงานครั้งละสองสามเรื่อง ถ่ายเรื่องละสามวัน เวลาทั้งอาทิตย์ของคุณพ่อก็หายไปเลย คุณพ่อเลยไม่ค่อยอยากให้หนูเข้าวงการบันเทิง แต่ถ้าหนูอยากจะเข้า คุณพ่อก็สนับสนุนอยู่แล้วค่ะ เขาแค่เป็นห่วงสุขภาพหนูเท่านั้นเอง

 เหนื่อยกายพอเข้าใจได้ เรื่องเหนื่อยใจ มิย่าคิดว่ามันเหนื่อยจริงแบบที่คุณพ่อกังวลไหม

สำหรับหนูนะคะ มันไม่ได้มีผลกับหนูขนาดนั้น แต่สำหรับบางคน อย่างพี่เซย่าอาจจะมีผลเยอะ เพราะเขาเป็นคนเซนซิทีฟ เวลาใครพูดอะไร เขาจะเอากลับมานั่งคิด นั่งทบทวนแบบจริงจังมาก แต่หนูก็เป็นคนอย่างที่หนูบอกไป ถ้าหนูฟังอะไรแล้วรู้สึกว่าไม่ make sense หนูก็จะปล่อยให้มันผ่านๆ หูไป เขาอาจจะคอมเมนต์มาแบบไม่ได้คิดหรือเปล่า แต่ถ้าบางคอมเมนต์มัน make sense และควรเอามาปรับปรุง หนูก็เอามาคิดนะคะ คุณพ่อเขาก็เป็นคนแบบหนูนี่ล่ะค่ะ เขาแยกออกว่าคอมเมนต์ไหนจริง คอมเมนต์ไหนไม่จริง

 มิย่าอยากเติบโตมาเป็นคนแบบไหน

หนูเหรอคะ (นิ่งคิด) หนูชอบอยู่กับเพื่อน ถ้ามีแฟนก็ชอบอยู่กับแฟน ชอบอยู่กับคนอื่นเป็นกลุ่ม ถ้าถามหนูว่าหนูอยากโตมาเป็นคนยังไง หนูอยากเป็นคนที่มีโอกาสได้ socialize บ่อยๆ ซึ่งตอนนี้หนูก็ทำอยู่ และหนูอยากใช้ชีวิตให้เต็มที่ ได้ทำงานที่หนูรักไปเรื่อยๆ ค่ะ

มีความฝันอะไรที่มิย่าอยากจะทำให้สำเร็จมากๆ ได้ไหม

ความฝันของหนูน่าจะเป็นอะไรที่คล้ายๆ คุณพ่อนะคะ หนูอยากเป็นนักแสดงตัวท็อปของวงการ แบบคุณพ่อที่สามารถเล่นละครได้เรื่อยๆ จากบทพระเอก มาเป็นพ่อพระเอก เป็นมาเฟีย อะไรแบบนี้ ดูน่าสนุกดีค่ะ หนูอยากไปให้ไกลได้เท่าคุณพ่อ

เห็นว่าอยากเป็น fashion designer จริงจังขนาดไหน

คิดจริงจังตั้งแต่ 11 ขวบแล้วนะคะ หนูว่ามันเริ่มตั้งแต่ที่หนูชอบตามคุณแม่ไปที่ร้าน Victoria’s Secret แล้วค่ะ ตอนนั้นหนูน่าจะสัก 9 ขวบมั้งคะ ยังไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ แต่ตอนตามคุณแม่ไปที่ร้าน มันจะมีทีวีที่เปิดวิดีโอนางแบบเดินแบบวนๆ ไป หนูจะไปยืนดูทีวีเป็นชั่วโมงๆ เลยค่ะ และหนูชอบเดินแบบมาก แต่ก็อาจจะสูงไม่พอ ชอบแต่งตัว หนูเลยรู้สึกว่าหนูอยากจะทำอาชีพนี้จริงๆ อยากแต่งตัวให้คนอื่นเหมือนกับที่หนูแต่งตัวเอง อยากจะดีไซน์ชุดที่อยู่บนรันเวย์ให้ได้ค่ะ

ดูสุขภาพจิตดีมาก มิย่าดูแลตัวเองยังไง

ปกติหนูเป็นคนมองโลกในแง่บวกอยู่แล้วนะคะ ไม่มั่นใจว่าได้มาจากใคร แต่หนูไม่คิดด้านลบเลย คุณแม่เคยบอกว่านี่อาจจะเป็นเรื่องไม่ดีก็ได้ เพราะหนูคิดบวกกับทุกอย่างบนโลกจริงๆ ไม่เคยมองใครในแง่ร้ายเลยจริงๆ แต่ถึงหนูจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่ถ้ามีใครมาทำอะไรไม่ดีกับหนู หรือพยายามจะมาหาประโยชน์จากหนู เอาเปรียบหนู หนูก็ไม่ยอมนะ หนูรู้ทันคน ไม่ได้อ่อนต่อโลกขนาดนั้น หนูแค่เป็นคนมองโลกในแง่ดีเท่านั้นเอง

ดูเหมือนจะคิดอะไรได้เยอะมาก อายุแค่ 16 เองนะ เคยคิดไหมว่าทำไมถึงเป็นได้ขนาดนี้

อาจจะเพราะว่าหนูทำงานตั้งแต่อายุ 13 มั้งคะ เลยเหมือนใช้ชีวิตเร็ว ได้รับประสบการณ์เร็วกว่าคนอื่นหลายเท่า คนอื่นอาจจะเริ่มทำงานตอนอายุ 18 แต่หนูเห็นงานทั้งหมดตั้งแต่ 13 เลยคงเข้าใจโลกเร็วมั้งคะ

เคยรู้สึกว่าเหนื่อยไหม

ไม่เหนื่อยนะคะ บางคนอาจจะรู้สึกว่าชีวิตมันยากจัง แต่สำหรับหนู หนูคิดว่าคนเราเกิดมาครั้งเดียว ไม่ต้องไปซีเรียสกับทุกอย่างในชีวิตขนาดนั้นหรอกค่ะ ปล่อยตามฟีลไปบ้างก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าให้ทำอะไรโง่ๆ นะคะ แต่หนูหมายถึงว่า ถ้าวันนี้อยากนอนเร็ว ก็นอนเร็ว อยากนอนดึก ก็นอนดึก อยากออกไปเจอเพื่อนก็ออกเลย ไม่ต้องคิดเยอะว่าจะกลับดึกไหม พรุ่งนี้จะตื่นทันไหม หนูไม่คิดอะไรเยอะขนาดนั้น เพราะถ้าคิดเยอะขนาดนั้น หนูจะเครียด แต่ถ้ามีเรื่องไหนที่ต้องคิดเยอะ หนูก็คิดนะคะ แต่ถ้าเป็นเรื่องการใช้ชีวิตแบบเบสิค ก็ไม่ต้องคิดลึกมากค่ะ พอใช้ชีวิตแบบนี้ ชีวิตหนูเลยง่าย และกลายเป็นคนไม่เครียดค่ะ

มีอะไรอยากจะพูดถึงแฟนคลับไหมคะ

หนูเป็นคนที่ appreciate แฟนคลับมากเลยนะคะ แต่หนูอาจจะแสดงออกไม่เก่ง เพราะหนูไม่สามารถสื่อสารกับแฟนคลับทุกคนได้ การแสดงความรักของหนูจะเป็นการกอดหรือการหอม พอไม่ได้เจอตัวจริง หนูก็ไม่รู้จริงๆ ว่าหนูจะแสดงออกให้ทุกคนรู้ได้ยังไงว่าหนู appreciate ทุกคนนะ หนูอาจจะพิมพ์ไม่เก่ง แต่หนู appreciate ทุกคนที่เป็นแฟนคลับหนูจริงๆ นะคะ

Assistant Photographers: Pak Lueng-on / Kasemcharn Tongkumsopa / Phongsak Wethee / Nuntanat Akaraphongkarn / Amornthep Kumjumpa /

Hair: Kanok-orn Thangchaiyaphum

Make Up: Nithipak Palakawong Na Ayudthaya

- Advertisement -
Previous article
Next article