Not Just Fried Chicken

Share This Post

- Advertisement -

Author & Photographer: Sethapong Pawwattana

มีโอกาสมาธุระที่นิวยอร์ก บอกเพื่อนๆ ว่าอยากกิน ไก่ทอดแถวฮาร์เล็ม เพราะเคยไปกินแบบราดเกรวี่อร่อยดี เพราะธุระที่จะไปอยู่แถวมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มีเพื่อนคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่าอย่าไปเที่ยวชวนใครกินไก่ทอดแบบไม่รู้บริบท เพราะจะเหมือนไปดูถูกเขา

จริงๆ เวลาเข้าร้านอาหารสไตล์ diner (ร้านอาหารขนาดเล็กในอเมริกา) ที่เหมือนร้านอาหารตามสั่งบ้านเรา นอกจากเปิดยาวทั้งวันไปจนดึกหรือบางร้านเปิด 24 ชั่วโมง ในเมนูส่วนใหญ่ก็มีวาฟเฟิลกับไก่ทอด ซึ่งปัจจุบันร้านแบบนี้หายไปเยอะ สมัยมานิวยอร์กแรกๆ ก็เคยตามหาและตามถ่ายรูปร้าน diner ที่ตกแต่งแบบ streamline บางร้านทำเป็นตู้รถไฟ หรืออาร์ตเดโค ยุคนั้นไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีกูเกิ้ล ก็ถือแผนที่กระดาษที่เขาแจกนักท่องเที่ยวนี่แหละเดินเสาะไปเรื่อยๆ

ทำไมไก่ทอดจึงเป็นเมนูที่ไม่ควรชวนใครไปกินโดยไม่รู้บริบทที่มา ทั้งๆ ที่เป็นเมนูยอดนิยม โดยเฉพาะไก่ทอดแบบทางตอนใต้ของอเมริกา ก็เพราะในอดีตไก่ทอดถูกจัดเป็นอาหารของคนผิวสี เป็นอาหารยอดนิยมที่มักจะรับประทานหลังไปโบสถ์วันอาทิตย์ ความนิยมนี้ก็เหมือนตราประทับว่าเป็นอาหารของคนกลุ่มหนึ่งๆ อย่างคนเขียนยังโดนล้อเลียนสมัยมาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ เรื่องชอบกินข้าวเหนียว คนภาคกลางเขากินข้าวสวย คือมีการตั้งแง่แบ่งแยกกลุ่มชาติพันธุ์กันผ่านทางอาหาร และสมัยนั้นถ้าอยากกินอาหารเหนือหรือหาเครื่องปรุงอาหารเหนือต้องไปตลาดเทเวศร์และได้ ‘อู้กำเมือง’ กันเพลิดเพลิน

แม้การเหยียดกันผ่านทางอาหารในยุคนี้อาจจะบรรเทาลงเพราะอาหารกลายเป็นเรื่องสากล ข้าวเหนียวก็กลายเป็นข้าวชนิดหนึ่งที่ให้เลือกบริโภคกันได้ จะกินกับอาหารอะไรก็แล้วแต่ชอบ ในอาหารอเมริกันไก่ทอดก็มีขายกันทั่วไป แต่ในนิวยอร์กร้านที่ขายเมนูไก่ทอดจะเป็นเบอร์เกอร์ไก่ทอดมากกว่า แต่ไก่ทอดกับวาฟเฟิลต้องไปหาในร้านแบบ diner ส่วนแฟรนไชส์ไก่ทอดผู้พันนั้นไม่ได้มีดาษดื่นหรือหากินได้ง่ายเหมือนในบ้านเรา

ไปนิวยอร์กครั้งนี้ไม่ได้ไปกินไก่ทอดในฮาร์เล็มอย่างที่ตั้งใจ จำได้ว่าเคยไปกินวันอาทิตย์คนแต่งตัวสวยทั้งร้าน พวกเขาไปโบสถ์มาด้วยชุดที่ประณีตที่สุด ให้ความสำคัญกับการแต่งตัวเพราะได้ไปใกล้ชิดกับพระเจ้า หมวกและถุงมือครบ คือเราดูแปลกประหลาดไปเลย ดีที่เขายังให้นั่งกิน ทั้งๆ ที่คนแน่นร้าน อาหารคือเป็นไก่ทอดชิ้นใหญ่วางบนแพนเค้กราดด้วยเกรวี่ เป็นอาหารที่พิเศษในบรรยากาศที่พิเศษจริงๆ บางร้านจะเขียน griddle กับไก่ทอด ซึ่งหมายถึงแพนเค้กหรือวาฟเฟิลให้เลือกได้ตามชอบเสิร์ฟกับไก่ทอด

แต่ครั้งล่าสุดนี้ได้กินไก่ทอดกับวาฟเฟิลสองสามครั้งเพราะชอบ แต่ที่ชอบและติดใจคือไปทำธุระจนบ่ายคล้อย ร้านอาหารทั่วไปจะปิดช่วงบ่ายแก่ๆ เลยมองหาร้านแบบ diner ก็เจอร้านชื่อ Skylight โดยบังเอิญ เห็นมีไก่ทอดกับวาฟเฟิลเลยสั่งมาไม่ได้คาดหวังอะไร ราคาสูงกว่าร้านแนวฟาสต์ฟู้ดที่ไปกินมาแล้วหน่อย คือนิวยอร์กมีระบบทิปเป็นเปอร์เซ็นต์ไง ไม่ต้องคิดเอง มีมาให้เลือกเสร็จในบิล ถ้าอาหารราคาสูงเราก็ต้องจ่ายค่าทิปเยอะไปด้วย

แต่เมื่อบริกร (รุ่นคุณป้าแต่งหน้าจัดสวมเสื้อขาวกระโปรงดำอันเสมือนเครื่องแบบ) วางจานอาหารตรงหน้าก็ต้องตกใจเพราะเขาให้ไก่มาเกือบครึ่งตัวใหญ่ๆ ขาดแค่น่องอีกชิ้นก็ครบครึ่งตัว นึกในใจว่าได้กินทิ้งกินขว้างแน่ แต่ลองตัดไก่ที่ทอดผิวนอกกรอบมากมาชิมต้องอึ้งว่ารสเข้มข้นขาดกระเทียมเยอะๆ อีกหน่อยก็จะเป็นไก่ทอดหาดใหญ่บ้านเราเลย แต่ที่แปลกใจคือเนื้อไก่ชุ่มมีรสชาติมาก แม้แต่อกไก่ก็ไม่เนื้อแห้งฟ่าม สรุปก็เลยเอาสเปรย์แอลกอฮอล์มาฉีดใส่มือ แล้วใช้มือกินไก่ทอดอย่างเพลินมาก ลืมวาฟเฟิลไปเลย คือทั้งร้านแทบไม่มีคน ก็เลยขอตามใจให้สมใจที่เจอไก่ทอดอร่อยแบบนี้ แต่ไม่ลืมที่จะราดน้ำเชื่อมเมเปิ้ลลงไปบนวาฟเฟิลฉ่ำๆ 

แล้วกินปิดท้ายเหมือนกินขนมหวาน

เมื่อบริกรมาเก็บจานก็บอกว่าอาหารอร่อยมาก เธอดูดีใจว่าคนกินชอบ แต่ยังไงเหนือกว่าคำชมใดๆ ก็คือเลือกให้ทิปตามอัธยาศัย 3 ระดับคือ 15-18-20% บางร้านเริ่ม 18-20-23% บ้าไปแล้ว แต่นี่คือนิวยอร์ก ถ้าไม่อยากทิปก็หาร้านสะดวกกินหรือร้านขายอาหารสำเร็จใส่กล่องซื้อมาแล้วจะนั่งกินในร้านหรือไปนั่งในสวนสาธารณะที่มีมากมายก็ได้ เพราะบางมื้อเงินที่ทิปไปราคากินอาหารอีกมื้อง่ายๆ ได้เลย

- Advertisement -