Photographer: Wasu Sukatocharoenkul
Fashion Editor: Chanond Mingmit
Author: Peerachai Pasutan

เล่นหน้ากล้อง เรียนหลังมอนิเตอร์
ตั้งแต่เห็นหม่ำ – เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา เดินเข้ามาที่สตูดิโอแต่ไกลๆ เราก็เห็นได้ถึงความกระฉับกระเฉงและความคิดไวทำเร็วของเขา นี่ดูจะสะท้อนถึงวิถีชีวิตของเจ้าตัวที่ต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่หลายอย่างในช่วงสองปีที่ผ่านมา จนต้องจัดการเวลาให้ดี และนี่ก็ส่งผลต่อการรับงานแสดงระยะหลัง “จริงๆ งานตัวเองก็เยอะอยู่แล้ว หนังตัวเองเราก็ทำ ละคร รายการทีวี หรือช่อง YouTube [M Busarakum] ของลูกสาว แล้ว Netflix เขาก็ติดต่อมาหลายเรื่องเหมือนกันนะ แต่ก็รู้สึกว่า ‘อืม… หนังจะเข้ากับเราไหม’” เขาเกริ่นถึงเงื่อนไขชีวิตก่อนจะตัดสินใจร่วมทีมแคสต์ของ ‘The Murderer เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ’ ภาพยนตร์ภาษาถิ่นอีสานเรื่องแรกของสตรีมมิ่งรายนี้ “ทีนี้ พอเป็นพี่วิศิษฏ์ [ศาสนเที่ยง – ผู้กำกับ] นี่ ผมยกย่องเขามากๆ เขามีจินตนาการล้ำเลิศและแนวคิดที่ไม่เหมือนใครตั้งแต่ ‘ฟ้าทะลายโจร’ หรือ ‘หมานคร’ [ดังนั้น] ถ้าผมไม่เล่นเรื่องนี้คงจะพลาดไปอีกนาน ผิดมหันต์เลย” แล้วหม่ำก็บรรยายถึงตัวละคร ‘ณวัฒน์’ มือปราบหัวร้อนที่เข้ามาไขคดีสุดป่าช้าแตกในเรื่องว่า “เขาเป็นคนตลกร้ายๆ นะครับ ชอบตรงที่ [คาแรกเตอร์] ไม่ได้ทำมาตลกหรอก มันจะตลกด้วยหน้าตาของตัวณวัฒน์เอง ซึ่งคนไม่เชื่อหรอกว่าคนคนนี้จะเป็นพนักงานสืบสวนที่จะได้เรื่อง เพราะหน้าตาดูไม่น่าเก่ง [ตลอดทั้งเรื่อง คนดูต้องเดาว่าณวัฒน์] รู้จริงไหมวะ พูดมั่วไปเรื่อยเลย ใช่หรือเปล่า” เขาหัวเราะ “[แล้วจริงๆ] ภาพรวมหนังทั้งเรื่องคือซีเรียสนะ แต่เรื่องราวทั้งหลายมาพักเบรกความเครียดที่ผม… ถ้าไม่มีตัวละครนี้ ‘เมอร์เด้อเหรอ’ ก็จะตึงไปเลยนะ”
ถึงแม้คิวถ่ายทำของหม่ำจะกินเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่เขาก็ได้ใช้โอกาสนี้เรียนรู้ศาสตร์ภาพยนตร์จากมุมมองของคนเบื้องหลังอื่นๆ ดังเช่นที่เคยทำเสมอมา “ผู้กำกับแต่ละคนจะมีลายเซ็นที่ไม่เหมือนกัน อย่างหนังหม่อมน้อย [ม.ล. พันธุ์เทวนพ เทวกุล], คงเดช [จาตุรันต์รัศมี] หรือยุทธเลิศ [สิปปภาค] เราก็ดูเขาทำงานตอนที่เล่นหนังของเขา… แล้วอย่างที่บอกครับว่า พี่วิศิษฏ์เนี่ย ผมไม่เคยได้เจอเขาเลย [ตอนถ่าย ‘เมอร์เด้อเหรอ’ ถ้าไม่มีคิว] ผมนี่ไม่นอน ไปนั่งดูในกองฯ ก็… อ๋อ ได้เห็นว่าเขาทำอย่างนี้เพื่อไปสอดรับกับอย่างนี้นะ อย่างหนังของผมเองคือภาพสวยประมาณหนึ่ง แสงก็ไม่ต้องอะไรมาก แล้วเน้นมุกให้มีสีสันจากภาษาภาพยนตร์ แต่วิธีการของพี่วิศิษฏ์หรือของคนที่พูดๆ ชื่อมาก็จะมีนอกเหนือจากที่ผมรู้… เหลือคนเดียวที่ยังไม่ได้ดูการทำงานและร่วมงานกันคือพี่เป็นเอก [รัตนเรือง] ครับ” ทันใดนั้น เราก็สงสัยว่า หาก Netflix ติดต่อให้หม่ำมากำกับภาพยนตร์สักเรื่อง เขามีไอเดียอะไรในใจบ้างไหม “ต้องแนวเราอีกแหละ ก็คือตลก… อันนี้สมมติเฉยๆ นะ อยากได้โจวซิงฉือมาเล่นเครียดๆ แล้วเอาหลิวเต๋อหัวมาขายขำ แต่ยังไงคนก็ต้องหัวเราะที่โจวซิงฉือมาเล่นเครียดๆ แบบที่ผมเล่นเป็นณวัฒน์ครับ”


3 in 1
ตอนนี้หม่ำเสมือนสวมหัวโขนพร้อมกันสามหัวด้วยสามภาระความรับผิดชอบหลัก เราจึงไล่เลียงถามความคิดเห็นของเขาในบทบาทต่างๆ เริ่มจาก ‘ศิลปินคอเมดี’ เป็นอย่างแรก “บ้านเราเนี่ย มันถูกตีกรอบ [ว่าตลกก็เป็นเพียงตลก] ด้วยความเป็นหม่ำ ความเป็นเท่ง ความเป็นโหน่ง ความเป็นแจ๊ส ขนาดเล่นเป็นโจรยังตลก แต่ต่างประเทศไม่ใช่นะ เขาสบายๆ เล่นอะไรก็ได้ อย่างเช่นจิม แคร์รีย์ เขาเล่นซีเรียสก็ซีเรียสเลย” เขาพูดถึงมุมที่คนไทยมองนักแสดงตลก และบอกต่อว่า ทุกสิ่งในวันนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว รวมถึงศิลปะในการสร้างเสียงหัวเราะด้วย “วิธีเล่นตลกก็เปลี่ยน วิถีคนดูก็เปลี่ยน จะเล่นเซ่อๆ ซ่าๆ หรือมา ‘เชียงใหม่ชายเหมี่ยง’ ก็ไม่ใช่แล้ว เราต้องเล่นไปตามวันเวลาที่ [สิ่งต่างๆ กำลัง] เกิดขึ้น… ตลกที่เป็นตัวตนของตัวเองจะอยู่ได้ตลอด ตลกที่ไม่มีตัวตนของตัวเองนี่ลำบาก เพราะเขาแค่อยากเป็นตลก” แล้วตัวตนของหม่ำล่ะคืออะไรกัน “ผมมองหรือพูดอะไรก็ตลกหมดแหละ [เช่น] ความแรงของเครื่องบินรบ เขาเรียกหน่วยเป็น ‘G’ คุณรู้เปล่า ค่าจีคืออะไร…” หม่ำถามอย่างเป็นธรรมชาติและหน้าตาย แล้วทุกคนในวงสัมภาษณ์ก็ยิ้มและหัวเราะออกมาดื้อๆ “เห็นไหม เนี่ยก็ตลกอีกแล้ว… เอ๊า ‘กูพูดจริ๊ง’ [ทุกคนขำต่อ] แต่คนที่เขารู้ เขาดูรู้ว่าหม่ำพูดภาษาฟิสิกส์นะ…” เขาจึงสรุปรวบยอดว่า นักแสดงตลกต้องใฝ่รู้และทันโลก ขณะเดียวกัน คนอื่นๆ ก็ไม่ควรประเมินความสามารถของศิลปินเหล่านี้น้อยเกินไป
บทบาทถัดมาของหม่ำคือ ‘นายห้าง’ ประจำยุ้งข้าวเรคคอร์ด “ผมเป็นคนลูกทุ่งกับชอบฟังเพลงมานานแล้ว บวกกับอยู่วงลูกทุ่งมาก่อน รู้สึกว่ามันน่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ นะ [แต่ปรากฏว่าพอมาจับงานจริง] ไม่ง่าย มานั่งคุมร้อง บางทีนักร้องออกเสียงผิดอย่างนี้นี่… ปวดหัวเลยนะ” เราถามเจ้าตัวต่อว่า แบกรับและกระจายความเสี่ยงในการทำเพลง รวมถึงตั้งเป้าหมายของค่ายไว้อย่างไร “จริงๆ แล้วต้นทุนก็ไม่ค่อยเยอะหรอก แต่ถ้าบวกไปสิบคน สิบศิลปิน มันก็เยอะเหมือนกันนะ แต่ถ้า [ผลงาน] โดนใจคนฟังก็โดนทั้งเล้าทั้งคอก มันจะไปด้วยกันหมด [ส่วนเรื่องเป้าหมาย] จริงๆ เราก็ไม่คาดหวังหรือคิดมากมายขนาดนั้น ได้ดีลศิลปิน คนละล้านสองล้าน เราก็อยู่ได้แล้ว ให้คนได้รู้จักเพลง ได้ค่าโชว์ เดือนหนึ่งมีโชว์สี่ห้าครั้งก็โอเคแล้ว เงินเดือนผมเองก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ใจเราชอบครับ”


จากนั้น หม่ำก็พูดถึงบทบาทในฐานะ ‘ผู้สร้างภาพยนตร์’ เป็นข้อสุดท้าย “เหมือนเพลงครับ ถ้าหนังเรื่องนั้นไม่โดนใจคนดู [ก็จะโดนวิจารณ์ว่า] ‘เฮ้อ! แสงก็ไม่สวย ไดอะล็อกก็ไม่ดี’ แหะ! แต่ถ้าทำแล้วโดนนะ… มันก็เปรี้ยงง่ายๆ เลย และจะไม่มีที่ติหรอก ‘แสงสวยจัง ฯลฯ’ ทั้งๆ ที่ทุกอย่างก็ทำแบบเดิมนั่นแหละ” เขายกตัวอย่างจนเราเห็นภาพตามและอดหัวเราะกับท่าทางของเขาไม่ได้ จากนั้น หม่ำยก ‘แหยม ยโสธร’ เป็นภาพยนตร์สักเรื่องที่น่าจะสะท้อนชีวิตของเขาได้สมบูรณ์ที่สุด ทั้งหน้าฉากและเบื้องหลัง ตลกและดรามา ความสมหวังและผิดหวัง แล้วก็เล่าย้อนถึงช่วงที่พิทช์โปรเจกต์นี้ใหม่ๆ “เมื่อ 20 ปีก่อน [ผมกังวลว่า] จะมีใครดูหนังพูดภาษาอีสานไหม… ณ ตอนนั้น ไม่มีใครกล้าเสี่ยง อย่าว่าแต่เสี่ยงเลย ขนาดเสี่ยเจียง [สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ] เจ้าของหนัง จะยังไม่เอาด้วยเลย [ผมก็ตอบกลับไปว่า] ‘เออหน่า! อยากทำ’ เราก็ทั้งรั้นทั้งดื้อ ทีนี้ [พอประสบความสำเร็จ] ก็ [มีภาพยนตร์ภาษาถิ่นเรื่องอื่นๆ] ตามมาเป็นพรวนเลย… เห็นไหมล่ะ สิ่งใหม่ๆ จะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงครับ”
จากลูกทีมในวงลูกทุ่งเมื่อตอนหนุ่ม มาสู่ซูเปอร์สตาร์ผู้บริหารในวัยใกล้ 60 มีอะไรอย่างอื่นอีกไหมที่ศิลปินชื่อเพ็ชรทายอยากจะทำ “อยากเป็นนายกฯ มากเลย แต่คงจะยุ่ง [ถ้าเขาเชิญเป็นนายกฯ คนนอกล่ะ] คนนอก… ก็อยากเป็น แต่น่าจะยุ่ง” ทั้งหม่ำทั้งเราขำกันทั้งวง “เอาอย่างนี้ เอาแค่นายกสมาคมศิลปินตลกก่อนดีกว่า คงจะง่ายกว่า คงจะบอกให้เพื่อนๆ มาเลือก” สมมติว่าถ้าได้เป็น จะปฏิรูปวงการตลกไทยอย่างไร “ผมจะแก้เอาพวกที่เล่นไม่ค่อยเข้าท่าให้เล่นทันสมัยขึ้น… คือไม่มีกฎหมายหรอก แต่ต้องแก้นี่ก่อน” หมายความว่าให้เล่นทันข่าวสารบ้านเมือง “ถูกต้อง! แต่ไม่ใช่ไปละลาบละล้วงผู้หลักผู้ใหญ่หรือเล่นแต่ด้านลบอย่างเดียวนะ ต้องเล่นทั้งพระเดชและพระคุณ ต้องมีหัวมีหางรวมกันไปด้วย…” หม่ำหยุดหายใจ “แต่ไม่เป็นดีกว่า [ส่ายหัว] ยุ่งแล้ว ทุกวันนี้ก็ปวดตาปวดหัว ไม่รู้จะดูแลอย่างไรแล้ว” หม่ำทิ้งท้ายอีกหนึ่งฮาก่อนออกไปถ่ายแบบให้เราต่อ
‘The Murderer เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ’ สตรีมแล้วทาง Netflix เท่านั้น และติดตามหม่ำกับครอบครัวได้ทางช่อง YouTube: M Busarakum
Assistant Photographers: Annop Dawwaset / Similan Prangprasert
Stylist: Suphakit Hunarak
Assistant Stylist: Kamolchanok Sawangroj
Make Up & Hair: Chotiros Rod-Don