สุขเมื่อค้นเจอจุดเริ่มต้นยุครุ่งเรืองของตัวเอง
Photographer: Napat Gunkham
Fashion Editor: Chanond Mingmit
ตอนนี้ผมก็อยู่ตรงวัยที่ไม่รู้ว่าจะโตหรือจะเด็ก เพราะโลกบอกว่าเราต้องโตได้แล้ว แต่เราก็ไม่อยากโต ผมเป็นพวก live in the moment ไม่ต้องเป็นห่วงว่าสิ่งนั้นต้องเป็นแบบนี้ หรือในอนาคตเราต้องเป็นแบบนั้น เราพยายามใช้ชีวิตในปัจจุบันให้มันมีความสุข อย่าเพิ่งเศร้าไว
– จักร วรรธนะสิน –
เคยสงสัยไหมว่าทำไมอายุ 18 ปีถึงเป็นเส้นแบ่งระหว่างวุฒิภาวะแบบเด็กและผู้ใหญ่ แม้ว่าจะไม่มีหลักการที่หนักแน่นใดมารองรับ แต่หลายประเทศก็กำหนดให้ผู้ที่มีอายุ 18
ปีมีสิทธิตามกฎหมายสำหรับการตัดสินใจด้วยตัวเองในหลายกรณี คำถามก็คือ แล้วก่อนที่วัยรุ่นคนหนึ่งจะอายุครบ 18 ล่ะ เส้นทางแบบไหนที่เขาต้องเผชิญ เรียนรู้ และสั่งสมวุฒิภาวะกว่าสังคมส่วนใหญ่จะยอมรับว่าเขาโตแล้วในวัย 18 ปีบริบูรณ์
เจ้าสมุทร – จักร วรรธนะสิน ลูกชายคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 3 ‘เจ้า’ เพิ่งเซอร์ไพรส์คนรอบตัวในวัย 18 ของตัวเองด้วยการตัดสกินเฮด และย้อมผมเป็นสีทอง! ดูเหมือนว่าสไตล์และแนวทางในการแต่งตัวจะโดดเด่นและแข็งแกร่งไม่น้อยหน้าไปกว่าพี่ชายทั้งสองของเขา ลอฟฟีเซียล ออมส์ รู้แล้วว่าเจ้าสมุทรไม่ใช่เด็กคนเดิมอีกต่อไป และเราอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้!
กลับมาจากต่างประเทศรอบนี้ รู้สึกมั่นใจ และเป็นตัวของตัวเองมากเลย ไปเจออะไรมา
จริงๆ แล้วผมไม่ได้เป็นคนมีความมั่นใจเลย แต่เราต้องเชื่อมั่นในตัวเองเสมอ เพราะมันไม่มีใครจะมาว่าเราได้ถ้าเรามีความสุขอยู่แล้ว เป็นเรื่องของวัยด้วย วัยรุ่นของทุกคนก็ต้องผ่านเรื่องราวของตัวเองมา เราแค่เริ่มเร็วเพราะว่าพ่อแม่ส่งไปผจญภัยที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก เลยได้ค้นหาตัวเองด้วย
ดูจะมีความมั่นใจสูงขึ้นมากเลย พูดได้ไหมว่ามั่นใจสุดแล้วในบรรดาพี่น้อง 3 คน
เพราะผมเป็นคนสุดท้องและมีพี่ทั้งสองคนผ่านทุกอย่างมาก่อนแล้ว ก็เรียนรู้จากพี่ๆ มาตลอด สไตล์เราตั้งแต่เด็กจะเป็นผสม ‘เจ้านาย’ และ ‘เจ้าขุน’ (หัวเราะ) แต่ตอนเริ่มไปเรียนที่อังกฤษไม่มีพี่ ก็เลยค้นหาตัวเอง พอโตขึ้นมาเรื่อยๆ มันก็เริ่มแตกต่าง ผมไม่มีคำว่ากลัวว่าอยากแต่งตัวยังไง อยากทำสีผมอะไร คิดว่าผมแต่ละทรงที่ทำเป็นประวัติศาสตร์ของตัวเองว่ายุคไหนแต่งตัวสไตล์ไหน แนวตัวเอง ผมเรียกว่าอย่างนั้น
พอมันอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากเด็กไปผู้ใหญ่ การแต่งตัวเป็นเรื่องยากไหม
ก็มีบ้าง เพราะเอาจริงๆ ตอนนี้ผมก็อยู่ตรงวัยที่ไม่รู้ว่าจะโตหรือจะเด็ก เพราะโลกบอกว่าเราต้องโตได้แล้ว แต่เราก็ไม่อยากโต ผมเป็นพวก live in the moment ไม่ต้องเป็นห่วงว่าสิ่งนั้นต้องเป็นแบบนี้ หรือในอนาคตเราต้องเป็นแบบนั้น เราพยายามใช้ชีวิตในปัจจุบันให้มันมีความสุข อย่าเพิ่งเศร้าไว
คิดแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่
น่าจะตอนอายุ 16 ถ้าใครติดตามผมมาจะเห็นว่าตอนนั้นเริ่มเล่นสเก็ตบอร์ดใหม่ๆ พอมีคนเริ่มบอกว่าแต่งตัวเท่ ก็เหมือนกระจกส่องให้เราเห็นว่าแบบนี้คนก็ชอบ เป็นตัวเองในแบบที่เราเป็น โอเค งั้นคนชอบในแบบที่เราเป็นจริงๆ ไม่ต้องแกล้งเป็นคนอื่น เพราะตอนแรกๆ จะชอบแต่งตัวหรือหาสไตล์ตามดารา เดี๋ยวนี้เราแต่งตัวเพื่อเรา ไม่ต้องเป็นคนอื่น
แล้วตอนที่ตัดสกินเฮดครั้งแรกล่ะ สะใจไหม
โล่งมาก! (ยิ้ม) อากาศที่อังกฤษตอนนั้นร้อนด้วย ก็เลยตัด เป็นครั้งแรกที่ได้มองเห็นหน้าตัวเองเต็มๆ เพราะปกติผมบังหน้าตลอด (หัวเราะ) รู้สึกดีนะ แต่เพื่อนก็ตกใจอยู่หลายคน จริงๆ แล้วก่อนหน้านั้นเคยทำผมสีชมพูด้วย แล้วค่อยมาเป็นสกินเฮด แล้วก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ช่วงนั้นคือช่วงที่เราชอบพังค์พอดี คิดว่าเป็นแนวเราเลย พอบอกแม่ แม่ก็ชอบ ส่วนพี่กับพ่อบอกว่าเหมือนแรปเปอร์ (หัวเราะ) ครอบครัวไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าสิ่งนี้ทำไม่ได้ แค่รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม แบบ just different!
แล้วสไตล์ไหนที่ลองแล้วรู้สึกว่าไม่ทำอีกดีกว่า
ไม่ค่อยมีนะ เพราะว่าผมเป็นสายแฟชั่น ครีเอทีฟอยู่แล้ว เราไม่มีสไตล์ชัดเจนเวลาแต่งตัว สมมติถ้าเป็นเสื้อขาว-กางเกงยีนส์ก็อาจจะน่าเบื่อ แต่เราชอบแฟชั่น ก็จะพยายามเอาเสื้อตัวนี้ไปแมตช์กับกางเกงตัวนั้น เอาอะไรที่คิดว่าไม่ใช่ ไปผสมกับอันอื่น มันก็อาจจะใช่ เลยคิดว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าให้นิยามสไตล์ของตัวเองก็คงเป็น ‘just me!
เมื่อโลกบังคับให้โตแล้วต้องไปต่อ อนาคตของเจ้าสมุทรหน้าตาเป็นแบบไหน
ตอนนี้ตั้งใจเริ่มจริงจังกับการถ่ายภาพไปก่อน ฝากทุกคนติดตามด้วยนะครับ (ยิ้ม) เพราะเรียนศิลปะมาตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น เรารู้อยู่แล้วว่าตัวเองมาสายครีเอทีฟ ไม่น่าใช่อะไรที่เกี่ยวข้องกับตัวเลข คือเราไม่ได้โง่ที่ทำไม่ได้ แต่เราชอบพวกนี้มากกว่า ผมมีแพลนว่าอยากเป็นอาร์ติสท์ ที่ปกติจะมีหลายแบบ นักร้อง ช่างภาพ คนวาดรูป แต่เวลามีคนถามว่าทำงานอะไร ผมอยากบอกว่าเป็นอาร์ติสท์ แบบไม่ต้องเลือกแนวทาง เป็นอาร์ติสท์ทั้งหมด มันรู้สึกเท่ดี (หัวเราะ) เพราะอยากทำเองทุกอย่าง ร้องเพลง ถ่ายเอ็มวี แล้วอยากให้เครดิตขึ้นตอนท้ายว่าเป็นผลงานของเราทั้งหมด
Make Up: Thaksaphorn Prawiset / Hair: Nattakorn Rangsimawong
Assistant Photographers: Nantanat Akaraphongkarn / Ratchapat Kamwong
Assistant Fashion Editors: Napat Gunkham / Chakrin Manuyyakorn / Pawinthita Kitkransangvorn
Videographer: Katsara Leecharoen / Assistant Videographer: Piyakorn Glinfuang