ชวนคุยเรื่องเกี่ยวกับ ‘เพลง’ ล้วนๆ แบบไม่มีเรื่องอื่นเจือปนของ Charlie Puth 

Share This Post

- Advertisement -

ถ้าลองเสิร์ชชื่อ Charlie Puth ในเสิร์ชเอ็นจิ้นยอดนิยม ปฏิเสธไม่ได้ว่า แต่ละเรื่องที่โผล่ขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ นั้นแทบจะหาเรื่อง ‘ดี’ ไม่ได้เลย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้(อีก)ว่านักร้องหนุ่มเสียงดีคนนี้เขาก็มีดีที่ ‘การทำเพลง’ นั่นแหละ ลอฟฟีเซียล ออมส์ ชวนคุณรู้จักกับชาร์ลีในแง่มุมของเพลงล้วนๆ แบบเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวผ่านบทเพลงหลายร้อยล้านวิว (และถึงหลายพันล้านวิวในบางจังหวะ) ของเขา


See You Again (Wiz Khalifa ft. Charlie Puth)

เพลงนี้ไม่ใช่เพลงของหนุ่มชาร์ลี แต่เป็นเพลงที่การันตีว่าเสียงของชาร์ลีนั้นเหมาะกับเพลงป็อปความหมายซึ้งๆ แบบนี้แค่ไหน เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Furious 7 ที่ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของแฟรนช์ชายส์ The Fast and The Furious ที่มีพอล วอล์คเกอร์นำแสดง (เขาประสบอุบัติเหตุระหว่างที่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ และต้องใช้น้องชายของเขามาแสดงต่อให้จบเรื่อง) และทำให้ชาร์ลีก้าวจากการเป็น ‘นักร้องคัฟเวอร์เพลงลงยูทูบ’ สู่ ‘ผู้เข้าชิงรางวัล MTV Video Music Awards 2015 

ชาร์ลีรับบทผู้เขียนเพลงท่อนฮุกในระหว่างที่เขาบินไปเซ็นสัญญากับ Atlantic Records ที่แอลเอ และเมื่อโปรดิวเซอร์เลือกเพลงเขา นั่นคือจุดพลิกในชีวิตของเขาทันที “เป็นครั้งแรกที่ผมรู้ตัวว่าผมอยากเป็น ‘ชาร์ลีผู้เป็นศิลปิน’ จริงๆ ไม่ใช่แค่ ‘ชาร์ลี โปรดิวเซอร์ และนักแต่งเพลง’ น่ะครับ” เขากล่าว และสารภาพว่าเพลงนี้แหละ เป็นเพลงที่แนะนำชาร์ลีให้เรารู้จักอย่างเป็นทางการ หาใช่เพลงหลายพันล้านวิวเพลงอื่นของเขาไม่ (และต้องยอมรับว่า หกพันล้านวิวของเพลงนี้มาจากพลังของทั้งแฟรนช์ชายส์ Fast & Furious, Wiz Khalifa และ Paul Walker มากกว่าตัวชาร์ลีเองในยุคนั้น)


Marvin Gaye (ft. Meghan Trainor)

อีกหนึ่งเพลงฮิตระเบิดระเบ้อของหนุ่มชาร์ลีที่ทำให้ชาวโลกคุ้นกับทำนองเพลงของเขาก็เริ่มต้นจากทริปไปเซ็นสัญญาเข้าค่าย Atlantic Records ที่แอลเอเช่นกัน วันแรกที่เท้าเหยียบแผ่นดินแอลเอ เขาก็แต่งเพลงนี้ อีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ในระหว่างอยู่ที่สตูดิโอกับ Meghan Trainor เขาก็ได้รับเชิญให้ไปปรากฏตัวใน MTrain Tour ของเมแกน พวกเขาตัดสินใจเขียนเพลงร่วมกันอย่างจริงจังระหว่างตะลอนทัวร์ “ผมเป็นคนเริ่มจังหวะบีตบ็อกซ์ ส่วนเมแกนก็มีทำนองต่างๆ ในหัวเธออยู่แล้วน่ะครับ” เขาเล่า “พวกเราเริ่มต้นการเขียนเพลงด้วยกันผ่านการจ้องหน้ากันไปจ้องหน้ากันมาบนรถทัวร์ ผมไม่รู้เลยว่าผมจะมีโมเมนต์อะไรแบบนี้กับคนอื่นได้อีกไหม” 

คงเป็นจังหวะและปาฏิหาริย์อันเหมาะเจาะที่ส่งทั้งวิซ (คาลิฟา) และเมแกน (เทรเนอร์) มาให้เขาในวันนั้น เชื่อเถอะว่าบนโลกที่ดูเหมือนจะเปิดโอกาสให้กับทุกคนแบบนี้ ถ้าโอกาสมาผิดจังหวะ โอกาสเปรี้ยงกับแป้กนี่ใกล้กันเพียงระยะเส้นบางๆ กั้นเท่านั้น ก็ต้องกราบตักสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และความพยายามของเขาที่ทำให้พวกเรามีโอกาสเห็นเขาบนเวทีใหญ่ๆ ในทุกวันนี้


We Don’t Talk Anymore (feat. Selena Gomez)

เราสัญญากันว่าบทความนี่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องเพลงล้วนๆ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของพ่อหนุ่มชาร์ลี งั้นมาดูที่ข้อเท็จจริงกันก่อนว่าชาร์ลีและเซเลน่าเจอกันที่กรุงลอนดอน และกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างรวดเร็ว และเพลงยอดหลายพันล้านวิวนี่ไม่ได้อัดในสตูดิโอแม้สักวินาที “ไลน์กีตาร์เริ่มต้นขึ้นตอนที่ผมอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ผมหยิบกีตาร์มาตอนอยู่ในโรงแรมแล้วก็เริ่มอัดไลน์กีตาร์ด้วยไอโฟนของผมเลย มันบ้ามาก” เขาเล่า “ผมไม่ได้เซ็ตอัพไมโครโฟนเสียด้วยซ้ำ แล้วผมก็ไปที่ประเทศฟิลิปปินส์ โพรดิวซ์ส่วนอื่นๆ ของเพลงอย่างจังหวะกลองออกมา แล้วก็กลับไปอัดเสียงที่แอลเอ หลังจากนั้นวีคหนึ่ง ผมโทรหาเซเลน่าหลังจากส่งเพลงนี้ให้เธอไป เธอตกหลุมรักมันทันทีเลยครับ” 

และจังหวะอัดเสียงของเซเลน่าก็พีคไม่แพ้กัน เพราะเธอมาหาเขาที่บ้านและทั้งคู่เซ็ตอัพไมโครโฟนสำหรับอัดท่อนของเธอในห้องแต่งตัว (หรือตู้เสื้อผ้า) “ผมบอกได้เต็มปากเลยครับว่าผมมีเสียงของเซเลน่าร้องเพลงในตู้เสื้อผ้าอยู่ ดูเป็นการเซ็ตอัพที่เหลือเชื่อ แต่ผมคิดว่ามันคือสิ่งที่ทำให้การอัดเสียงครั้งนี้มันพิเศษ และเธอก็ทำได้ดีมากจริงๆ ครับ” 


Left And Right (feat. Jung Kook of BTS)

อีกหนึ่ง collaboration หยุดโลกระหว่างสองหนุ่มจากสองซีกโลก ชาร์ลีและจองกุก และอีกครั้งที่เราขอละเว้นดราม่าตั่งต่างจากทุกสารทิศมาโฟกัสกันเฉพาะเรื่องเพลงล้วนๆ “เขาเป็นอัจฉริยะที่เก็บตัวครับ” เขาเคยพูดถึงจองกุก “เขามีเสียงร้องที่เพอร์เฟ็กต์ จับโน้ตได้ทุกตัวอย่างทันที ซึ่งผมประทับใจเขามาก เขาไม่พูดภาษาอังกฤษสักคำ แต่พวกเราก็สื่อสารกันได้เหมือนพวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันผ่านบทเพลง มันเป็นสิ่งที่สวยงามจริงๆ ครับ” 

และก็อย่างที่บอกว่า ทุกสิ่งอย่างมีจังหวะของมัน ตอนที่ชาร์ลีติดต่อจองกุกไปเพื่อร่วมงาน “ผมไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าพวกเขากำลัง ‘พักวง’ ตอนที่ผมติดต่อเขา และถามว่าเขาอยากจะมาร่วมงานกับผมหรือเปล่า” ชาร์ลีเล่า… ซึ่งเราว่า จังหวะพักวงนี่แหละเป็นจังหวะดีที่เขาจะเจียดเวลามาทำเพลงร่วมกับศิลปินคนอื่น ซึ่งเป็นอีกครั้งที่เราว่าชาร์ลีคงจะญาติดีกับสิ่งที่เรียกว่าจังหวะและปาฏิหาริย์จริงๆ 


Lipstick

กระโดดข้ามทุกเพลงฮิตมาทำความรู้จักกับซิงเกิ้ลล่าสุดของเขาที่จะนำไปสู่สตูดิโออัลบั้มลำดับที่สี่ ซึ่ง(น่าจะ)ถูกปล่อยออกมาในไม่ช้า และเพลงนี้ก็มีเนื้อหาหวือหวาแบบปิดไม่มิด (มิวสิควิดีโอก็ไม่แพ้กัน) ซึ่งในบทสัมภาษณ์หนึ่งของเขา เขาเคยออกปากเองเลยว่าเขาเคยหยุดมีเซ็กซ์กะทันหันเพื่อเขียนเพลงมาแล้ว “ผมเขียนเพลงตอนกำลังทำอยู่เลยครับ” เขาให้สัมภาษณ์ “บางทีผมควรจะโฟกัสกับสิ่งตรงหน้าให้มากกว่านี้แหละ แต่ทำนองมันผุดขึ้นมาในหัวตอนนั้นพอดี ผมก็เลยหยุด หันกลับไปอัดเสียงสั้นๆ แล้วค่อยกลับไปต่อน่ะครับ” 

ก็ไม่รู้สินะว่าเพลงที่เขาพูดถึงในบทสัมภาษณ์นั้นคือเพลงอะไร แต่ก็นั่นแหละ… เรื่องทั้งหมดที่เราพอจะรู้เกี่ยวกับเขาผ่านบทเพลงทั้งหลาย 


ใครอยากไปฟังบทเพลงเหล่านี้สดๆ เขากลับมาเยือนกรุงเทพเมืองคอนเสิร์ตอีกครั้งแล้วในรอบ 5 ปี กับ ‘Charlie Puth Presents The “Charlie” Live Experience Bangkok’ ในวันที่ 6 ตุลาคม 2023 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี  บัตรจำหน่ายแล้วที่บู๊ตไทยทิคเก็ตเมเจอร์ 11 สาขาหลัก และทางเว็บไซต์ www.thaiticketmajor.com 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.livenationtero.co.th 

อ้างอิง: 01 / 02 / 03 / 04 / 05

- Advertisement -