พบกับนาฬิกา ‘HUBLOT’ รุ่น MP-15 TAKASHI MURAKAMI TOURBILLON ONLY WATCH
MP-15 TAKASHI MURAKAMI TOURBILLON ONLY WATCH
นาฬิกา ยูนีค พีซ และผลงาน CENTRAL FLYING TOURBILLON
ครั้งแรกของ HUBLOT
จักรกลทูร์บิญองกลาง หรือ Central Tourbillon สามารถตีความตามได้ถึงความตั้งใจของ Hublot (อูโบลท์) ที่จะทำให้เครื่องบอกเวลาชั้นสูง หรือ Haute Horlogerie ได้กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง หรือการนำเสนอรูปทรงกลมของนาฬิกา ที่อาจดูคล้ายกับภาพวาดดอกเดซีของเด็กที่เรียงรายด้วยกลีบดอกทั้ง 12 กลีบ โดยมีสีเขียวที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของความหวัง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งของเรือนเวลาMP-15 Takashi Murakami Tourbillon Only Watch (เอ็มพี-15 ทาคาชิ มุราคามิ ทูร์บิญอง โอนลี่ วอทช์) คือความจริงที่ว่า ทุกคนจะได้เห็นผลงานนี้เป็นดั่งสัญลักษณ์ของสิ่งที่พวกเขาเห็นคุณค่า เสมือนดอกไม้ที่เบ่งบานรายล้อมด้วยคุณค่ามากมายเฉกเช่นสีสันอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความไฮเทคล้ำสมัย ความประณีตวิจิตร ความสนุกสนาน ความมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว และสวยงามราวดั่งต้องมนตร์สะกด … และในครั้งนี้ Haute Horlogerie (เครื่องบอกเวลาชั้นสูง) ได้มาบรรจบกับ Haute Joaillerie (เครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง) ภายในนาฬิกาสุดสร้างสรรค์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Smiling flower (ดอกไม้ยิ้ม) อันเป็นไอคอนิกของ Takashi Murakami (ทาคาชิ มุราคามิ)
องค์ประกอบของดอกไม้คือศูนย์กลางผลงานสร้างสรรค์ของ Takashi Murakami ศิลปินชาวญี่ปุ่นคนนี้ได้สร้างชื่อเสียงจากจุด เริ่มต้นจนกลายมาสู่การเป็นหนึ่งในศิลปินอันเป็นที่ต้องการสูงสุดของโลก และเขาได้ร่วมเป็น Friend of Hublot (เฟรนด์ ออฟ อูโบลท์) นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020 โดยหลากหลายผลงานสร้างสรรค์แห่งความร่วมมือกันนี้ล้วนผลิตขึ้นในซีรีส์จำนวนจำกัด โดย เฉพาะนาฬิการุ่นใหม่นี้ที่จำกัดยิ่งกว่า เพราะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นอกจากเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวโดยธรรมชาติแล้ว(สร้างสรรค์ ขึ้นเพียงเรือนเดียวเท่านั้น) ยังมีความโดดเด่นของโครงสร้างตัวเรือน ซึ่งสิ่งที่ทำให้MP-15 (เอ็มพี-15) นั้นแตกต่างไปจาก ผลงานอื่นๆ ที่โรงงานการผลิตแห่งนี้ได้เคยสร้างสรรค์มาตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี นั่นก็คือ การบรรจุด้วยกลไกทูร์บิญองกลาง หรือ Central Tourbillon นั่นเอง


นาฬิกาจักรกลเซ็นทรัล ทูร์บิญอง ครั้งแรกของ Hublot
นาฬิกา Central Tourbillon นี้ ถือเป็นตัวแทนของการผสมผสานแห่งศิลปะและงานออกแบบเครื่องบอกเวลา ด้วยแนวคิดที่ สะท้อนถึงการอุทิศตนของ Hublot ให้กับ Haute Horlogerie และโลกของ Takashi Murakami ซึ่งแน่นอนว่าแนวคิดนี้มี Haute Horlogerie เป็นดั่งศูนย์กลาง ทว่าไม่ใช่เพียงเท่านั้น แนวคิดนี้ยังแสดงให้เห็นว่าทูร์บิญอง ซึ่งเป็นหัวใจขับเคลื่อนของนาฬิกา คือตัวแทนของหัวใจของผู้ที่ได้ครอบครองเรือนเวลานี้จากการประมูลเพราะต้องการช่วยเหลือโครงการวิจัยเกี่ยวกับโรคกล้ามเนื้อเสื่อม สภาพ (Duchenne’s disease) รวมไปถึงหัวใจของเด็กๆ ที่กำลังต่อสู้กับโรคนี้
การจินตนาการถึงผลงานชิ้นนี้ Takashi Murakami ได้ขออย่างชัดเจนให้นำ Central Tourbillon มาใช้ ซึ่งนับเป็นความท้าทายขีดข้อจำกัดเพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ของนาฬิกา Central Tourbillon เรือนแรกของ Hublot นับเป็นความท้าทายอันยากลำบาก เพราะต้องอาศัยความสลับซับซ้อนสูงในการแสดงเวลาชั่วโมงและนาทีที่ต้องจัดวางไว้ ณ ตำแหน่งศูนย์กลางเดียวกัน ซึ่งการรับข้อเสนออันแสนท้าทายของ Takashi Murakami ครั้งนี้ Hublot ต้องตัดสินใจอย่างเหมาะสมเพื่อให้สามารถผสานองค์ประกอบด้านสุนทรียะความสวยงามของ Central Tourbillon ให้เข้ากับความจำเป็นทางด้านเทคนิคได้อย่างสมบูรณ์
ภายใต้งานออกแบบนี้ จักรตั้งเข็ม (Cannon pinion) และเฟืองชั่วโมง (Hour wheel) จะต้องถูกหมุนไปรอบๆ ตัวรองรับทูร์บิญองเพื่อให้เกิดโครงสร้างแบบแกนร่วม ซึ่งสำเร็จได้โดยการใช้การใช้ระบบเซ็นทรัล ฟลายอิ้ง ทูร์บิญอง (central flying tourbillon) ที่ดูราวกับแขวนลอยอยู่กลางอากาศ เข็มชี้ทั้งสองเข็มที่เดินอยู่ภายใต้ของกรงทูร์บิญองทำหน้าที่แสดงเวลาชั่วโมงและนาที โดยทั้ง 2 เข็มนี้จะชี้เข้าหาเครื่องหมายบอกเวลาเรืองแสงทั้ง 12 ตำแหน่งรอบหน้าปัดที่สะท้อนถึงสีสันเฉพาะของผลงานรุ่นปี ค.ศ. 2023 ของ Hublot for Only Watch (อูโบลท์ ฟอร์ โอนลี วอทช์) และในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาสัดส่วนที่แม่นยำของการออกแบบอันเป็นที่รักของ Murakami ไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมวิจัยและพัฒนาของ Hublot (Hublot R&D) ต้องดำเนินตาม
ต้องขอบคุณกระปุกลานทั้งสองตัวที่ทำให้กลไกจักรกลไขลานด้วยมือของนาฬิกาเรือนนี้สามารถสะสมพลังงานสำรองได้นานถึง 150 ชั่วโมง (เกือบหนึ่งสัปดาห์เต็ม) ซึ่งนับเป็นคุณสมบัติหายากสำหรับนาฬิกาที่มีโครงสร้างพิเศษเช่นนี้ การติดตั้งแบบซีรีส์แต่บนระนาบเดียวของกระปุกลานเหล่านี้สามารถมองเห็นได้ผ่านทางฝาหลังของตัวเรือนซึ่งทำจากกระจกแซฟไฟร์ ทั้งหมด
ศิลปะร่วมสมัยแห่งกวีดอกไม้
จากกรงทูร์บิญอง เครื่องหมายบอกเวลา ตลอดไปจนถึงกลีบดอกไม้ แฟนๆ ผู้หลงใหลในกวีแห่งสีสันของ Takashi Murakami จะได้ชื่นชมเสน่ห์นี้กับผลงาน MP-15 จากภายในจรดภายนอก กลีบดอกไม้ทั้ง 12 กลีบล้วนได้รับการประดับตกแต่งอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยอัญมณีล้ำค่าถึง 444 เม็ด มอบซึ่งความสดใสและสุนทรียะแห่งความสนุกสนาน เฉกเช่นดอกไม้จริง กลีบดอกเหล่านี้ได้ถูกจัดวางด้วยมุมเอียงเข้าสู่ศูนย์กลางของกลไก ขณะที่การใช้สีที่ชัดเจนและโดดเด่นนั้นยังเป็นตัวแทนของ Only Watch 2023 ซึ่งแนวคิดนี้ไม่เพียงมอบซึ่งมิติของการไล่เฉดสีรุ้งแบบทั่วไป แต่ยังเป็นการเล่นกับความสว่างของเฉดสีและความแวววาวเป็นประกายของอัญมณี เหมือนกับเด็กที่กำลังเล่นดินสอสี สร้างสรรค์เป็นชิ้นงานอันสดใสของศิลปะร่วมสมัย (Superflat Art) บนข้อมือ
ทว่า ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพื่อสะท้อนถึงจักรวาลของ Murakami อย่างแท้จริง ภายใต้กระจกแซฟไฟร์โค้งแบบโดมของนาฬิกา MP-15 Only Watch เรือนนี้ยังเผยให้เห็นการแกะสลักด้วยเลเซอร์อันประณีตที่ถ่ายทอดภาพของรอยยิ้มกว้างและเติมเต็มความสมบูรณ์ด้วยดวงตาที่ยิ้มแย้มทั้งสองดวง ผลงานอันเปี่ยมด้วยสีสันนี้ได้มอบซึ่งการเข้าถึงสู่จินตนาการอันมีชีวิตชีวาของ Takashi Murakami โดยพลังอันสว่างสดใสของนาฬิกานี้ก็เปรียบเหมือนดั่งบทกวีสู่ความมหัศจรรย์ของเด็กๆ อันน่าทึ่ง และความอยากรู้อยากเห็นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของพวกเขา
ผลงานสำหรับนักสะสม ศิลปะการเขียนลายมือเฉพาะตัว (Calligraphy) ที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยมือของ Takashi Murakami
ศิลปะการเขียนลายมือเฉพาะตัวที่มาพร้อมกับ MP-15 นั้น คือ ผลงานสร้างสรรค์และของขวัญสุดพิเศษจาก Takashi Murakami สำหรับผู้ที่ได้ครอบครอง ซึ่งคงไม่มีใครจะสามารถอธิบายได้ดีไปกว่า Takashi Murakami เอง “ผมตัดสินใจที่จะนำการเขียนลายมือนี้กลับมาอีกครั้ง แม่ของผมเคยหลงใหลในศิลปะแขนงนี้เป็นอย่างมาก และผมเองก็เคยใช้เวลาเรียนศิลปะนี้มาแล้วหลายคลาส นับตั้งแต่ห้าขวบจนถึงอายุสิบเจ็ดปี ซึ่งผมพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงมาก และเคยได้ไปถึงระดับที่ 7 ซึ่งเทียบเท่ากับการเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน แต่เมื่อผมเข้าโรงเรียนศิลปะ การฝึกเขียนลายมือของผมก็ห่างหายไป แต่แม่ของผมก็ยังคงพูดถึงมันทุกครั้งที่ผมพูดคุยกับเธอ! ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะหวนคืนสู่ศิลปะแขนงนี้อีกครั้ง โดยการทำงานบนกระดาษกรองกาแฟที่ใช้แล้ว ซึ่งเป็นฐานที่ดีอย่างมากให้กับน้ำหมึก และนี่เองที่ทำให้ผมสามารถสร้างสรรค์ศิลปะการเขียนลายมือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ในชื่อ “Time of Rainbow” (“ไทม์ ออฟ เรนโบว์”) ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาหนึ่งเดียวที่ผมได้ออกแบบร่วมกับ Hublot for Only Watch 2023 นี้