เปิดคอลัมน์ปกดิจิตอลใหม่ L’Officiel Hommes Crush กับหญิง – อาณดา ประกอบกิจ และความคิดนึกอ่านที่ประกอบสร้างเป็นตัวเธอ

Share This Post

- Advertisement -

Photographer: Napat Gunkham

Fashion Editor: Chanond Mingmit

Author: Pacharee Klinchoo

ในวันที่ทีมงานนิตยสารลอฟฟีเซียล ออมส์ ไทยแลนด์ ตัดสินใจว่าจะเปิดคอลัมน์ปกดิจิตอลที่ชื่อว่า L’Officiel Hommes Crush เพื่อสดุดีความงามแบบผู้หญิง และเปิดโอกาสให้นิตยสารของเราได้สำรวจความเป็นไปได้ที่จะนำเสนอมุมมองต่างๆ ของผู้หญิงในนิตยสารผู้ชาย ชื่อของหญิง – อาณดา ประกอบกิจ ไม่ได้อยู่ในลิสต์ความสนใจของเรา ด้วยจังหวะ ปาฏิหาริย์ โชคชะตา หรืออื่นใดก็ตาม ทำให้หญิงมาปรากฏตัวในกองถ่ายของเราได้ในที่สุด ซึ่งหญิงก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง ทั้งภาพนิ่ง วิดีโอสัมภาษณ์ที่บ่งบอกตัวตนของเธอนั้นตอบโจทย์การเปิดตัวคอลัมน์ Crush ของเราในโลกออนไลน์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และพอเราลงนั่งคุยกับเธอเพื่อทำบทสัมภาษณ์ออฟไลน์ลงสิ่งพิมพ์นี้ เธอก็ทำให้เรารู้ว่า… เธอมีหลากหลายมุมที่น่าสนใจมากกว่าสิ่งที่ตาเห็นจริงๆ…

ทำความรู้จัก

ฐานข้อมูลออนไลน์ที่เราใช้เป็นเครื่องมือทำการบ้านก่อนลงนั่งคุยกับหญิงบอกเราว่าเธอเคยปรากฏตัวในมิวสิควิดีโอเพลง Tonight ของ DABOYWAY x WONDERFRAME และเพลง ジェイルハウス (Jailhouse) ของแสตมป์ ft. SKY-HI เรื่องนี้จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นบทสนทนาระหว่างเรากับเธอ “เราเพิ่งเข้าวงการได้ไม่นาน ตอนที่เล่นเอ็มวีก็น่าจะราวๆ สัก 2-3 ปีที่แล้ว คือ… เราเป็นคนเข้ากับคนง่ายอยู่แล้ว เวลาเราทำงานเราจะพยายามทำให้บรรยากาศมันไม่เครียด เราจะได้เล่นกันได้” ซึ่งทีมงานของเราการันตีข้อนี้ได้เป็นอย่างดี “เราน่าจะได้ร่วมงานกับพี่เวย์ก่อนนะ… ตื่นเต้นมากจริงๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบกะทันหันมาก เราได้รับการติดต่อเย็นวันนั้น เราคอนเฟิร์มทันที และวันรุ่งขึ้นถ่ายเลย เราก็แบบ… โอ้… โอเค… ได้สิ… ได้เลย ทุกอย่างกะทันหันจริงๆ และเราก็ตื่นเต้นมากจริงๆ ส่วนเอ็มวีของพี่แสตมป์ก็ถ่ายแยกกับส่วนของประเทศญี่ปุ่นนะ พี่แสตมป์ใจดีมากๆ น่ารักกับเรามากๆ เราติดตามเขามาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ พอได้มาร่วมงานกับเขาก็ดีใจมากค่ะ เป็นประสบการณ์ที่ดี”

อาชีพหลักของเธอตามโพรไฟล์ นอกจากจะเป็นนางแบบแล้ว เธอยังเป็นนักแสดงสังกัดช่องสามอีกด้วย “ก่อนหน้านี้เราเป็นฟรีแลนซ์ ทำทั้งนางแบบ ถ่ายโฆษณา ถ่ายซีรีส์ เพิ่งมาได้เล่นละครและเซ็นกับช่องสามเมื่อสักสองปีที่ผ่านมาเองค่ะ” เธอเล่าต่อ “ตอนนี้เรากำลังถ่ายทำละครเรื่อง ‘ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ’ อยู่เลยค่ะ นี่เป็นละครเรื่องที่สามของเรา และเป็นเรื่องแรกที่เราได้รับบทเป็นนางเอกคู่กับพี่ป๊อป (ฐากูร การทิพย์) ค่ะ”

แฟนละครอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากับหญิงมาแล้วในฐานะนักแสดงสมทบจากละครเรื่อง ‘อ้ายข่อยฮักเจ้า’ แต่การได้รับบทนางเอกเต็มตัวครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ใหม่เอี่ยมที่เธอเองก็เพิ่งจะได้รับ “ก่อนหน้านี้เราได้เล่นบทคู่ที่สามในละครเรื่อง ‘อ้ายข่อยฮักเจ้า’ คู่กับพี่เต้ (ชยพัทธ์ คงทรัพย์) ซึ่งบทก็จะไม่ได้เยอะมาก เราไม่ได้เล่นเป็นตัวหลักขนาดนั้น ออกกองบ่อยนะ แต่รู้สึกว่าไม่ได้เหนื่อยเท่ากับการมารับบทนางเอกครั้งแรกที่ต้องออกกองทุกวัน เข้าทุกซีน เราต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา จริงๆ ทางช่องก็ถามมาแล้วแหละว่าเราพร้อมไหมถ้าเกิดว่าช่องจะให้เราเป็นตัวหลักในเรื่องนี้เลย เราก็ตอบไปว่าเราจะทำให้เต็มที่ค่ะ”

รับบทเป็นนางเอกเต็มตัวครั้งแรกขนาดนี้ แรงกดดันมากเท่าที่คิดไหม “ช่วงอาทิตย์แรกๆ คิว 1-3 นี่เรากดดันมากนะ เรากังวลว่าเราเข้าถึงตัวละครแล้วหรือยัง อารมณ์ถึงหรือยัง เราเลยกดดันตัวเองพอสมควร แต่ทุกคนที่กองคือไนซ์มาก พยายามไม่ให้เราเครียดเลย เพราะหน้าเราจะออก ละครเรื่องนี้เป็นคอมเมอดี้ ในกองคือเฮฮาปาร์ตี้กันมากๆ ทุกคนเลยจริงๆ เหมือนตอนนี้ทุกคนในกองสนิทกันมากเลยค่ะ เราอายุห่างจากพี่ป๊อปตั้งสิบปี แต่ตอนนี้เหมือนเป็นเพื่อนกันไปแล้ว บรรยากาศในกองดี ผู้จัดดี โปรดิวเซอร์ก็ดี ทีมงานทุกคนน่ารักมาก เวลาไปกองเหมือนเราไปเจอครอบครัว เหมือนไปเที่ยว พอออกกองแล้วมีความสุข งานเราก็จะออกมาดีด้วยน่ะค่ะ

“เราอยากจะทำให้เต็มที่ อยากจะให้ทุกคนรู้จักเรา นั่นคือจุดสูงสุดที่เราหวังละ” คำตอบของหญิงเมื่อเราถามถึงจุดสูงสุดในอาชีพนักแสดงที่เธอมองไว้ “ถ้าทำได้นะ เราอยากพยายามให้เต็มที่ถ้ามีโอกาสอะไรก็ได้เข้ามา เรารู้สึกเลยว่าเราชอบทำงานนี้ เราชอบออกกอง เราพูดมาตั้งแต่เริ่มทำงานนี้เลยว่าเราไม่ชอบทำงานจำเจ การได้เป็นนักแสดงเหมือนการที่เราได้เปลี่ยนคาแรกเตอร์ตัวเองไปเรื่อยๆ วันนี้เราเป็นตัวนี้ อีกวันเราเป็นตัวนั้น นี่คือความไม่จำเจ เป็นสิ่งที่เราชอบมากในการทำงานตรงนี้”

กำหนดการออกอากาศของละครเรื่อง ‘ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ’ อยู่ที่ปลายปี เรามารอให้กำลังใจหญิงไปพร้อมกันได้

คอร์เซ็ตประดับคริสตัล เลกกิ้งผ้าฝ้าย รองเท้าส้นสูงหนังลูกวัวเคลือบเงา ทั้งหมดจาก Dolce & Gabbana

เข้าเรื่องส่วนตัว

“ถ้าเรามีวันว่าง เราก็จะไปหาเพื่อน” หญิงตอบด้วยท่าทีสบายขึ้น แต่เธอเหมือนจะเปลี่ยนใจ “แต่เอาจริง เวลาว่างเราก็รับพวกงานอีเวนต์จุ๊บๆ จิ๊บๆ นะ เพราะเราชอบทำงานมาก งานอะไรก็ได้ ไม่ชอบอยู่คนเดียว เราเป็นสายปาร์ตี้ สายออกไปทำงาน ติดสอยห้อยตามคนอื่นไป แทบจะไม่อยู่ห้องเลย” ถ้าอย่างนั้นน่าจะชอบเที่ยวด้วยสินะ ชอบเที่ยวแบบไหน “ชอบเที่ยวธรรมชาติค่ะ” เธอตอบแบบไม่คิด “ปาร์ตี้ก็ชอบเหมือนกัน แต่เอาจริง ตอนแรกก็ไม่ได้ชอบปาร์ตี้หรอก แต่พอโสด ก็ติดเพื่อน และการออกไปเที่ยวกับเพื่อนมันก็สนุก จะได้ไม่ต้องมานอยด์อะไร”

ออกตัวว่าทำงานในวงการมาไม่นาน แฟนคลับก็ยังไม่เยอะ แต่เราก็เห็นว่าในไอจีมีการตั้งแอคเคานท์แฟนคลับของหญิงอยู่บ้างประปราย ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเธอโด่งดัง มีชื่อเสียงมากกว่านี้ เธอกังวลไหมว่าเธอจะรับมือกับความโด่งดังนั้นอย่างไร กลัวว่าจะโดนตัดสินบ้างไหม “กลัวโดน judge นะคะ” เธอตอบแทบจะทันที “เมื่อก่อนตอนที่เราเป็นนางแบบ เราเคยตัดผมหน้าม้า และชอบมีคนมาเมนต์ทักว่าเราเหมือนลิซ่า เราก็พยายามจะ defend ตัวเองทันทีว่าเราไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวเหมือนเขานะ เพื่อที่จะกันไม่ให้ตัวเราไปโดนดราม่า คืออยากจะบอกว่าฉันก็เป็นฉันนะ ฉันแค่ตัดผมหน้าม้าเฉยๆ อะไรอย่างนี้

“และเอาจริง เราเป็นคนคิดมากอยู่นะ” เธอยิ้ม “ถ้าเกิดมีดราม่าอะไรขึ้นกับเรา เราว่าจะพยายาม…” เธอนิ่งคิดไปสักพัก “เราว่ายังไงเราก็อ่านนะ แต่คงจะพยายามบอกตัวเองว่าช่างมันเถอะ คงจะพยายาม ‘ช่างมันเถอะ’ ให้ได้จริงๆ เอาตัวเองไปทำอย่างอื่น อย่าไปจ้องอะไรพวกนี้มากเกินไป เอาให้มันผ่านตรงนี้ไปให้ได้”

กางเกงผ้าเดนิม จาก Dolce & Gabbana

เข้าเรื่องความสัมพันธ์

การทำงานในวงการบันเทิงเป็นอุปสรรคต่อความรักความสัมพันธ์ส่วนตัวไหม “ไม่มี เพราะเราไม่มีแฟน” หญิงตอบเสียงกลั้วหัวเราะ “เราเคยมีแฟนนะ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรกัน เพราะเราเลือกคนที่เข้าใจว่าเราต้องทำงานตรงนี้ และเขาก็เป็นผู้ใหญ่กว่าเรา เราชอบคนที่อายุมากกว่าอยู่แล้ว” และในฐานะผู้หญิง หญิงมองการแต่งงานสร้างครอบครัวอย่างไร ถึงตรงนี้ เธอนิ่งไปสักพัก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงลังเลเล็กน้อย “ตอนนี้เราก็อายุ 27 แล้ว ก็คงอยากจะแต่งงานสัก 30 ต้นๆ แต่ว่าตอนนี้มันยังไม่เจอคนที่ใช่ เราก็อยากจะโฟกัสเรื่องงานไปก่อน” เราหัวเราะเบาๆ “นี่ไม่ได้ตอบแบบนางเอกนะ” เธอหัวเราะตาม “แต่เราอยากทำตรงนี้ให้เต็มที่ก่อน เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าตัวเองจะทำได้มากแค่ไหน”

งั้นบอกเราหน่อยว่าอะไรในเพศตรงข้ามที่เธอมองหา “เอาจริง…” เธอยังคงลังเลนิดหน่อยอยู่ “เราดูหมดเลย ตั้งแต่ภาพลักษณ์ การพูดจาว่าพูดแล้วเราโอเคไหม รู้สึกรำคาญเขาไหม ดูน้ำเสียงและท่าทางด้วย คือเราเป็นคนชอบเอ๊ะว่าคนนี้อยู่กันไปนานๆ จะได้หรือเปล่าวะ เพราะเราค่อนข้างมองโลกในแง่ร้ายนิดหนึ่งอยู่แล้ว เลยจะเลือกคนที่เรารู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วสบายตา สบายใจ พูดฟังแล้วสบายหู อะไรแบบนี้ค่ะ”

เห็นว่าอยากแต่งงานตอนอายุ 30 ต้นๆ แปลว่ารีบหาแฟนไหม “เอาจริงเราไม่รีบแล้วนะ” น้ำเสียงลังเลยังไม่หายไป “เหมือนที่ผ่านมาเราเจอแต่ความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดี เลยคิดว่ามันอาจจะยังไม่ใช่เวลาของเรา ฟ้าเลยส่งมาแต่อะไรก็ไม่รู้ ตอนนี้เลยคิดว่าปล่อยมันไปดีกว่า เดี๋ยวถ้าเจอ มันก็เจอเองนั่นแหละ บางทีเราก็รู้สึกว่าเราใช้ชีวิตสุดอยู่เหมือนกันนะ อาจจะยังไม่พร้อมมีใครก็ได้ในตอนนี้”

และจู่ๆ น้ำเสียงและท่าทางของเธอก็เปลี่ยนไป ราวกับเธอตัดสินใจอะไรได้ “เมื่อกี้เห็นถามแต่เรื่องความรักกับผู้ชาย แต่จริงๆ แล้วเราเป็นคนที่แบบว่า…” แม้ว่าเธอจะชะงักเล็กน้อย แต่หางเสียงความลังเลที่เราได้ยินมาตลอดกลับหายไปอย่างสิ้นเชิง “เราชอบผู้หญิงด้วยนะ คือเราไม่ได้จำกัดเพศเลยน่ะ”

เป็นเราเองที่ชะงักเพราะระลึกได้ถึง ‘ความด่วนสรุป’ ของตัวเองที่ทำอย่างไรก็สลัดหลุดยากมาก เราจึงขอให้หญิงเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังหน่อยว่าเธอรู้ตัวตั้งแต่ตอนไหนว่าเธอรักใครก็ได้ไม่จำกัดเพศ และก็ต้องยอมรับเลยว่าบทสนทนาหลังจากนี้ดูผ่อนคลายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เปิดอกคุยกัน

“เอาจริงเราชอบผู้หญิงมาตั้งแต่เด็กแล้ว” น้ำเสียงของหญิงสดใสจนเราอดยิ้มตามไปไม่ได้ “แต่เหมือนเขาจะกลัวเรานะ เพราะเวลาเราชอบใคร เราจะไปมองเขา จ้องเขา ทีนี้… เขาดันกลัวเรา เพราะก่อนหน้านี้เราก็เป็นคนหน้าดุนิดหนึ่ง เขาก็คิดว่าเราจะไปตบเขาหรือเปล่า อะไรแบบนี้” เธอหัวเราะเสียงใส “เราเรียนโรงเรียนสหฯ นั่นแหละ ตอนนั้นมีรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่น่ารักมาก เราก็จะชอบไปโรงเรียนเพราะอยากไปเจอคนนี้ ไปมองเขา วันวาเลนไทน์ทีไรก็จะต้องไปขอติดสติกเกอร์พี่คนนี้ เขาเป็นคนน่ารักที่สุดในใจเรา และก็น่ารักที่สุดในโรงเรียนค่ะ”

ความรักครั้งนั้นของหญิงไม่ได้จบลงที่การสารภาพรัก เธอเพียงแค่บอกคนน่ารักคนนั้นว่าเธอแอบปลื้มเขามาก เท่านั้นเอง “เรื่องสมรสเท่าเทียมเหรอคะ” หญิงเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นการเป็นงานขึ้นมาทันที “มันสมควรนะ ถ้ามองในเรื่องของความรัก ถ้ามันเป็นจริงได้ มันก็ควรจะได้สิ ที่อื่นเขายังทำได้เลย ทำไมประเทศเราถึงทำไม่ได้ล่ะ เราว่ามันเป็นสิทธิของคนสองคนที่ตกลงกันแล้วว่าพวกเขาจะรักกัน ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แล้วทำไมคนสองคนถึงไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแบบถูกต้องตามกฎหมายได้ล่ะ”

เมื่อบรรยากาศในการคุยค่อนข้างผ่อนคลายลงแล้ว เราก็ถามว่าการยอมรับว่าตัวเองชอบผู้หญิงได้นั้นมันยากมากไหมสำหรับเธอ “ตอนแรกมันยากมากเลยนะ” หญิงยอมรับ “เพราะกว่าจะเจอคนที่รู้สึกดีกับเราเหมือนกันก็นาน แต่หลังๆ เราจะบอกไปตรงๆ เลยว่า ‘เราชอบเธอนะ เธอน่ารัก’ แต่ก็บอกไปแหละว่าให้ลองคุยกันไปก่อน ถ้ารักกันในแบบคนรักไม่ได้ เราก็ยังเป็นเพื่อนหรือเป็นพี่สาวให้เธอได้นะ”

แล้วอะไรคือจุดหักเหที่ทำให้เธอกล้าเปิดเผยตัวตนมากขึ้นล่ะ หญิงนิ่งคิดไปสักพัก “มีครั้งหนึ่งที่เรารู้สึกว่าเราพลาด เราชอบคนคนหนึ่งในโรงเรียนเดียวกันมาก แต่เราไม่ได้บอกเขา พอเขาย้ายโรงเรียนไปเรียนที่โรงเรียนหญิงล้วน เราก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเขามีแฟนเป็นผู้หญิง เราก็… อ้าว… โอเค…” เธอเงียบ ราวกับพยายามหาคำอธิบายเรื่องในใจออกมาเป็นคำพูด “เราเคยรู้สึกว่าเราอาจจะผิดปกติเองก็ได้ เพราะเราเคยมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่เราก็ไม่เคยเจอผู้ชายที่ดีเลยสักคน จนวันหนึ่งเราไปเที่ยวกับเพื่อน และไปเจอเพื่อนของเขาที่เราชอบมาก มากแบบนั่งจ้องเขาตลอดเวลา เราก็ตัดสินใจกระซิบถามเพื่อนเราก่อนว่าเขาชอบผู้หญิงหรือเปล่า เพราะบางทีถ้าเกิดว่าเขาไม่ชอบ เขาก็จะกลัว และหนีเราไปเลย เราก็ถามเพื่อนเราก่อน พอเพื่อนเรายืนยันว่าเขาก็ชอบผู้หญิงเหมือนกัน เราก็เลยกล้าเข้าไปคุยกับเขา เขาน่ารักมากเลยค่ะ เราได้สานสัมพันธ์กันแป๊บนึง” หางเสียงเธอหายไปเล็กน้อย เราแค่มองหน้าเธอนิ่งๆ ให้เธอพูดต่อ “เหมือนกับว่า… เขาเป็นคนแรกของเราเนอะ เราเลยบอกเขาไปตรงๆ ว่าเราไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรแบบนี้ ส่วนเขาเองก็อาจจะกลัวผิดหวัง เพราะเขาก็บอกเราเหมือนกันว่าเขาไม่เคยเจอใครที่สวยขนาดเราและมาชอบเขามาก่อน แต่เขาก็เป็นคนน่ารักมากนะ เราเองก็ไม่เคยเจอใครที่น่ารักแบบเขาและจะมาชอบเราเหมือนกันนั่นแหละ มันเลยกลายเป็นต่างคนต่างกลัว และเขาก็ค่อยๆ ถอยห่างจากเราไป เพราะเขากลัวจะเสียใจน่ะค่ะ”

เรานั่งอึ้งไปสักพักกับเรื่องที่เธอเล่า ก่อนจะถามเสียงเบาว่า แล้วเธอกลัวเสียใจบ้างไหม “เอาจริงมันก็กลัวเสียใจกันทุกคนแหละ” เสียงเธอสูงขึ้นเล็กน้อย “แต่เราก็คิดไงว่าทำไมไม่ลองก่อนล่ะ เดี๋ยวค่อยว่ากันก็ได้ เดี๋ยวค่อยตกลงกันทีหลังก็ได้ ไม่มีอะไรเสียหายปะนะ” บทสนทนาของเราจบลงแบบครึ่งๆ กลางๆ ตรงนี้ด้วยข้อจำกัดของเวลา ในใจเราแอบอวยพรให้เธอเจอคนที่เธอโอเคกับเขา และเขาโอเคกับเธอจริงๆ เสียที

เมื่อถามว่าเธออยากทิ้งท้ายอะไรก่อนจะลาจากกันไหม เธอตอบด้วยรอยยิ้ม “อยากบอกให้โลกรู้ว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามค่ะ”

กางเกงผ้าเดนิม จาก Dolce & Gabbana

Model: Ying – Anada Prakobkit

Hair: Kanok-orn Thangchaiyaphum

Make Up: Nithipak Palakawong Na Ayudthaya

Assistant Photographers: Pak Lueng-on / Kasemcharn Tongkumsopa / Phongsak Wethee / Nuntanat Akaraphongkarn / Amornthep kumjumpa

Videographer: Panlit Voravutvityaruk

Assistant Videographer: Suradit LLaorsittipirom

- Advertisement -