‘Keshi’ กับบทสัมภาษณ์และเส้นทางของอาชีพศิลปิน

จากพยาบาลวิชาชีพ มาจนถึงศิลปินที่มีผู้ชมรอชมมากที่สุด เส้นทางดนตรีของ ‘Keshi’ หรือ ‘Casey Luong’ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยอย่างแน่นอน

Author: Pacharee Klinchoo
Photographer: Thanut Treamchanchuchai
Stylist: Teeratat Somudomsup

ได้มาขึ้นเป็นวงปิดในงาน Very Festival ครั้งนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง
รู้สึกดีมากๆ เลยครับ รู้สึกว่าการเป็นคนเอเชียที่ทำการแสดงมานานได้ออกดอกออกผลแล้วครับ เหมือนกับว่าเป็นการยืนยันว่าผมมีแฟนเพลงของผมอยู่อีกซีกโลกหนึ่งมานานแล้ว ในที่สุดผมก็ได้มีโอกาสขึ้นแสดงบนเวทีให้ทุกคนได้ดูจริงๆ แล้วครับ มันคือความฝันที่เป็นจริงนั่นเอง

อ่านมาว่าคุณเคยเป็นพยาบาลวิชาชีพใช่ไหม
ใช่แล้วครับ อ่านไม่ผิดหรอก

แล้วเป็นยังไงมายังไงถึงมาทำอาชีพศิลปินได้ล่ะ
ผมคิดว่ามันค่อนข้างตลกนะที่หลายคนคิดว่าวันหนึ่งผมทำอาชีพพยาบาลอยู่ แล้วอีกวันก็เปลี่ยนอาชีพปุบปับแบบนั้นเลย ความเป็นจริงคือผมซุ่มทำดนตรีมาตั้งนาน ตั้งแต่ที่ผมเป็นเด็กน้อยแล้วแหละ และผมก็อยากจะทำอาชีพนักดนตรีมาตลอดชีวิต แต่พ่อแม่ของผมยืนยันว่าผมต้องเข้าโรงเรียนไปเรียนอะไรที่มันจับต้องได้สักอย่าง ผมว่ามันก็เป็นปกติของพ่อแม่ชาวเอเชียนั่นแหละครับ พวกเขาแค่ต้องการอนาคตที่ดีที่สุดสำหรับผม อนาคตที่มั่นคง และอาชีพนักดนตรีก็ไม่ใช่อาชีพที่มั่นคงแบบนั้นอยู่แล้วเนอะ ผมคงโชคดีที่ในที่สุดผมได้ทำงานเป็นนักดนตรีนะ แต่มันก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อผมเริ่มทำดนตรีลงช่องทางออนไลน์ ค่อยๆ สะสมกลุ่มแฟนเพลงมาอย่างช้าๆ แต่ต่อเนื่อง ผมโชคดีที่มีแฟนๆ สนับสนุนผมมาตลอดการเดินทางของผมครับ

รู้สึกอย่างไรที่มีคนอื่นนอกจากเพื่อนฝูงและครอบครัวที่ฟังเพลงของคุณในฐานะ ‘แฟนเพลง’ จริงๆ
เป็นความรู้สึกเหลือเชื่อมากๆ เลยครับ คุณหมายถึงตอนที่ผมเปิดแอคเคานท์ SoundCloud ใช่ไหมครับ ความแตกต่างก็คือ ทุกอย่างล้วนมาจากคนแปลกหน้า ทั้งความรัก แรงสนับสนุน และเสียงเชียร์ต่างๆ มาจากคนที่ไม่จำเป็นต้องมาทำตัวดีกับผม มันเป็นความรู้สึกที่แท้จริงน่ะครับ มันไม่ใช่อะไรแบบว่า ‘เออ… ชั้นฟังเพลงของนายเพราะเราเป็นเพื่อนกัน’ พวกเขาคือแฟนๆ ที่อยากจะกลับมาฟังเพลงที่ผมแต่งจริงๆ ผมว่านั่นเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ต้องการนะครับ เวลาปล่อยเพลงออกไป เราก็อยากจะให้คนมาฟังเพลงที่เราแต่งอยู่แล้ว

ตอนที่อาชีพมันพัฒนาจากแพลตฟอร์ม SoundCloud มาสู่การเซ็นสัญญากับค่าย และกลายมาเป็นอัลบั้มเต็มในชีวิตจริง ตอนนั้นรู้สึกอย่างไรบ้าง
ผมรู้สึกว่า… ตลกดีเหมือนกันที่คุณถามเรื่องนี้ขึ้นมา (นิ่งคิด) ผมรู้สึกว่ามันก็เหมือนกันนะ ไม่ต่างเท่าไหร่ ผมก็ยังทำเพลงด้วยคุณภาพเท่าเดิมอยู่ แต่ผมก็เข้าใจที่คุณถามนะ มันคือช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างการทำเพลงเป็นงานอดิเรกกับการยึดอาชีพเกี่ยวกับดนตรี และผมคิดว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเยอะที่สุดก็คือความรู้สึกกดดันที่ผมรู้สึกอยู่ในตอนนี้ล่ะครับ ตอนทำอยู่ที่ SoundCloud ผมไม่ได้รู้สึกว่ามีใครจับจ้องอะไรผม จะทำอะไรที่อยากทำก็ได้ ลองอะไรใหม่ๆ ก็ได้ ทำอะไรก็ได้หมดแหละ แต่ตอนนี้ พอมีคนจับตาผมอยู่ตลอดเวลา ผมไม่สามารถเสี่ยงที่จะทำอะไรแย่ๆ ได้อีกต่อไปแล้วน่ะครับ มันเป็นความรู้สึกแบบนั้น ผมต้องทำทุกอย่างให้เพอร์เฟ็กต์ตลอดเวลา ทุกงานต้องมีคุณภาพน่ะครับ พอจะเห็นภาพใช่ไหม นั่นคือความเปลี่ยนแปลงหลักๆ เลยครับ

คุณรับมือกับแรงกดดันเหล่านั้นอย่างไรบ้าง
ผมรับมือยังไงน่ะเหรอ ผมคิดว่าผมกำลังเรียนรู้ที่จะรับมือกับมันอยู่นะ แม้กระทั่งตอนที่ผมทำเพลงใหม่อยู่ตอนนี้ เพลงใหม่ๆ มันออกมาช้ากว่าเดิมเยอะมาก เพราะผมค่อนข้างระวังมากขึ้น และกลัวที่จะสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ มากขึ้นน่ะครับ แทนที่จะทำเพลงอะไรที่ผมอยากจะทำออกมา ตอนนี้ผมก็เลยอยากจะย้อนกลับไปอยู่ในยุค SoundCloud น่ะครับ กลับไปมีแนวความคิดแบบนั้น ความคิดที่เป็นอิสระกว่านี้ ดังนั้น… นั่นน่าจะเป็นข้อแตกต่างหลักๆ เลยล่ะครับ

คุณบอกว่า material ในการทำเพลงของคุณมักจะมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ
ใช่เลยครับ

คุณรู้สึกอย่างไรที่จะเปิดเผยตัวตนของตัวเองต่อหน้าคนอื่นแบบนั้น กลัวที่จะถูกตัดสินบ้างไหม
ผมคิดว่านั่นเป็นความท้าทายที่คุณต้องเผชิญเมื่อคุณเริ่มต้นทำดนตรี และคุณก็จะค่อยๆ ชินไปเองเมื่อเวลาผ่านไป แต่ผมคิดว่าทุกคนต้องเผชิญเรื่องเดียวกันหมดเวลาปล่อยเพลงแรกออกไปนั่นแหละ คุณจะรู้สึกเปราะบาง รู้สึกว่าคุณเปิดเปลือยตัวเอง พร้อมให้คนอื่นรุมตัดสิน และบางครั้งมันก็สับสน เพราะคุณเขียนเรื่องราวจากใจจริงๆ แต่มันก็คือมุมมองของคุณต่อเรื่องนั้น เวลาคนไม่ชอบเพลงของคุณ มันไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่ชอบเรื่องราวสักหน่อย พวกเขาอาจจะแค่ไม่ชอบเพลงนั้น แต่มันง่ายที่จะคิดไปเองว่า ‘โอ้… พวกเขาไม่ชอบฉันนี่นา’ มันสับสนได้ง่ายน่ะครับ นั่นเป็นสิ่งที่คุณจะต้องเรียนรู้ที่จะรับมือ เวลาคุณทำเพลงน่ะครับ

คุณต้องเข้มแข็งมากเลยนะ
แน่นอนครับ แน่นอนอยู่แล้ว ทุกคนที่ทำงานศิลปะก็ต้องเข้มแข็งอยู่แล้ว

คุณบอกว่าคุณสร้าง ‘Keshi’ ขึ้นมาใช้ตอนเปิด SoundCloud เป็นเหมือนอีกหนึ่งตัวตนของคุณ
ใช่แล้วครับ

ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรกับทั้ง ‘Keshi’ และ ‘Casey’ พวกเขายังเป็นคนละคนกันอยู่ไหม
ผมคิดว่าพวกเขาค่อยๆ กลายเป็นคนเดียวกันอย่างช้าๆ แล้วนะครับ ในที่สุดแล้ว Keshi ก็เป็นแค่คนที่ผมอนุญาตให้เขาออกมาโลดแล่นผ่านภาพถ่าย วิดีโอ และสื่ออื่นๆ น่ะครับ คือผมก็ต้องการให้ผู้คนจับจ้องผมในฐานะ Keshi แต่ผมก็มีมุมส่วนตัวของผมในชีวิตปกติเหมือนกัน แต่ผมเองก็รู้สึกว่าผมก็ค่อยๆ เปลี่ยนตัวเองไปเป็นคนที่ผมสร้างขึ้นมาทีละน้อยแล้วนะครับ แน่นอนว่า Keshi เป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง ผมอยากจะเก็บเขาเป็นความลับอยู่บ้างน่ะ แต่ในขณะเดียวกัน ก็อย่างที่บอกไปว่าผมก็หวงความเป็นส่วนตัวมากอยู่ ก็เลยพยายามจะจับแยกๆ กันให้ได้น่ะครับ

การขึ้นแสดงบนเวทีต่อหน้าแฟนๆ นี่ให้ความรู้สึกยังไง
เป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดในโลกเลยครับ ผมรู้สึกว่าตอนที่ผมสร้าง keshi ขึ้นมา เป็นช่วงที่ผมกำลังเติบโต และตอนนี้ผมโตมาถึงจุดที่ได้ขึ้นแสดงแล้ว ดันเกิดเหตุการณ์โควิดขึ้นมาก่อน มันก็เลยเป็นความรู้สึกว่า โอเค… ไม่ได้ขึ้นแสดงแล้ว ก็กลับไปทำเพลงต่อละกัน พอมาถึงตอนนี้… ผมรู้สึกเหมือนปีที่ผ่านๆ มาถูกรวบตึงมาอยู่ในช่วงนี้ ผมไปเป็นวงเปิดให้วงอื่น ไปร่วมงานเฟสติวัลที่ทวีปยุโรป และทวีปอเมริกาเหนือ ตอนนี้ก็มาถึงทวีปเอเชีย และก็กำลังจะกลับไปวนที่ยุโรปและอเมริกาเหนืออีกรอบ ผมมีตารางทัวร์อีกครึ่งปีรอผมอยู่ข้างหน้า มันรู้สึกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นจริงๆ แล้ว เพราะผมได้เจอแฟนๆ ตัวเป็นๆ ตรงหน้า ผมไม่คิดว่าผมจะย้อนกลับไปสู่จุดที่ไม่ได้แสดงได้อีกแล้วนะครับ ผมรักการขึ้นแสดงสดมากๆ

พลังงานของคนดูในแต่ละที่ก็แตกต่างกัน คุณรู้สึกได้ถึงความแตกต่างนั้นมั้ยในฐานะคนบนเวที
รู้สึกสิครับ นอกเหนือจากที่ว่าบางเมืองดูเหมือนจะมีพลังงานมากกว่าบางเมืองแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติแหละ สิ่งที่ผมอยากจะอธิบายก็คือ แต่ละเมืองก็เต็มไปด้วยพลังงานแห่งความตื่นเต้นทั้งนั้น ผมไม่คิดว่าผมจะรู้สึกว่าเมืองไหนไม่ตื่นเต้นนะ ทุกเมืองดูเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจริงๆ สิบเต็มสิบกันทั้งนั้น เอาจริงๆ… ผมว่าไม่แตกต่างนะ บางเมืองอาจจะมีผู้ชายมากกว่า ในขณะที่อีกเมืองจะมีผู้หญิงมากกว่า อะไรแบบนั้น แต่มันก็อาจจะขึ้นอยู่กับว่าใครแต้มบุญกดบัตรได้ทัน ไม่ได้เป็นตัวแทนของเมืองนั้นๆ เสียหน่อย

ฝากอะไรถึงแฟนๆ ชาวไทยหน่อย
สำหรับแฟนๆ ชาวไทยของผมนะครับ ผมดีใจมากที่ได้มาเล่นคอนเสิร์ตต่อหน้าทุกคนเสียที ขอบคุณที่ฟังเพลงของผม และหวังว่าทุกคนจะฟังเพลงของผมต่อไปเรื่อยๆ นะครับ

Make Up: Yukina Mitsuhashi
Hair: Yukina Mitsuhashi
Model: keshi
Assistant Stylists: Kittisak Chullawichit / Massiree Kawcharoen
Location: You know where