เราทราบกันดีว่าอาหารจะอร่อยเพียงใดต้องขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัตถุดิบและเครื่องปรุงด้วย จึงไม่แปลกใจเมื่อ คุณจ้อ – พัชรินทร์ เหมอังกูร เจ้าของบริษัท กูร์เมท์ วัน ฟู้ดส์ เซอร์วิส เปิดร้านอาหารเอง จึงเชื่อได้ว่าวัตถุดิบของร้านนี้จะต้องที่สุดตั้งแต่เนื้อสุดพรีเมียมไปจนถึงเกลือที่ใช้ปรุงอาหาร โดยไม่มีการอ่อนข้อใดๆ
ร้านอาหาร La Brace ที่โครงการ Earth Ekamai เป็นร้านอาหารสไตล์เมดิเตอเรเนียน ภายใต้การดูแลของเชฟมาร์ค เฮเก็นแบ็ค ผู้มากประสบการณ์ เมื่อมาถึงเราก็เห็นโต๊ะที่วางของเรียกน้ำย่อยไม่ว่าจะเป็นแฮมอะเบอริโก้ แซลมอนรมควัน ปูอลาสก้าขาใหญ่ๆ อวบๆ เนื้อสดหวาน แต่ที่เซอร์ไพร้สมากคือเป็ดรมควัน(Duck Pastrami)ที่เชฟใช้เทคนิคเฉพาะตัวทำออกมาอร่อยแบบไม่เคยชิมแล้วถูกใจเช่นนี้มาก่อน ใครมาร้านนี้ต้องชิมให้ได้ และพิเศษคือเคานืเตอร์ที่มีหอยนางรมสดคัดมาแล้วจากหอยนางรวมประเทศต่างๆ โดยคัดที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้นๆ เข้ามาให้ได้ลิ้มลอง ใครที่ชอบดื่มไวน์คู่กับอาหารที่นี่ก็มีไวน์ให้เลือกมากมาย ส่วนใครชอบค็อกเทลที่นี่มีบาร์ขนาดใหญ่ให้นั่งจิบเครื่องดื่มชิลๆ
แม้จะดื่มด่ำกับอาหารเรียกน้ำย่อยแต่เราก็ตื่นตากับจานแรกที่มาเสิร์ฟก็คือ French White Asparagus & Jamon Iberico (มีให้ชิมเฉพาะฤดูใบไม้ผลิของยุโรป) หน่อไม้ฝรั่งขาวนี่คือที่สุดจริงๆ สำหรับวัตถุดิบที่สร้างความแปลกใจให้กับการปรุงที่แสนจะเรียบง่ายที่สุดแต่อร่อยที่สุด ชอบไอเดียของเชฟที่นำเอาเห็ดทรัฟเฟิลที่หายากและราคาสูงมาจับคู่กับหน่อไม้ฝรั่งขาวอย่างลงตัวโดยมีซอส Bearnaise sauce ที่เชฟสร้างความซับซ้อนของรสชาติเป็นตัวเชื่อม นี่คือการจับคู่ที่ลงตัวมาก สลัดที่มีโก้ตชีส(goat cheese)เป็นจุดเด่นก็แสนจะลงตัว หลายๆ คนไม่ชินกับเนยแข็งที่ทำจากนมแพะโดยเฉพาะกลิ่น แต่ของที่นี่รสชาติเข้มหอมมันไม่มีกลิ่นเฉพาะตัวของน้ำนมแพะที่เราจะไม่ชอบ เขากริลด้านบนมาพอให้ชีสหลอมนิดๆ มีกลิ่นหอมของความร้อนที่ทำปฏิกิริยากับเนยแข็ง
จากนั้นก็เป็นพาสต้าที่ต้องบอกว่าจานนี้ขอบอกว่าต้องมาชิมให้ได้ ก่อนที่จะตามด้วยหอยตลับอบไวน์ขาวสไตล์แอนดาลูเซีย จานนี้ก็ต้องไม่พลาดจริงๆ เพราะมาทั้งรสชาติของซอส กลิ่นสมุนไพรที่หอมและมีเอกลักษณ์ของการครัวแอนดาลูเซีย
แล้วก็มาถึงไฮไลท์ที่ไม่ใช่จานหลักจานสุดท้าย แต่เป็นการนำเอาเส้นพาสต้ามาผัดกับน้ำมันมะกอก แอนโชวี่ พริกกระเทียม ที่ดูเหมือนใครๆ ก็ทำ แต่ขอบอกว่าที่นี่ทำออกมาจนจัดจ้านถูกปากคนชอบความอร่อยที่ถึงเครื่องถึงรส ต้องบอกว่าเชฟมาร์คไม่ได้ปรุงจานนี้เพื่อเอาใจคนไทยที่ชอบจัด แต่เขาทำจานนี้ออกมาเพื่อให้คนรับรู้ว่าพาสต้าที่ใช้เครื่องปรุงเรียบง่าย(แต่มากคุณภาพ)นั้นทำออกมาแล้วควรจะมีรสชาติเป็นอย่างไร
จานต่อมาเชฟนำเสนอกุ้งเผา(Spanish Style Garlic Prawns)ที่ทำออกมาสไตล์ตะวันตกคือจับคู่กับซอสที่เชฟทำมาพิเศษ แต่ทักษะการเผา(ย่าง)กุ้งทำออกมาเนื้อชุ่มรสหวานมาก จานต่อมาคือ เนื้อวากิว A5 ที่ย่างมากด้วยไฟที่คุสมชื่อร้าน La Brace ที่หมายถึงไปที่คุโพลง เมื่อวัตถุดิบดีเยี่ยมขนาดนี้เชฟต้องใช้ฝีมือจริงๆ ในการชูรสที่อร่อยนี้ให้ปรากฏโดดเด่นยิ่งขึ้นอีก เนื้อวากิวนี้ผ่านขั้นตอน wet-aged เพื่อให้เนื้อคงรสชาติเหมือนไม่ได้ผ่านกาลเวลาที่ขนส่งหรือการเก็บมาเลย วิธีนี้ทำให้เนื้อมีรสชาติที่ชุ่มฉ่ำคงความอร่อยแม้จะผ่านการเก็บมา
สำหรับไฟที่เชฟใช้ย่างเนื้อนั้นใช้ถ่านไม้คุณภาพที่ให้ความร้อนแบบสม่ำเสมอและทำให้อาหารที่ย่างมีกลิ่นหอมไฟ สเต๊กจานนี้จึงอร่อยโดยไม่ต้องพึ่งซอสหรือน้ำจิ้มใดๆ แต่เชฟมาร์คก็ยังมีมัสตาร์ดเพื่อชูรสสเต๊กจานนี้ แน่นอนว่าคัดมาแล้วทั้งสิ้นว่าเป็นมัสตาร์ดชั้นเลิศจริงๆ ใครชอบรสหวานหน่อนลองเหยาะมัสตาร์ดที่ผสมน้ำผึ้งที่หอมหวาน หรือ grain mustard ก็เหมาะให้รสสัมผัสที่จับคู่กับสเต๊กนี้ลงตัวมาก
ยังไม่จบแค่นี้ เมนคอร์สจานสุดท้ายของมื้อนี้คือซี่โครงแกะย่าง แม้สเต๊กจะทำให้เราอิ่มเอมกับอาหารย่างแล้ว แต่ซี่โครงแกะย่างนี้เราก็ไม่ยอมพลาดเช่นกัน เช่นกันว่าเนื้อแกะคุณภาพดีมาก แค่ย่างไฟให้ได้เนื้อสุกแบบชุ่มฉ่ำ เมื่อรับประทานแล้วต้องบอกว่าได้รสเต็มๆ คำ และไม่มีกลิ่นสาบของเหมือนเนื้อแกะทั่วๆ ไป
ปิดท้ายด้วยของหวานที่มีขนม 3 ชนิด คือ ราสพ์เบอร์รี่ทาร์ต, ยูซุทาร์ต และไวท์ช็อกโกแลตที่ทำเป็นรูปเปลือกหอยเชลล์ที่ชูรสด้วยซอสส้ม ทั้งสามชนิดนี้เป็นขนมที่เหมาะกับการจบมื้ออาหารที่เลิศรสนี้ รสเปรี้ยวอมหวานช่วยให้รู้สึกสดชื่นจริงๆ
La Brace อยู่ในโครงการ Earth Ekamai (สุขุมวิท 63) เป็นกริลล์เฮาส์และไวน์บาร์ หนึ่งเดียวในย่านเอกมัย-ทองหล่อ โทร.094 540 6662