สิ่งควรทำและสิ่งไหนควรเลี่ยง? กับการเดินทางไกลบนเครื่องบิน ที่หลายๆ คนควรต้องรู้
ก่อนการเดินทางบนเที่ยวบินเส้นทางไกล ผู้โดยสารส่วนใหญ่มักวิตกกังวลว่าจะทำตัวอย่างไรให้รู้สึกสบาย เมื่อต้องนั่งอยู่บนเครื่องบินเป็นเวลานาน จะต้องใส่ใจหรือระวังในเรื่องใดบ้าง ขณะต้องนั่งอยู่กับผู้โดยสารแปลกหน้าคนอื่นๆ เป็นเวลาถึงครึ่งค่อนวัน การหาอะไรเพื่อฆ่าเวลาอาจมีความสำคัญ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แม้จะมีการเตรียมตัวอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่ถูกมองข้ามหรือถูกละเลยเสมอ นี่คือบทสรุปข้อผิดพลาดของผู้โดยสาร และคำแนะนำดีๆ ที่รวบรวมจากบรรดาอดีตพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
หลีกเลี่ยงยานอนหลับ
ใครก็ตามที่คิดจะฆ่าเวลา 10-12 ชั่วโมงบนเครื่องบินมักจะคิดถึงการนอนหลับ แต่เสียงกรอบแกรบหรือจ๊อกแจ๊กจากผู้โดยสารที่นั่งข้างๆ หรือผู้โดยสารที่เดินไป-มาตามทางเดินมักจะทำให้การนอนหลับอย่างมีความสุขเป็นไปได้ยาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้โดยสารบางคนจึงเกิดความคิดที่จะกินยานอนหลับเพื่อให้นอนหลับสบายขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่า การกินยานอนหลับบนเครื่องบินสามารถนำไปสู่อาการง่วงนอนหรือผลข้างเคียงอื่นๆ ได้ ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรทำ เพราะผู้โดยสารจำเป็นต้องตื่นตัวและมีสติ ในกรณีที่เกิดปัญหาขัดข้องกับเครื่องบินหรือเหตุฉุกเฉินอื่นๆ บนเครื่องบิน แต่หากจำเป็นต้องใช้ยานอนหลับจริงๆ ก็ควรใช้ยานอนหลับตามคำแนะนำของแพทย์
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
กฎระเบียบในการเดินทางโดยเครื่องบินนับตั้งแต่ปี 2006 อนุญาตให้พกพาน้ำหรือของเหลวผ่านด่านตรวจขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 100 มิลลิลิตร และต้องบรรจุในถุงซิปล็อกใส (อีกไม่นานอาจมีการยกเลิกกฎดังกล่าว เมื่อมีเครื่องตรวจที่เรียกว่า ‘State-of-the-Art-Computer-Tomography’ (CT) ตรวจเช็คว่าของเหลวที่ผู้โดยสารพกพาขึ้นเครื่องนั้นเป็นอันตรายหรือไม่) นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้โดยสารดื่มน้ำน้อยเกินไป อากาศแห้งและความสูงมีส่วนทำให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งจะทำให้อาการเจ็ตแล็กแย่ลงหรือนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้ ดังนั้นผู้โดยสารไม่ควรลังเลที่จะขอน้ำเพิ่มจากพนักงานบนเครื่องบิน หรือพกพาขวดเปล่าติดตัวไว้ตลอดเวลา สนามบินส่วนใหญ่มีจุดบริการน้ำดื่ม ผู้โดยสารสามารถบรรจุน้ำใส่ขวดนำขึ้นเครื่องได้หลังจากผ่านจุดตรวจแล้ว
รองเท้าแตะ
เพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายบนเครื่องบิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเที่ยวบินระยะไกล ผู้โดยสารส่วนใหญ่มักถอดรองเท้าและยืดเท้าทำตัวให้สบาย แต่ควรทำเฉพาะในที่นั่งของตนเองเท่านั้น ไม่ควรถอดรองเท้าเดินไปทั่วห้องโดยสาร เพราะพื้นพรมในห้องโดยสารเครื่องบินไม่ได้ทำความสะอาดบ่อยครั้งนัก ข้อมูลจากนิตยสาร Travel + Leisure ให้ข้อมูลว่า การทำความสะอาดห้องโดยสารเครื่องบินอย่างละเอียดถี่ถ้วนมักทำกัน 4-6 สัปดาห์ต่อครั้ง และแต่ละสายการบินมีความถี่ไม่เหมือนกัน ห้องโดยสารได้รับการทำความสะอาดก่อนเที่ยวบินแต่ละครั้งก็จริง แต่ก็ทำกันแบบลวกๆ มีคำแนะนำว่าควรมีรองเท้าแตะพกติดกระเป๋าไปด้วย เพื่อเลี่ยงการสัมผัสผิวพื้นห้องโดยสารโดยตรง
หมอนรองคอที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
หมอนรองคอกลายเป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับผู้โดยสารหลายคน แต่มีสักกี่คนเชียวที่ได้ทดสอบหมอนก่อนขึ้นเครื่อง บางคนพกหมอนรองคอติดกระเป๋าถือไปทั่วโลก แต่กลับห้อยมันไว้ที่ข้างศีรษะหรือใช้หนุนหลัง เพราะใช้รองคอแล้วไม่สบาย คำแนะนำคือ ควรทดลองใช้มันก่อนที่บ้าน ถ้าใช้งานได้ดีจริงแล้วค่อยติดกระเป๋าไปด้วย
เสื้อผ้ามากไป-น้อยไป
อุณหภูมิบนเครื่องบินปกติแล้วจะอยู่ที่ระดับ 20-24 องศาเซลเซียส (ความดันในห้องโดยสารที่สูงและอุณหภูมิที่อุ่นสามารถทำปฏิกิริยาในเครื่องบินได้ อุณหภูมิของร่างกายแต่ละคนแตกต่างกัน สายการบินจึงรักษาอุณหภูมิบนเครื่องให้ต่ำเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีผู้โดยสารเกิดอาการเป็นลม) ซึ่งเป็นอุณหภูมิใกล้เคียงกับห้องนั่งเล่น (ของคนตะวันตก) ถึงอย่างนั้นผู้โดยสารหลายคนยังรู้สึกว่าหนาว นั่นอาจเพราะไม่ค่อยได้ขยับตัว หรือมีลมจากส่วนอื่น ถ้าใครไม่อยากนั่งหนาวจนตัวสั่นหรือร้อนจนเหงื่อไหล ควรแต่งตัวมีเลเยอร์สวมทับได้เมื่อรู้สึกหนาวและถอดออกเมื่อรู้สึกร้อน หรือคำแนะนำง่ายๆ คือพกเสื้อสเว็ตเตอร์ติดกระเป๋าถือไปด้วย
Writer : Boonchoak Panichsilp