พบกับตัวตนอันชัดเจนในคอลัมน์สัมภาษณ์ ‘BBNO$’

BBNO$ (อ่านว่า Baby No Money) กับตัวตนอันชัดเจนของเขาผ่านคอลัมน์ Identity และการแสดงคอนเสิร์ตที่ไม่มีวันจะลืมได้ลง


Photographer: Phongsakarn Kamhangngam
Stylist: Napat Roongruang
Author: Pacharee Klinchoo

  • ตอนที่รู้ว่าบัตรคอนเสิร์ต sold out เป็นครั้งแรกนี่รู้สึกยังไง

ผมคิดว่าครั้งแรกที่บัตร sold out น่าจะเป็นที่ประเทศจีนนะครับ ผมนี่แบบ… แม่-ง… ผมสอบเสร็จ แล้วก็พุ่งไปที่เซี่ยงไฮ้เลย และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ผมจะใช้ชีวิตแบบคนทำงานออฟฟิศ เก้าโมงเช้าเลิกห้าโมงเย็นน่ะครับ ผมจำได้ว่าความรู้สึกตอนนั้นคือโคตรจะเซอร์เรียลเลย ผมหันไปมองรอบตัวแล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘นี่มันชีวิตจริงๆ ใช่ไหมวะ’ เรื่องนี้เกิดมาได้สักพักแล้วนะครับ ตั้งแต่ปีค.ศ. 2017 แล้ว ผมคิดว่าตอนที่บัตรคอนเสิร์ตที่อเมริกา sold out เป็นครั้งแรก มันก็รู้สึกดีนะ รู้สึกประมาณว่า ‘เออ… เราคงทำอะไรถูกต้องนั่นแหละเนอะ’ เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวเองมีที่มีทางเป็นของตัวเองสักที เป็นความรู้สึกที่มีความสุขจริงๆ นะครับ รู้สึกเหมือนตัวเองเติบโตขึ้นน่ะครับ โคตรจะรู้สึกดีเลย

  • การเล่นคอนเสิร์ตในหลายๆ เมืองที่มีคนดูแตกต่างกันให้ความรู้สึกอย่างไรบ้างสำหรับศิลปินอย่างคุณ

ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของวัฒนธรรมประจำถิ่นที่แตกต่างกันนะครับ อย่างที่ทวีปเอเชีย คนดูจะค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ค่อยเล่นมอชพิตหรือกระโดดโลดเต้นเท่าไหร่นัก ไม่ตีกันด้วยครับ แต่ถ้าเป็นยุโรปตะวันออกหรือออสเตรเลียนี่พลังงานของพวกเขานี่คือคนละเรื่องเลย เหมือนทุกคนพร้อมสติหลุดได้เสมอ ทุกที่แตกต่างกันหมดและก็น่าสนใจพอๆ กัน เพราะแต่ละโชว์ที่ผมขึ้นเล่นก็มีเอกลักษณ์แตกต่างของตัวเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะที่ไหน มันเจ๋งมากจริงๆ แต่ทวีปที่ผมชอบไปเล่นที่สุดคือแถบยุโรปตะวันออก เพราะพลังงานของพวกเขานี่สุดๆ ไปเลยครับ อาหารก็อร่อยนะครับ แต่พลังงานของพวกเขานี่แปลกและแตกต่างจากที่อื่นจริงๆ

  • มีช็อตไหนในการแสดงที่ประทับใจจนอยากจะบอกต่อบ้างไหมเยอะไปหมดจนไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่ายังไงเลยครับ

ผมว่า… ผมจำได้ตอนที่ไปเล่นที่ประเทศลิทัวเนีย ที่เมืองวิลนีอัส ที่เป็นเมืองหลวงน่ะครับ บัตรขายหมดเต็มเวนิว และนั่นคือ 5% ของจำนวนประชากรทั้งเมือง ผมนี่แบบ… คนเยอะไปหมดเลย มันเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจมากสำหรับผม เพราะผมก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีแฟนเพลงปริมาณมหาศาลมาดูคอนเสิร์ตขนาดนี้ นี่คือประเทศลิทัวเนียนะ ผมว่าอินเทอร์เน็ตนี่ช่วยผมในอาชีพนี้ไว้ได้เยอะมากเลย คือ… ผมได้มาเล่นคอนเสิร์ตและถ่ายแบบที่ประเทศไทยนี่เลยนะ และผมได้มานั่งคุยกับคุณในวันนี้เพราะดนตรีของผมน่ะ คุณพอจะเข้าใจใช่ไหม มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่ผมมีโอกาสประสบความสำเร็จแบบนี้ ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ทำเพลงต่อไปเหมือนกับที่ผมทำมาตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลงานออกไปให้คนอื่นได้ฟังมันวิเศษจะตาย

  • เท่าที่อ่านโพรไฟล์ของคุณมา คุณตัดสินใจที่จะเป็นศิลปินหลังเรียนจบสาขาวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว (Kinesiology) และคุณยังเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำมาก่อนด้วย แล้วอีท่าไหนคุณถึงเลือกมาเป็นศิลปินได้

ผมก็แค่ตกหลุมรักการทำเพลงน่ะครับ พอผมต้องไปเรียนมหาวิทยาลัย ผมก็คิดว่า เอาล่ะ… ผมจะทำเพลงต่อไป ถ้ามันพาผมไปถึงไหนได้ก็ดีแหละ แต่ผมก็จะตั้งใจเรียนด้วย เพื่อการันตีว่าผมมีแผนสำรองอยู่ในมือ เพราะมันมีโอกาสอยู่ 99.9999999% ที่ผมอาจจะไปด้านดนตรีไม่รอด มีเพื่อนที่โตมาด้วยกันตั้งหลายคนล้มเลิกไปในระหว่างทาง ผมก็คิดว่า เอาล่ะ… ถ้าผมไม่ลงมืออย่างจริงจังในวันนี้เพื่อที่จะทำให้ความฝันของผมเป็นจริงให้ได้ ผมจะต้องนั่งมองย้อนกลับมาในอดีตและจะต้องหงุดหงิดตัวเองสุดๆ อย่างแน่นอนว่าผมพยายามไม่เต็มที่ ผมก็เลยเลิกไปปาร์ตี้ เลิกแม่-งทุกอย่างระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย ผมตื่นแต่เช้ามาแต่งเพลง และผมทุ่มเวลาเป็นหลายๆ ชั่วโมงเพื่อการนี้ และถ้าผมทำเงินมาได้ถึงจุดที่ผมได้เงินล่วงหน้าอาชีพที่การศึกษาของผมจะให้ผมได้ราวๆ 7-10 ปีไปแล้ว ผมก็รู้ได้ทันทีว่ามันถึงเวลาที่ผมจะหันมาในเส้นทางนี้อย่างเต็มตัวได้แล้ว และในวันที่ผมปล่อยเพลง Lalala คือวันที่ผมจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยพอดีเลยครับ มันเป็นวันโคตรสำคัญในชีวิตของผมเลยครับ และหลังจากนั้นมันก็พุ่งปรี๊ดเป็นจรวดเลยครับ มันคืองานหนักที่ผมทำมาตลอดชีวิตนะครับ ไม่มีอะไรน้อยไปกว่านั้นเลย แต่มันก็สนุกนะครับ ผมไม่เรียกมันว่า ‘งาน’ ก็แล้วกัน ผมตื่นมาทุกเช้าและถามหาเรื่องที่ผมต้องทำในวันนี้ เพราะผมรักที่จะทำมัน มันเหมือนการเล่นวิดีโอเกม ที่ต้องเลเวลอัพตัวเองในทุกๆ วันที่ตื่นขึ้นมาน่ะครับ และตอนนี้ผมก็มาแต่งตัวชุดประหลาดๆ เพื่อถ่ายคอลัมน์กับคุณที่นี่ ทุกอย่างมันเจ๋ง น่าสนใจ และสนุกไปหมดเลยครับ

  • ภาพที่คุณเห็นตอนปล่อยเพลงแรก มันคือภาพเดียวกับที่คุณเห็นตัวเองในตอนนี้ไหม ว่าดนตรีจะทำให้คุณมีชื่อเสียงมากขนาดนี้

ผมไม่ได้มีชื่อเสียงขนาดนั้นนะคุณ ผมอาจจะป็อปในหมู่คนบางกลุ่มแหละ แต่ผมไม่ได้มีชื่อเสียงขนาดนั้น พูดแบบนั้นไม่ได้หรอก และคำตอบคือ… ไม่นะ ผมไม่ได้คาดหวังอะไรอย่างนี้เลย ผมวางกลยุทธ์ของผมไว้แหละว่าตอนที่ผมปล่อยเพลงออกมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ถึงผมจะไม่ประสบความสำเร็จในแง่ที่ทุกคนเข้าใจ แต่ผมก็จะประสบความสำเร็จอยู่ดีด้วยปณิธานในการทำงานของผม ผมรู้ตัวดีว่าผมทำงานหนักกว่ามนุษย์ปกติไปอีก 99.9999999% ผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่ ผมเคยเล่นเกม World of Warcraft รวดเดียว 16 ชั่วโมง แบบไม่มีเวลาพัก ผมเก่งเรื่องลงมือทำอะไรสักอย่างแบบบ้าดีเดือดอยู่แล้ว และผมก็ใช้ทักษะแบบนั้นของผมในการทำเพลง และปล่อยเพลง ดังนั้น ถ้าถามว่าผมคิดว่าผมมีพื้นที่เติบโตในฐานะศิลปินมั้ย ผมตอบว่ามีแน่นอน แต่ผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่าข้างหน้าจะมีอะไรรอผมอยู่นั่นแหละ

  • แล้วคุณมีภาพของตัวเองตอนประสบความสำเร็จมากๆ บ้างไหม

สิ่งที่ผมอยากจะเป็นที่สุดคือ เป็นคนเขียนเพลง (songwriter) ที่พอคนได้ฟังแล้วจะพูดว่า ‘นี่… ฉันชอบเพลงนี้จังเลย’ หรือไม่ก็ ‘ว้าว… เขาลองทำเพลงแปลกใหม่สุดๆ ไปเลยแหละ’ ผมอยากจะเป็นคนแต่งเพลงที่เก่ง และอยากให้คนมองผมเป็นนักดนตรีคนหนึ่ง ผมไม่อยากให้คนมาติดตามผมเพราะบุคลิกของผมหรอกนะเพราะผมเป็นคนที่ชอบนั่งทำเพลงมากๆ ดังนั้น การทำเพลงถือเป็นรากฐานสำคัญของนักดนตรีทุกคน และมันก็ฝังรากลึกอยู่ในตัวผม มันเป็นตัวตนที่ผมอยากปลดปล่อยมันออกมา และผมอยากจะให้คนอื่นเห็นผมในแง่นั้น แต่ถ้ามันจะนำมาซึ่งชื่อเสียง เพราะการเป็นนักแต่งเพลงที่เก่งนั้นก็หมายความว่าเพลงของคุณประสบความสำเร็จ มันก็ดีสิครับ เป็นของแถมที่ดีทีเดียว

  • มีอะไรอยากจะบอกกับแฟนๆ ชาวไทยมั่งมั้ยตอนนี้ผมอยู่ที่กรุงเทพฯ

เมื่อวานผมไปกินอาหารที่ร้านเหลาเหลามาครับ อาหารอร่อยมากครับ ถ้าคุณไม่เคยไปกิน ไปลองเลย ผมชอบกินอาหารรสจัด แต่กะเพราะของผมไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือเท่าไหร่ครับ แต่ผมก็กินอยู่ดี

  • งั้นชอบอาหารไทยอะไรมากที่สุด

เท่าที่เคยลองมาน่ะเหมือนจะเป็นไส้หมูทอดกรอบๆ กับซอสมะขามนะครับ มันอร่อยมากจริงๆ เมื่อวานเพิ่งกินคอหมูไป ก็อร่อยมาก แล้วก็มีเนื้อผัดกะเพรา นั่นก็ชอบ ผมชอบอาหารไทยที่มีให้กินที่อเมริกาทุกอย่างเลยครับ พวกผัดซีอิ๊ว ผัดไทย แกงเขียวหวาน ส้มตำน่าจะเป็นหนึ่งในอาหารจานโปรดตลอดกาลของผมเลยนะครับ ไม่รู้สิครับ ชอบเยอะแยะไปหมดเลย อาหารไทยอร่อยมากจริงๆ