ตอนนี้เขากำลังบินเดี่ยวสู่โลกใหม่ – แบมแบม นักร้อง-นักแต่งเพลง แร็ปเปอร์ และนักเต้น เดินทางมาไกลโขนับตั้งแต่จากประเทศไทย มาเพื่อฝึกฝนและได้เดบิวต์เป็นไอดอลในวงการเค-ป็อป ของเกาหลีเส้นทางที่กำลังย่างก้าวไปทำให้แบมแบมได้เห็นโลกกว้างนอกกำแพงสตูดิโอและห้องซ้อม สมาชิกวง GOT7 ใช้ช่วงเวลาแห่งความสำเร็จที่หอมหวานเพื่อรู้จักตนเอง เสียง สไตล์ และพยายามบินไต่ระดับสูงขึ้นไปไม่หยุดยั้ง
Wheels Up
แม้ว่าจะเติบโตมาในอุตสาหกรรมที่ไล่ตามแต่สิ่งใหม่และคนหน้าใหม่ แบมแบมกลับไม่กังวลกับการต้องเป็นจุดเด่นหรือ ทำตามความคาดหวังของคนอื่น ปัจจุบัน นักร้องหนุ่มวัย 25 ปี วุ่นอยู่กับการเริ่มต้นใหม่ของตนเอง การงาน และสร้างความก้าวหน้าโดยที่ไม่มีเพื่อนหกคนที่เคยสนับสนุนอยู่เคียงข้าง
เช่นเดียวกับแบมแบม สมาชิกวง GOT7 อย่างมาร์ค, เจบี, แจ็คสัน, จินยอง, ยองแจ และยูคยอม ต่างกำลังทำงานเดี่ยวของตนเองหลังออกจากบริษัท JYP เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ต้นสังกัดเดิมเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว แบมแบมดีใจที่ได้ค้นพบพื้นที่กว้างใหญ่ขึ้น “ผมได้เห็นว่าโลกมันใหญ่กว่าที่ผมคิดและ ผมทำอะไรได้มากกว่าที่คิด เพราะปีที่แล้วตั้งแต่ย้ายมาอยู่บริษัทใหม่ผมได้ทำอะไรมากกว่าดนตรีและการแสดง” นักร้องหนุ่มมากความสามารถเล่า เมื่อได้เซ็นสัญญากับ ABYSS ซึ่งเป็นต้นสังกัดของศิลปินมีชื่อเสียงมากมาย เช่น Sunmi, Urban Zakapa และ Sandara Park แบมแบมได้พบกับอิสรภาพอีกแบบ “ผมคิดว่าผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองและสิ่งที่ผมต้องการมากขึ้น ผมเคยคิดว่าบริษัทเก่าคือทุกอย่าง และถ้าผมไม่ได้ต่อสัญญา จะไม่มีใครสนใจผมอีก”
ในบ้านใหม่ ABYSS ไอดอลผู้นำสไตล์ได้ออกมินิอัลบั้มไปแล้วสองอัลบั้ม ร่วมงานกับแบรนด์ชื่อดังอย่างโคคา-โคล่า และโตโยต้า รั้งตำแหน่ง global ambassador ของวิดีโอเกมโลกเสมือนจริงยอดฮิตอย่าง The Sims 4 และทีมบาสเกตบอลดีกรีแชมป์ NBA อย่าง Golden State Warriors แบมแบม สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นศิลปินเค-ป็อปคนแรกที่ได้แสดงโชว์ในเวลาพักครึ่งการแข่งขัน NBA และชนะใจแฟนบาสเกตบอลทั้งสนาม Chase Center ในซานฟรานซิสโกด้วยท่า swag ประจำตัวและดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ เช่นเดียวกัน
ความหลงใหลในแฟชั่นของแบมแบมเป็นที่จับตามองไม่แพ้กัน จนทำให้เขาได้ร่วมงานกับค่ายแฟชั่นระดับโลกอย่าง Burberry และ Louis Vuitton รวมทั้งเปิดตัวเป็นมิวส์ผู้สร้างแรงบันดาลให้แก่ YSL Beauty ประเทศไทย “ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ในห้องแคบมากมาตลอด เหมือนกับว่าบริษัทใหม่ได้ให้แว่นผมตอนผมสวมแว่นคู่ใหม่ ผมรู้สึกเหมือนกับว่า โอ โอเค ผมไม่เคยรู้เลยว่าโลกมันใหญ่กว่าที่ผมคิด” แร็ปเปอร์หนุ่มเปล่งกระแสความรู้สึกขอบคุณขณะพูดถึงเส้นทางอาชีพบทใหม่จนไม่ต้องเห็นตัวจริงก็รู้ว่ามีรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้าขณะที่เขาเล่าเรื่องต่อ
Encore
แม้จะแยกย้ายกันไปทำงานเดี่ยว แต่สมาชิกวง GOT7 ยังสามารถรวมตัวกันครบวงและออกอัลบั้มคัมแบ็คไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และยังรับรองกับเหล่าอากาเซ่แฟนคลับที่รักของพวกเขา ว่าจะยังคงเป็นอย่างที่สมาชิกทุกคนชอบพูดว่า GOT7 Forever “เป็นการเลือกถูกต้องแล้วที่เราตัดสินใจไม่เปลี่ยนชื่อด้อมแฟนคลับของเรา ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน มันจะยังคงเหมือนเดิม แม้ว่าผมจะออกผลงานเดี่ยวแต่ผมยังเป็นส่วนหนึ่งของ GOT7” แบมแบมอธิบาย การรู้ว่าเขายังคงเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่งที่ใหญ่กว่าทำให้เขารู้สึก สบายใจ – สิ่งที่เขาสามารถกลับไปหาได้เสมอและรู้สึกว่าเป็นที่ต้อนรับ สิ่งนั้นผลักดันให้เขาก้าวไปข้างหน้าและ ขัดเกลาพัฒนาผลงานอย่างไม่หยุดยั้ง
นับแต่เดบิวต์ผลงานเดี่ยวเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วกับมินิอัลบั้มแรก riBBon แบมแบมแสดงให้เห็นตลอดเวลาว่า เขาเติบโตและมีความสามารถรอบตัวในฐานะศิลปินผ่านดนตรีและคอนเซ็ปต์ที่ทั้งคาดไม่ถึง แต่ยังแสดงความเป็น BamBam อย่างชัดเจน “คนมักพูดว่าศิลปินทุกคนต้องมี [เสียงหรือสไตล์] ของตัวเอง แต่สำหรับผม แม้ว่า… แน่นอน… ผมมีบางอย่างที่ชอบหรืออยากแสดงออกมา ผมคิดว่า สี สไตล์ มันอยู่ในตัวศิลปินไม่ได้อยู่ในดนตรี” เขาเล่า หากวิเคราะห์ riBBon และมินิอัลบั้มชุดสอง B ย่อมยืนยันความจริงข้อนี้ได้ทันที ทั้งสองอัลบั้มใช้แนวดนตรีฟังสบายและขี้เล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคอนเซ็ปต์ลึกลับเซ็กซี่กว่าตอนที่เขาสวมตัวตนเป็นแบมแบมแห่ง GOT7 หากที่ผ่านมาเขาเป็นที่ยอมรับมากกว่าด้วยทักษะการแร็ปและการเต้นในวง ในทางกลับกัน คราวนี้แบมแบมกำลังเริ่มชูเอกลักษณ์และความสามารถทางดนตรีของตนเอง “ทุกเพลงที่ผมร้อง ผมพยายามทำให้มันเป็นสไตล์ของผมเองเวลาที่ผมใส่เสียงลงไปในบางอย่าง เวลาที่ผมอยากเล่าเรื่องราวผ่านดนตรี ไม่ว่าสไตล์ไหนก็จะกลายเป็นแบมแบมสไตล์ ไม่สำคัญว่าคุณกำลังใช้สไตล์ไหน ถ้าคุณกำลังทำมัน มันจะกลายเป็นสไตล์ของคุณ” ซุปเปอร์สตาร์หนุ่มบอกเรา
แบมแบมเริ่มทำอัลบั้มที่สามแล้ว แฟนคลับได้แต่คาดเดาว่าเขาจะทำอะไรหรือไปถึงจุดไหนต่อไป อาจจะด้วยเหตุผลนี้ แบมแบมจึงกุมใจคนฟังได้อยู่หมัด คนฟังที่สนุกกับสิ่งที่แร็ปเปอร์หนุ่มปล่อยออกมาตั้งแต่แรก เพราะเช่นเดียวกับตัวเขาสิ่งสำคัญคือดนตรีที่เป็นการทดลอง วิวัฒนาการตลอดเวลาและน่าตื่นเต้นเสมอ ทุกครั้ง
Mama, I Made It
หนึ่งในความท้าทายที่ไอดอลหลายคนต้องเผชิญคือการเติบโตเบื้องหน้ากล้องและอยู่ห่างครอบครัวและชีวิต ‘ปกติ’ สำหรับแบมแบม การเดินบนเส้นทางไอดอลหมายถึงการทิ้งชีวิตในประเทศไทยและเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยตนเองในสถานที่ที่เขาแทบไม่รู้จักเลย หลังจากอยู่ในเกาหลีมากว่าครึ่งชีวิต แบมแบม พูดถึงเรื่องดีมากมายในประเทศที่เขาเติบโตมา “ผมมาเกาหลีตอนอายุ 13 ขวบ ผมใช้ชีวิตที่นี่ ถ้าคุณใช้ชีวิตช่วงอายุ 20 ปีในเกาหลี คุณจะได้เรียนรู้ชีวิตมากขึ้น และค่อยๆ มีเพื่อนและเรื่องอื่นๆ ผมไม่มีเพื่อนในประเทศไทย ผมรู้จักแต่ครอบครัวกับหมาของผม แต่ในเกาหลี ผมมีเพื่อนมากมาย บางคนมาจากแอลเอ นิวยอร์ก จากทั่วโลก” แร็ปเปอร์ผู้เปี่ยมพรสวรรค์พูดถึงชีวิตส่วนตัวของเขา
การตั้งรกรากในเกาหลียังช่วยให้แบมแบมได้ถอยหลังไปมองและชื่นชมกับชีวิตที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง “มีหลายครั้งที่ผมนั่งอยู่บ้านคนเดียว คิดอะไรไปเรื่อยๆ ระหว่างจิบเบียร์ shot puno” หนุ่มน้อยมหัศจรรย์เล่าโดยไม่ลืมแอบใส่อารมณ์ขันและสำนวนภาษาตากาล็อกที่เขาเพิ่งเรียนมาลงไปในสิ่งที่น่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งการครุ่นคิดอย่างจริงจัง “ผมกำลังจิบเบียร์ฟังเพลงแจ๊ส ชิลกับแมว แล้วก็เกิดความรู้สึกประมาณว่า ‘โอ มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ที่ผมมีทุกอย่างแบบนี้’ ผมเพิ่งรู้สึกว่าทำไมมันเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ ผมกำลังอยู่ในบ้านในฝันมีครอบครัวแมวที่ผมรัก มีเพื่อนฝูงรายล้อม ชีวิตสมบูรณ์แล้วตอนนี้”
แม้จะทำงานหนักมาหลายปีและเก็บเกี่ยวความสำเร็จและรางวัลมานับไม่ถ้วน แต่แบมแบมยังคงไม่หลงตัวเองและยังรู้สึกประหลาดใจเมื่อตระหนักว่าตนเองเดินมาไกลขนาดไหน “ผมคิดว่าเพราะนั่นเป็นสิ่งที่แม่สอนผมให้เป็นตั้งแต่เด็ก ผมไม่ได้มาจากครอบครัวร่ำรวย ผมมาจากครอบครัวยากจนครอบครัวของเรามีปัญหามากมาย พ่อเสียตอนที่ผมยังเด็กมาก… มีปัญหาอีกหลายอย่าง แน่นอน บางครั้งผมก็ลืมว่าตัวเองมาจากไหน ผมแค่มีความสุขกับทุกอย่างที่ผมมี และอยากได้มากกว่านี้ มากกว่านี้อีกแต่แล้วผมก็คิดขึ้นมาได้ เช่นกันว่า จะต้องการมากกว่านี้ไปทำไมผมควรขอบคุณ ที่ผมมีทุกสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้ต่างหาก”
Real Talk
เป็นเรื่องง่ายที่จะอยากได้สิ่งที่เคยมีมากขึ้น เมื่อมองดูซุปเปอร์สตาร์อย่างแบมแบมที่ได้รับการตั้งฉายาว่า เจ้าชายแห่งประเทศไทย และ Young & Rich (สมาชิกวง GOT7 ช่วยกันตั้งให้ทั้งสองชื่อ) เราย่อมนึกว่าเขาคงฝันแต่อยากจะยิ่งใหญ่ขึ้น ขณะที่ยังมีความสำเร็จใหม่ๆ ให้เขาไขว่คว้าตลอดเวลา แต่สำหรับแบมแบมเป้าหมายที่เขาต้องพยายามกลับเป็นสิ่งละอันพันละน้อย “ผมอยากเรียนรู้วิธีทำงานบ้าน” เจ้าชายแห่งเมืองไทยบอก แฟนคลับมักล้อว่าเขาหมกมุ่นกับการทำความสะอาด (แค่กูเกิ้ลไม่กี่อึดใจเราจะเจอวิดีโอแบมแบมกำลังกวาดพื้นและแนะนำวิธีทำความสะอาดเตียงอย่างถูกต้อง) ขวัญใจชาวไทยอธิบายอย่างไม่ปิดบังถึงความฝันที่จะได้อยู่กับบ้านมากขึ้น เป็นเรื่องไม่คาดฝัน แต่ก็น่าดีใจ “ผมทำเพื่ออนาคตของผมนะครับ! ถ้าผมแต่งงานผมจะให้ภรรยาของผมไปทำงาน แล้วผมจะเป็นคนทำความสะอาดบ้าน ถ้าโต๊ะพัง ผมอยากเป็นคนซ่อมเอง ผมอยากจัดการทุกอย่างได้! พอภรรยาของผมกลับมาบ้าน ผมก็จะพูดประมาณว่า ‘โอ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ ที่รัก ผมทำอาหารเย็นให้คุณแล้ว’” แบมแบมบรรยายพลางหัวเราะ
ไม่ว่าจะพูดเรื่องการลงหลักปักฐาน พูดเล่นเรื่องแผนการเกษียณตั้งแต่ยังหนุ่ม หรือแค่ล้อเลียนรอยย่นและสัญญาณที่บ่งบอกว่าเขาอายุมากขึ้น ทุกคำพูดที่ออกจากปากของแบมแบมช่างเป็นสิ่งเตือนใจอันปลอบประโลมว่าสุดท้ายแล้วเมื่อถอดอาภรณ์เสื้อผ้าของดีไซเนอร์ดังและลบเครื่องสำอางออกไป แท้จริงแล้วเขาก็เป็นหนุ่มน้อยเช่นคนอื่น ที่กังวลกับปัญหาในโลกแห่งความจริงซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการแต่งเพลงหรือแสดงต่อหน้าผู้ชมนับหมื่นพัน สิ่งนั้นเองที่ทำให้ซุปเปอร์สตาร์คนนี้เป็นอย่างที่ผู้คนต่างสรรเสริญว่าเขาช่างเป็นคนซื่อตรงที่ทำให้ชุ่มชื่นใจที่สุด “ผมเป็นคนเดียวกันทั้งหลังกล้องหรือหน้ากล้อง” เจ้าชายติดดินย้ำ “ผมไม่อยากให้คนรักผมในแบบที่พวกเขาอยากเห็น ผมอยากให้พวกเขารักผมในแบบที่ผมเป็น”
ข่าวดีครับ แบมแบม เรารักคุณแบบนั้นอยู่แล้ว
Photographer: Tae Koo Kim
Stylist: Danyl Geneciran
Interview by: Nielli Martinez
Translator: Janejira Sereeyotin