ใครๆ ก็ต้องมองตามเวลาที่ไคขยับตัวไปไหนต่อไหน การปรากฏตัวของเขาทำให้พวกเราเชื่อว่าชีวิตของเราจะดีขึ้นได้ไม่ยาก เสียงฮัมเพลงของเขาทำให้เรารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง และเมื่อจังหวะกลองเร่งเร้าให้เราต้องลุกขึ้นปรบมือให้เขา เรียกร้องหาการแสดงเพิ่มขึ้นอีก ไอดอลอายุ 28 ปีผู้นี้ก็พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้มีเพียงความปราดเปรียวด้านร่างกายเท่านั้น แต่เขายังเป็นศิลปินเดี่ยวผู้ครอบครองพรสวรรค์ในการแสดงอารมณ์ได้อย่างหลากหลายตั้งแต่อ่อนโยนไปจนถึงแข็งกร้าว เชื่องช้าไปจนถึงว่องไว ร้อนแรงจนถึงเย็นชา เปลี่ยนแปลงได้จากเปลวไฟไปจนถึงน้ำแข็งอันเย็นเยือกได้อย่างลื่นไหล
ก่อนจะเริ่มการสัมภาษณ์ คุณเพิ่งฟังเพลงอะไรมาเหรอ
“เพลงล่าสุดที่ผมฟังเป็นเพลงจากอัลบั้มของผมเองนั่นแหละ (หัวเราะ) นอกจากเพลงพวกนั้น เพลงสุดท้ายที่ผมฟังก็คือเพลง Addicted ของ Jon Vinyl น่ะครับ”
คุณเป็นที่รู้จักจากความสามารถในการเต้นบนเวที คุณคิดอะไรอยู่เวลาคุณเต้น คุณต้องทำใจอย่างไรก่อนขึ้นเวทีเพื่อให้ได้อารมณ์ หรือคุณแค่ขึ้นเวทีแล้วแสดงได้เลย
“สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวผมเลยก็คือ ‘ผมมีความสุข’ โดยเฉพาะเวลาที่ผมขึ้นไปเต้นบนเวที ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่สนุกที่สุด และเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุด สิ่งถัดไปก็คือ ผมใส่ใจกับความรู้สึกของผมในวันนั้น ผมจะเต้นในแบบที่เข้ากับอารมณ์หรือหัวข้อในแต่ละการแสดง แต่การเต้นของผมก็เกี่ยวข้องกับอารมณ์ของผมในวันนั้นเช่นเดียวกัน ที่คอนเสิร์ต ผมพยายามสบตาคนดู และมองให้ออกว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ถ้าพวกเขาดูมีความสุข ผมก็จะแสดงแบบเท่ๆ ให้พวกเขาดูคอนเสิร์ตของผมก็คือการแสดงอย่างหนึ่งนั่นแหละ แต่ผมมักจะคิดเรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากการแสดง และปล่อยให้สิ่งต่างๆ เหล่านั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงมีความสุขได้ ผมมักจะหัวเราะเวลาผมประหม่า ดังนั้น ก่อนขึ้นเวที ผมจะหัวเราะ นั่นเป็นสิ่งที่ผมทำก่อนขึ้นเวทีจริงๆ น่ะ (หัวเราะ) นั่นเป็นสิ่งที่ผมทำเพื่อให้ตัวเองรู้สึกตื่นเต้น และสนุกไปกับการแสดงของตัวเองครับ”


คุณเป็นคนประเภทวางแผนทุกอย่างในชีวิตหรือด้นสดกันแน่ ปรัชญาการใช้ชีวิตของคุณคืออะไร
“หลังๆ นี่ผมดูเหมือนจะด้นสดไปตามกระแสชีวิตนะครับ แต่ตอนทำงาน ทุกอย่างต้องได้รับการวางแผนไว้แล้ว ผมคิดว่าผมมีความรู้สึกกับคำว่า ‘แค่ใช้ชีวิตไป’ อย่างมากเลยนะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าให้ ‘แค่ใช้ชีวิตไป’ แบบซังกะตายนะครับ เมื่อใดก็ตามที่ผมมีเรื่องต้องกังวลใจ หรือต้องคิดอะไรสักอย่าง พี่สาวผมจะบอกให้ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตัดสินใจ นั่นช่วยผมได้เยอะเลยครับ ผมพยายามมีชีวิตแบบที่มีความสุขกับสิ่งที่ผมพอจะทำได้ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข และปลอบประโลมใจของผมได้น่ะครับ”
คุณรู้ตัวไหมว่าคุณมีอะไรพิเศษในตัวเอง ทั้งเสน่ห์ และความสามารถ
“ผมคิดว่าผมเป็นคนสมาธิดีนะครับ ไม่ว่าจะอยู่ในเวลาไหน หรือสถานการณ์ไหน มันเป็นจุดแข็งของผมที่ผมสามารถมีความสุขกับทุกสิ่งที่ผมลงมือทำได้ อย่างเช่นการเต้น เพราะผมสมาธิดีมาก ผมเลยสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าคนอื่นเวลาเรียนเต้นท่าเดียวกันน่ะครับ”
แฟนๆ แยกคุณออกจากเมมเบอร์คนอื่นได้อย่างรวดเร็ว เพราะคุณมักจะสวมสูทโดดเด่นโดยไม่ใส่เสื้อตัวใน หรือใส่แค่เสื้อครอปเท่านั้น สไตล์ส่วนตัวของคุณเป็นอย่างไรบ้าง
“มันจะมีเวลาที่ผมอยากจะแต่งตัวเรียบร้อย หรือไม่ก็อยากจะแต่งตัวแบบสตรีทไปเลย และมันก็มีช่วงเวลาที่ผมสนใจเทรนด์แฟชั่นในปีนั้นๆ หรือสนใจแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งอยู่ ผมอยากจะแต่งตัวแตกต่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์น่ะครับ ผมไม่ใส่เสื้อผ้าที่โดดเด่นเกินไป ผมคิดว่ามันมีเส้นแบ่งชัดเจนระหว่างเสื้อผ้าขึ้นเวทีกับเสื้อผ้าที่ใส่ในชีวิตประจำวันนะครับ ผมอาจจะใส่เสื้อครอปขึ้นเวที แต่คงจะยากที่จะแต่งตัวแบบนั้นในชีวิตประจำวันนะ”



คุณเดินทางบ่อยมากเลย เล่าเรื่องทริปที่คุณประทับใจให้ฟังหน่อย
“ได้ไปเมืองเซบูกับเพื่อนๆ อาจจะเป็นทริปที่น่าประทับใจที่สุดแล้วนะครับ ไปดำน้ำตื้น ความรู้สึกอิสระนั้นยังอยู่ในความทรงจำของผมอยู่เลย เวลาผมคุยกับเพื่อน เรายังคุยกันเรื่องทริปนี้อยู่เลย ผมอยากจะกลับไปอีกถ้ามีโอกาสนะครับ”
ชื่อเสียงทำให้คุณเปลี่ยนไปไหม ในทิศทางไหน
“เปลี่ยนแน่นอนอยู่แล้ว ด้านหนึ่งคือมันทำให้ผมกลายเป็นคนที่ดีขึ้น ชื่อเสียงและลักษณะนิสัยส่วนตัวนั้นคือคนละเรื่อง ผมรู้ว่า ‘คนดีๆ’ นั้นแตกต่างจาก ‘คนเก๋ๆ’ ที่ทุกคนชื่นชอบนะ ชื่อเสียงทำให้ผมหันมามองตัวเอง มันทำให้ผมทำงานหนักขึ้น และไม่หลงระเริงไปกับมันน่ะครับ”
วงการเคป็อปใหญ่ขึ้นมากทุกวันนี้ คุณคิดว่ามันจะไปจบที่ใด
“ผมคิดว่าอุตสาหกรรมเคป็อปมีโอกาสมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไปนะครับ การมาถึงของอินเทอร์เน็ตทำให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้คนได้มากขึ้นผ่านวงการเคป็อป ผมคิดว่ามันจะมีโอกาสสำหรับผมและศิลปินคนอื่นที่จะได้เจอแฟนๆ รอบโลกมากขึ้นนะครับ”


คุณเป็นที่รู้จักในแบบบุคลิกสองขั้ว ทั้งนักแสดงผู้ดุดัน และคุณอาไคผู้อ่อนโยน เมื่อไหร่ที่ตัวตนของคุณบนเวทีสิ้นสุด และตัวคุณภาคอยู่บ้านเข้ามาแทนที่
“ไคในฐานะคุณอาปรากฏตัวเวลาผมเจอหลานๆ ของผมครับ จริงๆ แล้วผมเชิญพวกเขามาที่คอนเสิร์ต และเปิดเทปการแสดงของผมให้ดูตลอดนะครับ แต่พวกเขาก็ยังมองผมในฐานะคุณอามากกว่าคนดังอยู่ดี ผมเลยคิดว่ามันมีเส้นแบ่งชัดเจนระหว่างเวทีและบ้านนะครับ แต่ผมคิดว่าผมก็เป็นคุณอาคนเดิมต่อหน้าพวกเขานะ”
มันมีเส้นแบ่งชัดเจนระหว่างเวทีกับบ้านใช่ไหม
“ใช่ครับ ผมคิดว่าความชัดเจนเป็นสิ่งที่ดี และทำให้ผมโฟกัสกับงานได้ดีขึ้น ผมสามารถสะสมพลังงานและเคลียร์สมองให้โล่งระหว่างใช้ชีวิตนอกเวทีได้ครับ”
ครอบครัวคุณช่วยคุณในแง่ไหนได้บ้าง
“พวกเขาให้ทั้งแรงบันดาลใจและความช่วยเหลือครับ เพราะว่าครอบครัวของผมทำให้ผมเป็นคนแบบทุกวันนี้ และทำให้ผมเลือกอาชีพนี้ครับ ครอบครัวของผมเป็นส่วนสำคัญของชีวิตผมเลยนะครับ เวลาผมกังวลเรื่องอะไรก็ตาม ผมจะขอความเห็นจากแม่และพี่สาวเสมอ ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเวลาผมอยู่กับครอบครัว ผมเลยไปอยู่ใกล้ๆ และหาโอกาสเจอพวกเขาบ่อยๆ ครับ”


คุณมีกิจกรรมอะไรที่ชอบทำนอกเหนือจากการทำงานบ้างไหม
“ไปเดินเล่นริมแม่น้ำฮันครับ ผมรู้สึกปลอดโปร่งทุกครั้งที่ได้ไปยืนชมวิวแถวนั้น ผมยังชอบต่อเลโก้ ล่าสุดผมกำลังเห่อปากกาทรีดี ใช้ยากมากเลย แต่สนุกดีครับ”
สำหรับคนที่ถูกนิยามว่า ‘เซ็กซี่’ ตลอดเวลาอย่างคุณ คุณคิดว่าใครหรืออะไรที่เซ็กซี่ในสายตาคุณ
“คนก็นิยามความเซ็กซี่แตกต่างกันไปนะครับ แต่ผมคิดว่าคนที่ทำงานหนักหรือคนที่มีความเห็นเป็นของตัวเองคือคนเซ็กซี่ครับ คนเหล่านั้นเป็นพวกที่มีสมองเซ็กซี่น่ะครับ อ้อ… คนที่ใช้ชีวิตแบบรักษาสุขภาพก็เป็นคนเซ็กซี่สำหรับผมเหมือนกันนะครับ”
Photographer: Sang-Hun Lee
Stylist: Danyl Geneciran
Author: Tin Dabbay
Translator: Pacharee Klinchoo