พูดคุยกับ 2 นักชกอย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ และ โคตะ มิอุระ

Share This Post

- Advertisement -

พูดคุยกับบัวขาว บัญชาเมฆก่อนขึ้นชกกับโยชิอิโระ ซาโตะ

  • ความรู้สึกก่อนขึ้นชกทุกไฟต์ ยังตื่นเต้นหรือประหม่าเหมือนสมัยชกมวยใหม่ๆ ไหม

จริงๆ แล้วความรู้สึกก่อนขึ้นชก มันมีความรู้สึกทุกครั้งน่ะครับ แต่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันไปนะ อย่างเช่น เรารู้ตัวว่าไฟต์นี้เราต้องไปเจอกับนักมวยที่เก่งกว่าเรา หรือว่าเจอแมตช์สำคัญอย่างมีการชิงแชมป์ ชิงถ้วยอะไรต่างๆ มันจะทำให้เรารู้สึกเครียดกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในรอบที่เราจะขึ้นชก หรือกดดันในการขึ้นชกแต่ละไฟต์ความรู้สึกก็จะแตกต่างกันไปครับ อยู่ที่ระดับของเวทีแต่ละเวที

  • การที่จะได้ขึ้นชกกับคุณซาโตะอีกครั้งหลังจาก 14 ปีผ่านไป ความรู้สึกของไฟต์นี้เป็นอย่างไร

มันเป็นความรู้สึกที่ดีครับว่าเราได้แสดงศักยภาพตัวเราให้ดูอีกครั้ง จากวันนั้นถึงวันนี้ ว่าวันนั้นกับตอนนี้ที่เราจะขึ้นชกว่าอะไรจะดีกว่ากัน ความที่เรามีระดับที่เพิ่มขึ้น อายุมากขึ้น กับแรง หรือความเก๋าเกม หรือความที่มีความหลากหลายในเกมการชกมากขึ้น เราจะปรับรูปแบบกระบวนท่าแบบไหนในเกม ผมคิดว่ามันเป็นความท้าทายของตัวเราอีกครั้งครับ

  • หลังจากจบแต่ละแมตช์ จัดการกับความรู้สึกตกค้างหลังชกอย่างไร

จริงๆ แล้วในความรู้สึก นักมวยอาชีพ หรือนักกีฬาอาชีพอื่นๆ มันเป็นความรู้สึกในตัวของเราอยู่แล้วนะครับ แต่ว่าต้องดูตามเกมที่จบว่าจะเป็นอย่างไร ว่าพอใจหรือว่ามีความตอกย้ำอีกหรือเปล่า ต้องดูหลังจบเกมด้วยว่ามันจะพอใจขนาดไหน

  • พอใจในแง่ไหน

พอใจในการที่เราตั้งเป้าไว้ เช่น ‘เราต้องกลับมาชนะคืน ล้างแค้นคืน’ เป็นแบบไหน อย่างไร ต้องดูอีกทีครับ 

  • คุณลักษณะของนักมวยที่ดีคืออะไรบ้าง

คุณลักษณะของคนที่เป็นนักกีฬาที่ดีดูแล้วเหมือนมันจะยุ่งยากนะ เหมือนจะ เหนื่อย ลำบาก แต่จริงๆ แล้ว ทุกคนที่เป็นนักกีฬาอาชีพที่มีแชมป์ หรือมีระดับความเป็นมืออาชีพของตัวเองอยู่ เขาก็จะรู้ด้วยตัวของเขาว่า ความเป็นนักกีฬานั้นจะต้องทำตัวแบบไหน ต้องอยู่ในกฎระเบียบแบบไหน เขาก็จะปฏิบัติตามกฎของตัวเขาอยู่แล้วว่าเขามีหน้าที่อะไร เขาต้องปฏิบัติตัวแบบไหนในการเก็บตัว ในการเตรียมพร้อมแต่ละครั้ง เขาต้องทำตัวแบบไหน เพื่อที่จะให้แรงหรือกำลังของเขาคงตัวได้

  • ถ้ามีนักมวยรุ่นใหม่เป็นคุณเป็นไอดอล คุณอยากจะบอกอะไรกับพวกเขา

จริงๆ แล้วต้องมองก่อนว่าเขาต้องการแบบไหนของตัวเรา เรามีความศรัทธา และมีความมุมานะให้ตัวเองเป็นอะไร เช่น ‘มีบัวขาวเป็นไอดอล อยากจะเป็นพี่บัวขาว’ ก็ทำตามระบบที่พี่บัวขาวเป็นนักมวย ก็หาวิธีที่ตัวเองมาฝึกฝน วิธีที่ตัวเองมาออกกำลังกาย เกี่ยวกับพลัง หรือว่าการซ้อมให้มันเป็นความชำนาญของตัวเองให้ได้ และความมีวินัย หรือการต้องดูแลตัวเองมันจะมาเอง ถ้าเกิดว่าเราซ้อมนิดซ้อมหน่อย แต่เอาเวลาที่เหลือไปเสเพล ทำนั่นทำนี่ มันก็จะทำให้ตัวเองไม่ไหว มันก็จะเกิดความไม่มีระเบียบ และทำให้ร่างกายเราไม่แข็งแรง 

ถ้าเกิดว่ามีวินัย ทำให้พลังดี เราก็จะหวงร่างกายของเราไปเอง เราก็จะไม่ออกนอกลู่นอกทาง เพื่อที่จะให้ตัวเองไม่แข็งแรง เราก็จะรู้ ร่างกายก็จะบอกเองว่าถ้าเกิดไปนั่น ไปนี่ ทำนั่น ทำนี่แล้วร่างกายตัวเองจะไม่แข็งแรง ถ้าเกิดว่าเรารักษาร่างกายตัวเองดี เราจะรู้เองว่าเราจะต้องทำตัวแบบไหน และก็จะมีความมุ่งมานะขนาดไหน อยากเป็นพี่บัวขาว แต่อาจจะเก่งกว่าพี่บัวขาวก็ได้อาจจะไปทางอาชีพอย่างอื่น อาจจะเป็นแชมป์ตัวแทนของประเทศไทย แชมป์นักมวยอย่างอื่นที่มีตำแหน่งทีมชาติต่อๆ ไปได้ ไม่จำเป็นว่าอยากเป็นพี่บัวขาวหรือนักมวยอาชีพอย่างพี่บัวขาวเท่านั้น เส้นทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จะไปเจอเส้นทางที่ดี ได้เจอแชมป์ใหญ่ๆ ระดับสากล ระดับโลกที่มีเงินรางวัลเยอะๆ อาจจะเยอะกว่าพี่บัวขาวก็ได้ ในเส้นทางของแต่ละคน ในเมื่อเรามีความชำนาญ ความเป็นมืออาชีพของแต่ละคนแล้ว มันก็จะเป็นของมันเอง

  • เรื่องการดูแลร่างกายตัวเอง มีคำแนะนำบ้างไหม

กุศโลบายของผมคือ ร่างกายจะบอกตัวเองอยู่แล้ว ถ้าเป็นคนที่ออกกำลังกายจริงๆ เขาจะรู้เลยว่ากินนั่นไม่ได้ กินนี่ไม่ได้ เคยเห็นนักกีฬาที่หวงตัวเอง หวงเวลาพักผ่อนของตัวเองใช่ไหม อันนี้เขาจะเชื่อร่างกายของตัวเองว่าถ้าเกินเวลาพักผ่อนไป ร่างกายจะไม่ไหว ถ้ากินอันนี้ ท้องจะอืด จะไม่ดี ร่างกายจะบอกตัวเอง ฉะนั้น คนที่อยู่ในเกมกีฬาจะรู้เลยว่าอะไรคือการทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง เพราะร่างกายมันบอกตัวเองได้จริงๆ 

  • เวลาร่างกายเครียดมากๆ หาทางออกยังไง

ไม่ต้องคิดอะไรมาก นอนให้หลับ ตื่นมาเดี๋ยวก็หายเอง พักผ่อนให้เต็มที่ แค่นั้นเอง วันไหนที่เหนื่อยเยอะๆ อยากจะพักผ่อนโดยไม่ต้องสนใจอะไรเลย สักหนึ่งวัน สองวัน จะรู้สึกเลยว่าร่างกายจะกลับมาแข็งแรงขึ้น นอนให้เต็มอิ่มพักผ่อนเพียงพอ กินอาหารให้ครบตามสเต็ปที่ร่างกายต้องการ แค่นั้นเอง ดูแลเรื่องอาหารให้ดี กลไกของความเป็นนักกีฬามันเป็นอย่างนั้นครับ 

พูดคุยกับโคตะ มิอุระ ก่อนขึ้นชกกับบัวขาว บัญชาเมฆ

  • ตอนที่ขึ้นชกครั้งแรกในชีวิต และชนะน็อคทันที รู้สึกอย่างไรบ้าง

ไม่คิดว่าจะชนะโดยการน็อคได้ ก็รู้สึกว่าดีใจมากๆ รู้สึกโล่งใจ และภูมิใจในตัวเองมากๆ ครับ

  • เป็นสมาชิกของครอบครัวที่โพรไฟล์ดีกันหมดเลย กดดันบ้างไหมในฐานะที่เป็นสมาชิกของครอบครัว ‘คนเก่ง’ แบบนี้

ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรทั้งนั้น รู้สึกว่าภูมิใจ และดีใจมากกว่าครับ

  • คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่ามีคุณพ่อเป็นไอดอล ทำไมคุณถึงเลือกกีฬาชกมวยทั้งๆ ที่มีกีฬาอื่นๆ ให้เลือกตั้งเยอะแยะ

จริงๆ แล้วส่วนตัวก็ชอบฟุตบอลอยู่เหมือนกัน แต่รู้สึกว่าชอบศิลปะการต่อสู้ หรือ combat sport มากกว่าก็เลยอยากจะเดินในเส้นทางนี้มากกว่า

  • ความรู้สึกก่อนขึ้นชกกับบัวขาว บัญชาเมฆ 

มีแต่ความตื่นเต้นครับ

  • มองอนาคตของตัวเองไว้อย่างไรบ้าง ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

ไม่ได้นึกถึงว่าอนาคตอยากเป็นแบบไหน แต่ผมให้ความสำคัญกับทุกโมเมนต์ในแต่ละไฟต์ที่ขึ้นชกครับ เพราะผมคิดว่าการทำทุกอย่างให้ดีที่สุดในตอนนี้จะทำให้ทุกอย่างดีที่สุดในอนาคตครับ

  • ก่อนจะขึ้นชกในแต่ละนัด จัดการอารมณ์ตัวเองอย่างไร

ฟังเพลงที่ชอบ จะได้ฮึกเหิมขึ้น

  • มีศิลปินคนไหนที่ชอบเป็นพิเศษไหม

ถ้าเป็นศิลปินญี่ปุ่น ก็มีหลายคนอยู่ครับ แต่ถ้าเป็นนักร้องเพลงสากลก็มี Ed Sheeran กับ Justin Bieber ครับ

  • คาดหวังอะไรกับผู้ชมที่มาดูเราชก และเราสามารถสนองความคาดหวังของพวกเขาได้อย่างไร

ในการขึ้นชกกับพี่บัวขาว ผมคิดว่าผมจะได้อะไรมากเลยครับ จะซึมซับสกิลล์ และความเป็นมืออาชีพของพี่บัวขาวให้ได้มากที่สุด และเอามาเป็นอีกหนึ่งอาวุธในการชกที่ประเทศญี่ปุ่นในครั้งหน้าๆ ครับ

  • สำหรับคุณ มวยมีความสำคัญขนาดไหน และเป็นอะไรในชีวิตคุณบ้าง

มวยคือหนึ่งในสิ่งที่สามารถบ่งบอกตัวตนของผมที่เป็นอยู่ได้ในปัจจุบันครับ จุดมุ่งหมายในตอนนี้คืออยากทำทุกๆ วัน ทุกๆ ไฟต์ให้ดีที่สุด เพื่อที่จะได้เป็นหนึ่งเดียวที่ไม่มีใครเหมือนครับ 

Author: NEERAJ TRIRONGAUBON

Portrait & Match Photographers: NAPAT GUNKHM / PONPISUT PEKAROEN

- Advertisement -