Only Singer in the Building

Photographer: Ponpisut Pejaroen

Direction by: Napat Roongruang

Author: Peerachai Pasutan

หลังจากปล่อยเพลงอารมณ์ออกมาสามเพลง เอย – ธนพรรษ์ ยาท้วม ก็ขอลดความเศร้าลงสักนิด แล้วใส่ความขี้เล่นสักหน่อยในซิงเกิลใหม่ ‘Only Friend’ เอยอธิบายให้เราฟังว่า “จริงๆ เพลงนี้ก็ไม่ได้เป็นเพลงคนสมหวังหรอกครับ(หัวเราะ) แต่เราก็ไม่อยากให้คนฟังฟังแล้วรู้สึกดาวน์มาก เวลาไปเล่นในคอนเสิร์ตก็น่าจะสนุกดี” เพราะซิงเกิลนี้แต่งช่วงที่เอยกักตัวอยู่ในฮอสพิเทล เนื้อเพลงจึงมีบางท่อนที่เขาโต้ตอบกับตัวเอง “เหมือนเราเป็นเพื่อนกับตัวเองครับ เช่น ‘เฮ้ย คู่นั้นเขาคบกันน่ารักมากเลย ดูดิ’ อีกคนก็จะ ‘เฮ้อ’ กลับ” จากนั้น เอยก็พูดถึงแรงบันดาลใจด้านเนื้อหา “เพื่อนผมชอบแซว [ตอนอยู่ฮอสพิเทล] ว่า ‘อยู่คนเดียวนี่ ชอบเปิดแอปอะไรสักอย่างใช่ไหม’ (หัวเราะ) แล้วช่วงนั้นก็มีข่าวเกี่ยวกับเว็บ OnlyFans พอดีเลยคิดว่าน่าจะเอาคำนี้มาแผลงเป็น Only Friend พอได้ท่อนฮุกก็ทำยาวเลยครับ” ส่วนดนตรีและเทคนิคการร้องก็ยังคงความเป็นป็อป/อาร์แอนด์บีที่เจ้าตัวถนัด

ในฐานะที่เอยเป็นศิลปินคนแรกของ Fine Find Beatเราจึงถามความรู้สึกของเขาที่ได้สังกัดค่ายนี้ครบสองปีแล้ว“จริงๆ ก่อนหน้านี้ผมเป็นศิลปินในนามวงดนตรี [SummerStop] มาก่อนที่มาทำเดี่ยว ก็รู้สึกว่าเป็นการเริ่มต้นที่น่ารักดีครับ ทั้งผู้คนที่ทำงานและคนที่เริ่มติดตามเป็นแฟนเพลงของเรา Fine Find Beat เองก็มีความเป็นพี่น้องมีความเป็นบ้านมากๆ เช่น การเลือกเพลงออกเป็นซิงเกิล[ถ้า] ศิลปินมีเพลงมากองไว้หลายๆ เพลง เขาจะถามก่อนว่าอยากทำเพลงอะไรครับ”แน่นอนว่า ณ ตอนนั้น เอยก็ต้องปรับตัวไม่น้อยกับการเป็นศิลปินเดี่ยว หลังจากเคยชินกับการอยู่เป็นวงมานาน “ตอนอยู่วง เราจะมาสุมหัวกันแล้วออกความเห็นทำให้เรารู้สึกว่ามีเพื่อนร่วมทางในการตัดสินใจ แต่ตอนนี้ เราเป็นคนตัดสินใจเองคนเดียว บวกกับค่ายให้เกียรติการตัดสินใจเรามากด้วย เราจึงต้องมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ต้องชัวร์กับตัวเองก่อนว่ากำลังทำอะไรอยู่…แต่บางทีเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ เลยต้องหาตัวช่วยหาคนที่เราไว้ใจมาให้มุมมองดีๆ กลับมา ก็มีพี่ฟุ้ง BetterWeather (อัครชนช์ ราชปันดิ) โปรดิวเซอร์ มาช่วยเสริมเติมหลังจากที่เราทำเพลงเสร็จออกมาแล้วครับ” เอยเล่า

เช่นเดียวกับนักร้องนักดนตรีทุกคน โควิดพรากช่วงเวลาสนุกๆ ที่เขาควรจะมีกับแฟนเพลงไปอย่างน่าเสียดาย “ผมรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองน้อยลงเลยนะตอนนั้น เราเคยออกไปเจอผู้คนแล้วเขาชื่นชมเรา เราเคยมีประโยชน์กับพื้นที่ตรงนี้ แล้ววันหนึ่ง เราทำอะไรไม่ได้เลย [สิ่งที่พอจะทำได้คือ] ไลฟ์คุยกับแฟนๆ บ้าง ทำกับข้าว ทำเพลงแก้เบื่อเพื่อให้ได้งานไปในตัวด้วยครับ” อย่างไรก็ตาม แม้โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย แต่ก็ยังมีเศรษฐกิจเป็นอุปสรรคต่อคนในอุตสาหกรรมศิลปะโดยรวม “ผมเชื่อว่า ในเมืองที่คนมีอันจะกิน ศิลปะจะเฟื่องฟูครับ แต่ถ้าคนไม่มีเงินมาจับจ่ายใช้สอย บางทีเรื่องพวกนี้จะถูกมองว่าฟุ่มเฟือยหากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะแก้ไขปัญหา ให้แก้เรื่องเศรษฐกิจก่อนเลยครับ” แต่อีกด้าน เอยก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นสัญญาณฟื้นตัวบางอย่างของวงการดนตรีไทย “จริงๆผู้ใหญ่บางคน อย่าง กทม. เริ่มมีการจัดงานดนตรีต่างๆหรือมีน้องๆ นักเรียนไปเล่นกันที่สยามสแควร์… นี่แค่ในเมืองหลวงนะ ถ้ามันกระจายออกไป [ตามภูมิภาค]ได้อีก ผมว่ามันน่าสนุกกว่านี้ครับ”

แม้ขณะนี้ เอยจะยังเน้นทำแนวเพลงป็อป/อาร์แอนด์บีเป็นหลัก แต่ในอนาคต หากมีแฟนเพลงที่เข้าใจผลงานของเขามากขึ้น เขาก็จะลองสำรวจแนวเพลงอื่นๆ ที่อยากทำต่อไป “เมื่อก่อน เราเคยทำแนวบริทร็อก/บริทป็อปมาก่อน ถ้าเราจะทำอย่างนั้นอีกทีในขณะที่ตัวตนเราเป็นแบบนี้แล้วมันก็จะออกมาเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง เช่น ถ้าเป็นเพลงร็อกก็ไม่ร็อกแบบสาดๆ หรือแนวอิเลกทรอนิกก็คงผสมการร้องแบบดึงๆ แนวอาร์แอนด์บีครับ

“ฝากเพลงใหม่ Only Friend และฝากติดตามศิลปินทุกคนของค่าย Fine Find Beat ด้วยครับ เพราะเป็นกลุ่มศิลปินที่ทำงานเองกันหมดเลย เป็นตัวตนของเขาจริงๆ” เอยกล่าวทิ้งท้ายการสัมภาษณ์ “และขอให้ทุกคนออกมาใช้ชีวิตกันให้สนุกอย่างระวังได้แล้วครับ หลังจากที่พวกเราก็ห่อเหี่ยวมาสองปีกว่าแล้ว”