Mirror on The Wall

Share This Post

- Advertisement -

Translator: Dr. Wattana K

“เมื่อศตวรรษที่ 13 ตำรา Speculum majusอันเป็นงานเขียนของ Vincent de Beauvais ได้รับรองว่ากระจกคือเครื่องมือแห่งความรู้อันสำคัญจำเป็น ความจริงก็คือ มันเป็นไปได้ที่จะเข้าถึงความเข้าใจอันโปร่งใสและแม่นยำของความเป็นจริงผ่านกระจก “ด้วยความมหัศจรรย์แห่งการผลิตซ้ำทันควันและเหมือนต้นฉบับอย่าแม่นยำชัดเจน กระจกกลายเป็นสัญลักษณ์ของวิสัยทัศน์ของสิ่งต่างๆ ที่บิดเบือนไม่ได้เลย” คือคำกล่าวของ J. Baltrusaitis ด้วยมุมมองเช่นนี้เอง สมรรถนะแห่งการสะท้อนภาพของกระจกทำให้มันเป็นไปได้ที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงภววิทยา – เกี่ยวกับธรรมชาติของสิ่งที่เป็นจริง – ของโลก หมายความว่าจากมุมมองเช่นนี้ สิ่งต่างๆ จะเป็นเหมือนเช่นที่เรามองเห็นมันแบบนั้นจริงๆ

“แต่นั่นก็เป็นมุมมองที่ค่อนข้างคับแคบผมมักรู้สึกไม่ชอบใจกับมายาคติเรื่องวิสัยทัศน์ที่แน่นอนอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า ในท้ายที่สุดแล้วก็จะไปจบที่การแช่แข็อำนาจแห่งจินตนาการของโลก ด้วยเหตุผลนี้ ผมต้องการที่จะนำเอาคุณสมบัติอีกประการหนึ่งของกระจกกลับมา นั่นคือ การสร้างความวิปลาส เสน่ห์ ผีปีศาจ ผมกำลังคิดถึงกระจกวิเศษที่ถูกบรรยายไว้ในตำราจากยุค 1600s ที่เกี่ยวกับปรากฏการณ์แสงสะท้อนและภาพที่ขึ้นรูปโดยใช้กระจก กล่าวคือ กระจกถูกกำหนดให้เป็น ‘Wunderkammer – ห้องแห่งความอัศจรรย์’ อันทรงคุณค่า คือทำหน้าที่เช่นเดียวกับเครื่องจักรสำหรับขยายและเปลี่ยนรูปความเป็นจริงในเครื่องจักรที่หรูหราเหล่านี้ ความแปลกประหลาดของเล่ห์กลอันเกี่ยวกับการมองเห็นสร้างความมึนงงและความประหลาดใจ เช่น หัวที่ไม่มีตา ต้นไม้ที่เติบโตกลายเป็นป่า ร่างกายมนุษย์ที่เปลี่ยนไปเป็นม้า เทพบุตรที่มีหลายหัว มันคือการเฉลิมฉลองของการเปลี่ยนรูปที่ซึ่งช่างเทคนิคที่ทำงานเกี่ยวกับการหักเหของแสงที่ชี้เล่นได้สลายทุกข้อจำกัดเชิงพื้นที่และปูทางสำหรับการหลบหนีออกจากรูปแบบเดิมๆ

“การเพิ่มจำนวน การแทนที่ การหกกลับ การขยายภาพ การลดขนาด การขยายขนาด การหดเล็กลงของรูปแบบ” จากปากคำของ J. Baltrusaitis เหล่านี้ คือปฏิบัติการที่กระจกบาโรคสร้างผลงาน alter mundus อันแสนวิเศษขึ้นมา แต่ปฏิบัติการก็ต้องการสร้างเสื้อผ้าด้วย นั่นคือ กระจกวิเศษนอกเหนือจากความเป็นเลิศ วิธีการที่เราจะสามารถสร้างเสน่ห์แห่งการนำเสนอขึ้นมาใหม่ในโลกนี้ ความจริงแล้ว เสื้อผ้ามีสมรรถนะในการสะท้อนภาพลักษณ์ตัวตนของเราในมิติที่ขยายออกและเปลี่ยนรูปไป ในฐานะ theatrum catoptricum polydicticum แล้ว เสื้อผ้าเสนอตัวเองในฐานะผู้สร้างความหลากหลายซับซ้อน การสวมใส่เสื้อผ้า หมายถึงการก้าวข้ามเส้นแบ่งแห่งการเปลี่ยนแปลงรูปร่างที่เรากลายเป็นอื่น มันหมายถึงสามารถที่จะยกระดับหรือแสดงอัตลักษณ์และนำเสนอศักยภาพของเราในวิถีทางที่แตกต่างออกไป

“ดังนั้น ผมอุปมากระจกวิเศษเพื่อเข้าหาอำนาจอันเพ้อฝันของแฟชั่น อำนาจอันศักดิ์สิทธิ์อันส่งรัศมีออกมาจากผิวของแพรพรรณ และที่นั่นคือที่ที่ผมทำงาน บนผิวสัมผัสนี้ ผ่านการอ้างอิงการแก้ไขดัดแปลง ช่องโหว่ และสินบน โลกและความหมายที่ถูกวางเคียงกัน การดัดแปลงความมั่นคงของการรับรู้ การใช้ประโยชน์และการขยายภาพของการมีอยู่ ผ่านกระบวนการแทรกแซงเหล่านี้ ผมเฉลิมฉลองเสื้อผ้าในฐานะห้องทดลองอันเกี่ยวกับการมองเห็น หมายถึงเครื่องจักรวิเศษที่สามารถให้กำเนิดเทพนิยายแห่งการอุปมาอุปมัยและการสร้างเสน่ห์ขึ้นมาใหม่”

- Advertisement -