GUCCI : Cosmogonies

Share This Post

การนำเสนอคอลเลกชั่น GUCCI Cosmogonies (กุชชี่ คอส-โม-โก-เหนี่ย) ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของปรัชญาที่คนต่างยุคสมัยกัน มีมุมมองคล้ายกันที่ต้องการทำลายกำแพงของความไม่รู้ไปสู่ความเวิ้งว้างของห้วงนภากาศ โดยตำแหน่งของดวงดาวคือหมุดหมายเสมือนแผนที่ที่จะนำไปสู่การไขปริศนาต่างๆ แม้ทุกวันนี้เราจะเดินทางไปสู่อวกาศได้ง่ายขึ้น แต่ปริศนาแห่งดวงดาวก็ยังคงรอการขานไขอีกมากมาย แต่ที่นี่เราจะเผยคำตอบแห่งปริศนาของคอลเลกชั่นนี้

- Advertisement -

การเดินทางสู่การไขปริศนาแห่งดวงดาวและความมหัศจรรย์แห่งการสร้างสรรค์ของ GUCCI แม้สาสน์จาก Alessandro Michele เกี่ยวกับคอลเลกชั่นนี้จะเล่าถึงเรื่องของ Hannah Arendt และ Walter Benjamin นักปรัชญาชาวยิวที่พยายามหลบหนีนาซีออกจากเยอรมัน โดยเบนจามินได้มอบงานเขียนของเขาให้กับอาเร็นต์ ซึ่งเธอได้นำมาเผยแพร่ในภายหลังเมื่อมาลี้ภัยมาอยู่อเมริกา ขณะที่เบนจามินกำลังหนี เมื่อเขาถูกจับตัวโดยตำรวจที่ชายแดนสเปนเขาทราบข่าวว่าเกสตาโปได้บุกค้นอพาร์ตเม้นต์และทำลายห้องสมุดของเขา เขาจึงคิดว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไรในเมือ่เขาไม่สามารถรวบรวมข้อความดีๆ จากแหล่งอ้างอิงในห้องสมุดของเขา หนังสือหรือเอกสารที่เขาคัดสรรมาเพื่อสะท้อนความคิดของเขา เบนจามินเลยเลือกที่จะจากไปชัวนิรันดร์ บทความของเบนจามินถูกเผยแพร่โดยอาเร็นต์ในอีกหลายปีต่อมา


การจะเชื่อมโยงงานปรัชญาของวอลเตอร์ เบนจามินเข้ากับสถานที่จัดแสดงแฟชั่นโชว์ Castel del Monte ที่เป็นปราสาท(ป้อมปราการ)เก่าสมัยศตวรรษที่ 13 โดยจักรพรรดิเฟรเดอริกที่ 2 ได้โปรดให้สร้างขึ้นมาอาจจะชวนกังขาไม่น้อย แต่ถ้าทราบว่าพระองค์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องบทกวี ทรงตรัสได้หลายภาษา และทรงคลั่งไคล้ศาสตร์ต่างๆ ที่เป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์(ในปัจจุบัน)ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์รวมไปถึงการเล่นแร่แปรธาตุ พระองค์ถูกกล่าวถึงว่าเป็นผู้วิเศษที่มีพลังอำนาจ(น่าจะมาจากศาสตร์ต่างๆ ที่ทรงศึกษาและสนับสนุนให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มาทำงานให้พระองค์นั่นเอง) จะว่าไปที่ปราสาทนี้ก็เหมือนกับสถาบันค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ในยุคกลางนั่นเองซึ่งจะออกไปในทางนอกรีตนิดๆ ตามขนบความเชื่อของคนยุคนั้นที่จะไม่ท้าทายกับความเชื่อของศาสนจักรคือการไปค้นหาคำตอบในสิ่งที่เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้าง


ถ้าเราโชว์นี้จากออนไลน์ สิ่งที่เราจะเข้าใจได้อย่างชัดเจนที่คนที่นั่งดูโชว์แบบเรียลไทม์จะไม่เห็นก็คือการทวิสต์เอาสถาปัตยกรรมของปราสาทที่ดูเป็นป้อมปราการโบราณเมื่อถ่ายภาพจากมุมท็อปในยามกลางคืน การหมุนเลนส์ให้เหมือนตัวปราสาทหมุนเป็นวงกลม การจัดแสงสีที่ลงตัวทำให้ภาพที่ถ่านจากด้านบนของปราสาทดูเหมือนภาพด้านหลังของยานอวกาศที่กำลังลอยอยู่ในอวกาศ รวมทั้งเสียงนักบินอวกาศที่เป็นซาวด์แทรคกับเสียงดนตรีที่ชวนใ้ห้นึกถึงความเวิ้งว้างของอวกาศ ผสมกับเรื่องราวโรแมนติกของเรื่องเล่าของกลุ่มดาว โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายที่มีการฉายภาพแผนที่ดวงดาวขึ้นไปบนผนังของปราสาทที่ไม่เพียงสวยงามมีความขลังชวนให้นึกถึงนิทานแห่งดวงดาวปรัมปรากับการเดินทางไปในอวกาศของเหล่ามนุษย์อวกาศที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำใหม่


แน่นอนว่าเรื่องราวของคอลเลกชั่นเกี่ยวพันกับช่วงเวลาหลายยุคสมัย ซึ่งปกติงานสร้างสรรค์ของมิเคเล่ ก็จะไม่นำเสนออะไรมาแบบทื่อๆ อยู่แล้ว ซิลลูเอทของคอลเลกชั่นนี้จึงนำเอารายละเอียดของแฟชั่นยุคสมัยต่างๆ มาผสมผสานให้เป็นความใหม่ในแบบ GUCCI ไม่ว่าจะเป็นชุดนักบวชของยุคกลาง การใช้ coif ผ้าที่สวมศีรษะเพื่อปิดบังผมเผยให้เห็นแค่ใบหน้าโดยผ้าจะยาวลงมาถึงคอ(แบบที่แม่ชีใส่)และ guimpe ที่เหมือน cape ตัวสั้นปิดแค่ช่วงไหล่หรือยาวลงมาครึ่งหน้าอก แต่มิเคเล่ ได้ดีไซน์ให้มีรูปทรงแบบใหม่มีแค่โครงคร่าวๆ พอที่จะรำลึกถึงที่มาของดีไซน์ แม้แต่เสื้อคอปกแหลมยาวลงมาถึงหน้าอกก็เป็นเครื่องแต่งกายของยุคกลาง รวมทั้งหลายข้าวหลามตัดสีสันต่างๆ ที่เรียกว่าลาย harlequin จนถึงลายกราฟฟิกของแฟชั่นยุค 1930s ลาย Op Art ของยุคเซเวนตี้ส์ รายละอียดของการปักประดับต่างๆ บางลวดลายชวนให้นึกถึงแผนที่ของดวงดาว การใช้ผ้าเดนิมสีซีดมาปักลายด้วยคริสตัลและหมุดสีเงินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกางเกงขาสั้นหรือแจ็คเก็ต การปักประดับนี้มีทั้งลวดลายพันธุ์พฤกษาต่างๆ รวมไปถึงลวดลายแผนที่ดวงดาว หรือแม้แต่ชุดบางชุดมีการปักเลื่อมไล่สีเหลือบดุจดังท้องฟ้ายามมีแสงเหนือ เป็นสิ่งที่ล้าเกินจินตนาการจริงๆ แม้ไฮไลท์จะเป็นชุดฟินาเล่ที่เป็นชุดกระโปรงยาวทรงหลวมที่มีสีน้ำเงินแบบท้องฟ้าในยามค่ำคืนกับลายปักแผนที่ดวงดาวโดยมี guimpe ทรงเหลี่ยมทำจากลูกไม้สวมทับตรงคอและไหล่ โดย guimpe หรือ chemisette จะทำจากผ้าไหมหรือผ้าลินินมีความโปร่งบาง บางครั้งจะลงแป้งให้อยู่ตัว เพื่อคลุมคอและไหล่ของผู้สวมใส่ บางครั้งก็คลุมทั้งหน้าอก สวมใส่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายของผู้หญิงเพื่อแสดงฐานะทางสังคมในยุคกลาง


สำหรับสุภาพบุรุษนั้นแม้ซิลลูเอทจะไม่แฟนซีเท่าของสุภาพสตรีแต่ก็มีชิ้นที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทร้นช์โค้ตที่มีกลิ่นอายของยุค 1940s แต่ทำด้วยหนังที่มีความมันวาวและทำผิวให้ดูเป็นวัสดุสมัยใหม่ โดยกางเกงที่สวมจะเป็นดครงกางเกงสามมิติที่ทำให้เกิดรอยย่นของทรงกางเกงเมื่อสวมเข้าคู่กับรองเท้าหนังสีดำหัวตัด ชุดสูทแบบกุชชี่ก็ยังมีมาในซิลลูเอทสุดเท่แต่ปักประดับด้วยลายแผนที่ดวงดาวที่มีความแอบสแตรคและไร้กาลเวลา นอกจากนี้ยังมีชุดสูทกางเกงขาสั้นระดับเหนือเข่าแต่เพิ่มความแซบด้วยรองเท้าบู้ทปลายมนแบบแมรีเจนแต่ตัวรองเท้าเป็นเข็มขัดรัดขึ้นมาสูงเกินครึ่งน่องแบบแกลดิเอเตอร์ หนุ่มคนไหนชอบความเผ็ดต้องไม่พลาดรองเท้านี้ ส่วนผ้าเดนิมทำสีซีดปักหมุดมาในรูปกางเกงขาสั้นและแจ็คเก็ตเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ฮิตแน่


ส่วนเครื่องประดับสวยๆ มีหลากหลาย หลายๆ ชิ้นจะเป็นชิ้นใหญ่ๆ อย่าง head dress ที่ชวนให้นึกถึงภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดในยุคหนังเงียบ ที่เป็นเครื่องแต่งกายของนักแสดงอย่าง Theda bara และไม่จำกัดเพศ แต่ชิ้นที่ดูต้องใจกล้านิดหนึ่งคงเป็นสร้อยตุ้งติ้งที่โยงเข้ากับหูและมาเกี่ยวที่มุมปาก คือแต่ละชิ้นล้วนเป็นชิ้นเด่นที่มาเสริมลุคให้เผ้ดทั้งสิ้น ส่วนกระเป๋าก็มาจากคลังตำนานของกุชชี่แต่นำมาทวิสต์ใหม่ให้ดูโมเดิร์นยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าทรงบัคเก็ตหรือกระเป๋าทรงโบโฮ หรือกระเป๋ารูปสตรอว์เบอร์รี่สองลูกซ้อนกันสายเป็นโซ่ที่มีทั้งสีแดง-ขาวและสีดำ-ขาวที่นายแบบนำมาสวมพาดลำตัวดูแท่ๆ ไม่หวานแบบสีแดง ส่วนรองเท้าก็เป็นอีกหนึ่งของความโดดเด่นของซีซั่นนี้ อย่างรองเท้าบู้ทสูงขึ้นมาถึงต้นขาร้อยด้วยเชือกที่เป็นส่วนตกแต่งไปในตัว รองเท้าบู้ทหัวตัดสูงครึ่งน่อง รองเท้าทูโทนส่วนปลายสีแดงตัวรองเท้าสีดำ บู้ทปลายมนแบบแมรีเจนแต่เป็นตัวเข็มขัดรัดขึ้นมาสูงแบบแกลดิเอเตอร์ เป็นอีกหนึ่งคอลเลกชั่นที่น่าจดจำของกุชชี่


ปิดท้ายด้วยเหล่านางแบบและนายแบบเดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับผนังตัวปราสาทที่เรียบนั้นกลายเป็นจอขนาดใหญ่ของภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนและหมู่มวลดาราที่ครั้งหนึ่งมนุษย์ต้องการค้นหาไขปริศนาลี้ลับนี้ และผู้คนที่เคยอยู่ในปราสาทแห่งนี้ก็คงได้ศึกษาแผนที่ดวงดาวจนก่อให้เกิดศาสตร์ต่างๆ ที่ไขความลับของสิ่งที่ถูกเรียกว่าพลังวิเศษหรือความมหัศจรรย์ด้วยวิทยาศาสตร์หรือหลักการที่เป็นเหตุและผล


ค่ำคืนนี้แขกรับเชิญของกุชชี่ก็ได้มาสัมผัสพลังวิเศษจากการร่ายมนต์โดยอเลสซานโร มิเคเล่ ด้วยคอลเลกชั่นที่งดงามน่าตื่นตาชวนจินตนาการไปถึงห้วงอวกาศอันไกลโพ้นและการเดินทางตามแผนที่ดวงดาวที่จะพาไปสู่คำตอบแห่งปริศนาต่างๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

- Advertisement -