สำหรับแวดวงสถาปัตยกรรมคงไม่มีใครไม่รู้จัก บิล เบนสเลย์ (Bill Bensley) เขามีผลงานทุกแขนงทางด้านสถาปัตยกรรม ตกแต่งภายใน ภูมิสถาปัตย์รวมทั้งออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ รวมทั้งเป็นนักสิ่งแวดล้อมที่ให้ความสำคัญกับธรรมชาติเป็นอย่างมาก หลายๆ คนติดตามไปพักหรือชมโรงแรมที่เขาออกแบบซึ่งมีจำนวนมากมายจนจะกล่าวได้ละเอียด รวมทั้งงานออกแบบภูมิสถาปัตย์ของเขาก็คืออันดับต้นๆ ของโลก แต่หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เราอยู่ในช่วงการระบาดของไวรัส แต่เขาได้ใช้เวลาช่วงนั้นทำงานศิลปะอย่างจริงจัง
เราได้มาร่วมในงานเปิดนิทรรศการศิลปะครั้งแรกของเขาในชื่อ LOVE – CAMP – EXPLORE – DREAMS โดยในช่วง 3 ปีก่อนเขาได้ล่องเรือส่วนตัวไปตามประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พร้อมกับอุปกรณ์สเก็ตช์ภาพ ประเทศเหล่านี้เขามีความคุ้นเคยอยู่แล้ว เขาพูดภาษาอินโดนีเซียได้พอๆ กับภาษาไทยที่เขาก็ใช้สื่อสารได้ หลังจากกลับมาเขาก็เร่ิมทำงานศิลปะอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโควิด 19 ซึ่งกลายเป็นช่วงที่เขาได้ทุ่มเทให้กับการทำงานศิลปะอย่างเต็มที่ จนได้ผลงานออกมาจำนวนมากทั้งในรูปแบบจิตรกรรมและประติมากรรม รวมทั้งศิลปะแนวจัดวาง ดังที่เขาบอกว่าเขาไม่ได้จำกัดตัวเองว่าเป็นศิลปินหรือนักออกแบบ เขาจึงสร้างสรรค์งานไ้ด้อย่างอิสระ
อย่างที่เขาเกริ่นกับทุกๆ คนที่มาชมงานนิทรรศการของเขาในวันแรกว่าเขาคือคนนอกของแวดวงศิลปะ เขาไม่ได้จำกัดความตัวเองว่าเป็นศิลปิน แต่เขาทำงานดีไซน์มาโดยตลอด การทำงานสิลปะของเขาจะมีห้วงที่เขาได้แรงบันดาลใจจากศิลปินระดับโลกมากมายอย่าง ปิกาซโซ,พอล คลี, แจ็คสัน พอลล็อค ฯลฯ ซึ่งไม่ใช่การเลียนแบบแต่นำเอาเทคนิคการทำงานของศิลปินเหล่านั้นมาสร้างผลงานในเรื่องราวและรูปแบบที่เป็นของเขาเอง ดังจะเห็นว่าในนิทรรศการนั้นแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อซึ่งการทำงานศิลปะของเขาได้สามารถจัดหมวดหมู่ได้อย่างชัดเจน ถ้าเป้นการทำงานแบบเลียนแบบงานของศิลปินท่านอื่นคงไม่สามารถนำเอาผลงานมาจัดหมาจัดหมู่เช่นนี้ได้เพราะคงกระจัดกระจายไม่สามารถนำมารวมกลุ่มกันได้
ก่อนที่จะเข้าสู่โซนต่างๆ ของนิทรรศการ จะมีห้องแรกที่ทาด้วยผนังสีส้มเหมือนเป็นห้องรับแขก เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่เราเห็นในนิทรรศการนี้ก็คือดีไซน์ที่เขาใช้ในงานออกแบบของเขา บางชิ้นมีกลิ่นอายยุคฟิฟตี้ส์ บางชิ้นคลุมด้วยผ้าปักแบบชนเผ่า บางชิ้นเป็นงานฝังผิวไม้ด้วยวัสดุต่างๆ ให้เป็นลวดลาย(marquetry) รวมทั้งการจัดดอกไม้ในแจกันซึ่งมีหลากหลายแต่จะอยู่ในโทนสีม่วง อย่างดอกกล้วยไม้สีม่วงเข้มดังกำมะหยี่นั้นเราก็เห้นในงานดีไซน์ของเขาเช่นกัน คือเขาออกแบบนิทรรศการนี้ด้วยรสนิยมของเขานั่นเอง
LOVE นิทรรศการในส่วนนี้เป็นผลงานที่เกี่ยวกับความรักที่เราแบ่งปันให้กันและกันในฐานะที่เป็นมนุษย์และเพื่อโลกที่เราอยู่ ด้วยความที่เขาเป็นนักสิ่งแวดล้อมและสถาปนิก สิ่งนี้สำคัญสำหรับเขาเป็นอย่างยิ่ง เขาต้องการสอนทุกคนผ่านศิลปะให้ได้มากเท่ากับการที่เขาสอนผ่านการออกแบบโรงแรม(หลายคนจึงติดตามชมผลงานของเขาเพราะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ) เขาชอบความหลากหลายและสีสันต่างๆ ในงานดีไซน์ของเขา และเชื่อว่าสิ่งเดียวที่ควรจะแยกแยะด้วยสีก็คือการซักผ้าเท่านั้น(แยกซักผ้าสีกับผ้าขาว) ไม่ใช่กับเชื้อชาติหรือผิวสี ผลงานในส่วนนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับการแบ่งแยกเชื้อชาติซึ่งเขาคิดว่าเป็นประเด็นที่สำคัญมาก แต่เขากลับถ่ายทอดออกมาด้วยอารมณ์ขันและขนบแบบดั้งเดิม เราจึงเป็นคนที่มีชาติพันธุ์และผิวสีต่างๆ อยู่ในผลงานชุดนี้อย่างไม่มีข้อจำกัดในการสื่อถึงความรักที่มีต่อกัน โดยเขาหยิบจับเอาเรื่องราวรอบตัวมาสร้างเป็นผลงาน แม้แต่คนดูแลต้นไม้ที่บ้านของเขาก็ทำให้เกิดงานชิ้นสวยที่สื่อความหมายถึงความรักของจิระชัยที่มีต่อต้นไม้ในสวนที่เขาดูแล
CAMP เขาอธิบายถึงส่วนนี้ว่า ส่วนนี้นำเสนอเรื่องพฤติกรรมที่แปลกออกไปของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT) เพื่อนๆ ของโดโรธี (Dorothy จากเรื่องพ่อมดแห่งออซ) ที่ผมรัก เมืองไทยคือบ้านของผมมามากกว่า 30 ปี ผมรักที่นี่ด้วยเหตุผลหลายประการโดยเฉพาะอย่างยิ่งความใจกว้างของผู้คน ผลงานที่จัดแสดงในส่วนนี้สื่อให้เห็นถึงกลุ่มคน LGBT ในประเทศไทยในสายตาของผม พวกเขามักปรากฎตัวที่งานปาร์ตี้ใน Baan Botanica ที่จัดเกือบทุกๆ สุดสัปดาห์ ชื่อของงานศิลปะของเขาจะถูกตั้งอย่างซื่อและจริงใจเพราะเป็นที่มาของภาพนั้นนั่นเอง อย่างภาพ“แค่หยุดและดมดอกไม้เป็นพักๆ ดีไหม” ซึ่งเป็นภาพกลุ่มคนทำงานในบ้านของเขาซึ่งเป็นชายหนุ่มที่แต่ละคนก็สาละวนทำงานตามหน้าที่ตนแต่ก็มีบางคนก็ละงานหยิบดอกไม้มาดอมดม เรื่องราวที่สื่อง่ายๆ ผ่านลายเส้นและสีสันที่งดงามน่าสนใจด้วยการใช้เทคนิคใหม่ๆ ไม่ได้ใช้เทคนิคเดิมๆ ไปเสียทั้งหมด แต่ในห้วงเวลาหนึ่งๆ ที่เขาทำงานศิลปะก็จะมีเทคนิคและการลงสีที่คล้ายกัน แต่ถ้าไปสู่ห้วงใหม่เขาก็มีการเปลี่ยนแปลงอีก เลยทำให้การชมนิทรรศการครั้งนี้มีความน่าสนใจและไม่ใช่การนำเสนอในรูปแบบเดิมๆ
EXPLORE
แสดงให้เห็นถึงช่วงการเดินทางที่เขาเก็บเอาความประทับใจต่างๆ มาสร้างงานศิลปะ นั่นก็คือการล่องเรือดังที่ได้เกร่ินไปข้างต้น ในส่วนนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่แสดงให้เห็นถึงชาวปาปัวที่แสนใจดีที่เขาพบช่วงปลายปี 2019 เมื่อออกเดินทางไปกับเรือ Kudanil Explorer พวกเขาได้สำรวจเกาะต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปซึ่งตั้งอยู่มานานหลายพันปีและแทบจะไม่ได้ติดต่อกับสังคมสมัยใหม่ ในฐานะที่เขาเป็นกระบอกเสียงของของชาวอินโดนีเซีย เขาจึงได้เรียนรู้เรื่องราวในท้องถิ่นและพวกเขามีความสุขเป็นอย่างมากเมื่อคุณบิลสเก็ตช์ภาพของพวกเขา ผลงานในส่วนนี้ได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นโปรตุเกส หลวงพระบาง และเขาได้จินตนาการถึงการเดินทางไปยังอเมริกาใต้อีกด้วย แต่มีภาพหนึ่งที่เขาถ่ายทอดสุภาพสตรี 3 ท่านในผมทรงเกล้าสูง ยืนอยู่หน้าป้อมแถวท่าพระอาทิตย์ในช่วงปี 1968 แต่เป็นผลงานที่เขาเพิ่งวาด นั่นคือบันทึกความทรงจำถึงกรุงเทพฯ ที่เขาเคยได้พบพานมา
DREAMS
และก่อนที่จะสิ้นสุดลง ด้วย DREAMS ที่เขาค่อนข้างมีจินตนาการ “งาน” ของเขาคือการคิดเพื่อให้งานออกแบบดูบ้าบิ่นและสนุกมากที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้ นี่คือการเดินทางสู่ความฝันที่ปั้นแต่งขึ้นมา การผจญไปสู่จิตใต้สำนึกและความฝันได้รวมกันไปสู่จุดเริ่มต้นของนิทรรศการนี้ที่เป็นเสมือนโรงภาพยนตร์ของบิล เบนสเลย์ ซึ่งผู้ชมจะได้ทำความรู้จักกับคุณบิลในฐานะดีไซเนอร์ และ BENSLEY คือสตูดิโอ ความฝันสำหรับดีไซเนอร์คือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
แต่ในฐานะดีไซเนอร์ โดยส่วนใหญ่แล้วเขาเชื่อว่าเราต้องทดลองและเล่นสนุก อันเป็นสิ่งที่เขาทำมาตลอดในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เขาได้เปิดเผยถึงสิ่งนี้ในโซนสุดท้ายของนิทรรศการผ่านงานจิตรกรรม ประติมากรรมที่แตกต่างจากโซนอื่นๆ เขาเล่นกับเทคนิคและวัสดุที่หลากหลาย ไฟ ไม้ ขี้ผึ้ง โซดาไฟ ตะปู เซรามิก…
การเดินทางผ่านการชมงานศิลปะในนิทรรสการครั้งแรกของเขาทำให้เราได้เกิดไฟในการใช้ชีวิต อาจจะเป็นไฟของการสร้างสรรค์ที่เขาส่งผ่านมาในผลงานของเขา ความรู้สึกมีความสุข สนุกสนานและอิ่มเอม ดังที่เขาย้ำเสมอว่าผลงานศิลปะของเขาจะสร้างความสุขและสนุกสนาน แต่ถ้าจะหาความเศร้า ความกดดันในผลงานของเขานั้นคงไม่มี เพราะเขาส่งผ่านความสุขความสนุกด้วยผลงานของเขาไม่ว่าจะเป็นงานดีไซน์ใดๆ เสมอมา รวมทั้งงานศิลปะของเขาที่เราเพิ่งได้สัมผัสมานี้เช่นกัน
นิทรรศการ LOVE – CAMP – EXPLORE – DREAMS เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่
28 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ RCB Galleria ชั้น 2
ร่วมกับริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก จัดแสดงวันที่ 28 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ RCB Galleria ชั้น 2
รายได้จากการจำหน่ายผลงานทั้งหมดมอบให้กับมูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์และปกป้องสัตว์ป่า และมูลนิธิชินตา มณี (Shinta Mani Foundation)
Bill Bensley’s First Ever (“Coming Out”) Art Exhibition to be held
At River City Bangkok
28 January – 28 February 2022 at RCB Galleria (2nd floor)
All Proceeds to Fund Conservation and Wildlife Protection
#LoveCampExploreDreams #BillBensley #ShintaManiFoundation #Rivercitybangkok #Rivercitycontemporary