นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี ค.ศ. 1839 Patek Philippe ได้รับการยกย่องเสมอมาจากผลงานที่เป็นดั่งงานศิลปะที่สะท้อนถึงความสวยงามอันประณีตวิจิตรของความสมบูรณ์แบบทางจักรกล ตอกย้ำด้วยคุณภาพงานฝีมือและความประณีตในการตกแต่งด้วยมืออย่างพิถีพิถัน ในโอกาสการจัดนิทรรศการ ‘Rare Handcrafts 2020-2021’ โรงงานการผลิตแห่งเจนีวาได้นำเสนอการเปิดตัวครั้งแรกของโลกด้วย 6 รุ่นเรือนเวลาสลับซับซ้อนระดับแกรนด์ คอมพลิเคชั่นส์ (grand complications) และรุ่นไอคอนแห่งงานออกแบบนาฬิกา ที่ถ่ายทอดด้วยศิลปะการตกแต่งอันประณีตวิจิตร อาทิ งานแกะสลักมือ (manual engraving), งานลงยากรองด์ เฟอ คลัวซอนเน (grand feu cloisonné enamel), งานลงยากรองด์ เฟอ ชอมเลอเว (grand feu champlevé enamel), งานลงยากรองด์ เฟอ ฟลิงเก (grand feu flinqué enamel), งานแกะลายกิโยเช่ด้วยมือ (manual guilloching) และงานประดับอัญมณี (gemsetting)
Ref. 6002R-001 Sky Moon Tourbillon Haut Artisanat
ตัวเรือนโรสโกลด์แกะสลักมือ พร้อมด้วยหน้าปัดสีน้ำตาลตกแต่งด้วยงานลงยากรองด์ เฟอ ชอมเลอเว และคลัวซอนเน เปิดตัวในปี ค.ศ. 2001 Ref. 5002 Sky Moon Tourbillon นับเป็นนาฬิกาข้อมือสลับซับซ้อนสูงสุดรุ่นที่สองของ Patek Philippe และกลายเป็นหนึ่งในนาฬิกา grand complications อันเป็นที่ถวิลหาและตามหามากที่สุดของบรรดานักสะสม โดยนับจากปี ค.ศ. 2013 ถึง ค.ศ. 2016 นาฬิกาข้อมือหน้าปัดคู่นี้ได้รังสรรค์ขึ้นในเวอร์ชั่น rare handcrafts เพียงหนึ่งเดียว กับตัวเรือนไวท์โกลด์ และหน้าปัดลงยาสีน้ำเงิน (6002G-001) และตามมาด้วยในปี ค.ศ. 2016 กับเวอร์ชั่นใหม่ที่มาคู่กับหน้าปัดลงยาสีดำ (6002G-010)
ในวันนี้ โรงงานการผลิตได้เผยโฉมนาฬิการุ่นสัญลักษณ์ด้วยหน้าปัดใหม่ ที่เป็นการผสมผสานระหว่างความแวววาวอันแสนอบอุ่นของโรสโกลด์เข้ากับงานลงยากรองด์ เฟอ (grand feu enamel) สีน้ำตาล ขณะที่ขอบรอบวงของหน้าปัด รวมถึงช่องหน้าต่างแสดงข้างขึ้น-ข้างแรม (moon phase) และดวงจันทร์ของดิสก์หมุนนั้นรังสรรค์ด้วยงานลงยาชอมเลอเว (champlevé enamel) ซึ่งด้วยเทคนิคนี้ จึงจำเป็นต้องเจาะขึ้นรูปโลหะฐานอย่างแม่นยำ เพื่อให้แต่ละองค์ประกอบ อาทิ สเกลนาทีนั้นยังคงความนูนอย่างมีมิติ
ส่วนที่เว้าต่ำลงกว่าอื่นๆ จะผ่านการเติมส่วนผสมสำหรับลงยาด้วยมือ โดย ณ ศูนย์กลางของหน้าปัดถ่ายทอดไว้ด้วยงานตกแต่งลงยากรองด์ เฟอ คลัวซอนเน (grand feu cloisonné enamel) ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยการใช้เส้นลวดทองเรียบแบนและบางมาช่วย ส่วนตัวเรือน เม็ดมะยม ตัวสไลด์ของจักรกลตีระฆัง และตัวพับล็อกสายผ่านการแกะสลักมือด้วยลวดลายขดเกลียวและอะราเบสก์ (arabesques) บนทุกด้าน ซึ่งช่างแกะสลักระดับมาสเตอร์จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างทุ่มเทถึงกว่า 100 ชั่วโมงของการทำงานและอาศัยความอดทนมุมานะในการทำงานผ่านกระบวนการทั้งหมด เพื่อบรรจบกับมาตรฐานระดับสูงสุด
Sky Moon Tourbillon นี้ได้ผสมผสานไว้ด้วยความสลับซับซ้อนอันน่าหลงใหลถึง 12 ฟังก์ชั่น ซึ่งรวมไปถึงตูร์บิญอง (tourbillon) และมินิท รีพีทเตอร์ (minute repeater) ที่ตีระฆังบอกเวลาด้วยฆ้องคาธีดรัล (cathedral gongs) โดยบนหน้าปัดด้านหน้าแสดงปฏิทินถาวร (perpetual calendar) ด้วยการแสดงวันที่แบบเรโทรเกรด (retrograde date) แสดงข้างขึ้น-ข้างแรม (moon phase) และวงจรปีอธิกสุรทิน (leap year cycle) ส่วนอีกด้านหนึ่งแสดงแผนภูมิท้องฟ้าซึ่งถ่ายทอดการเคลื่อนที่อย่างชัดเจนของดวงจันทร์และดวงดาวซึ่งสามารถมองเห็นได้จากท้องฟ้าซีกโลกเหนือ และเพื่อบรรจบกับจังหวะแห่งการประสานเสียงและการเต้นระบำของเหล่าวัตถุบนท้องฟ้านี้ Patek Philippe ได้พัฒนาระบบของดิสก์ซ้อนกันสามชิ้นที่เคลื่อนที่ต่างกัน แต่ผ่านการคำนวณวิถีการโคจรต่างๆ มาอย่างแม่นยำ สำหรับ Ref. 6002R-001 Sky Moon Tourbillon รุ่นใหม่ ส่งมอบมากับคัฟลิงค์แกะสลักมือทำจากโรสโกลด์ และมาแทนที่ Ref. 6002G-010 ในตัวเรือนไวท์โกลด์คู่กับหน้าปัดลงยากรองด์ เฟอ (grand feu enamel) สีดำ
Ref. 5304/301R-001 Minute Repeater with a Retrograde Perpetual Calendar
ความมหัศจรรย์แห่งความโปร่งใส ภายในตัวเรือนโรสโกลด์ใหม่ ประดับด้วยเพชรเจียระไนบาแกตต์ 80 เม็ด นาฬิกา Patek Philippe grand complications รุ่นแรกที่มาพร้อมด้วยหน้าปัดกระจกแซฟไฟร์โปร่งใส ได้เปิดตัวภายใน Ref. 5104 ในปี ค.ศ. 2006 โดยมีตัวเรือนแพลทินัม พร้อมด้วยการฝังประดับโรสโกลด์ จากปี ค.ศ. 2014 ถึง ค.ศ. 2018 ตามมาด้วย Ref. 5304 ในตัวเรือนโรสโกลด์ ประดับด้วยไวท์โกลด์ ซึ่งในวันนี้ Patek Philippe ได้ตีความขึ้นใหม่ในตัวเรือนโรสโกลด์ กับขอบตัวเรือน ข้อต่อตัวเรือน และตัวพับล็อกสายประดับประดาไปด้วยประกายแสงแห่งเพชรทรงบาแกตต์บริสุทธิ์ระดับ Top Wesselton จำนวน 80 เม็ด (~6.22 กะรัต) และมอบจุดดึงดูดความสนใจไปยังความโดดเด่นและความน่าตื่นเต้นของกลไกที่ในรุ่นนี้เผยให้เห็นบนด้านหน้าปัดนั่นเอง
Patek Philippe ได้พัฒนาระบบอัจฉริยะในการแสดงวัน เดือน และวงจรของปีอธิกสุรทิน (leap year cycle) ด้วยดิสก์กระจกแซฟไฟร์ใส ซึ่งทำหน้าที่แสดงข้อมูลปฏิทินตามลำดับได้อย่างโดดเด่นในโทนสีขาวตัดกับพื้นหลังสีดำของช่องหน้าต่างเล็กๆ ด้านใต้ และเพื่อติดตั้งดิสก์กระจกแซฟไฟร์ซึ่งมีความบางอย่างมากเข้ากับแกนสตีลที่เล็กมากๆ ได้นั้น จึงจำเป็นต้องพัฒนากระบวนการประกอบสุดพิเศษที่ผ่านการจดสิทธิบัตรของแบรนด์ด้วยเช่นกัน
เข็มนาฬิกาทรงใบไม้แบบเจาะโปร่งทำจากไวท์โกลด์ตกแต่งแล็กเกอร์สีดำ เสริมเสน่ห์ให้กับกลไกและชิ้นส่วนสตีลต่างๆ ที่ผ่านการขัดมุมและขอบ โดดเด่นและสวยงามตัดกับแท่นเครื่องชุบโรสโกลด์ลวดลายเพอร์ลาจ (perlage) การแสดงวันที่แบบฟลายแบ็ก (flyback date) บรรจุไว้ด้วยเข็มชี้ พร้อมทั้งปลายเข็มรูปจันทร์เสี้ยวทำหน้าที่ชี้ไปยังตัวเลขต่างๆ บนสเกล ณ ขอบรอบนอกสุดของหน้าปัด ขณะที่ปฏิทินถาวร (perpetual calendar) เติมเต็มความสมบูรณ์ด้วยการแสดงข้างขึ้น-ข้างแรม (moon phase) ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา และหน้าปัดย่อยแสดงวินาที ที่ได้ผสมผสานระหว่างการฝังประดับไวท์โกลด์อันละเอียดอ่อนเข้ากับลวดลายใบไม้แกะสลักภายในขอบด้านข้างตัวเรือน และตัวสไลด์ของจักรกลตีระฆัง
ฝาหลังกระจกแซฟไฟร์เผยให้เห็นสถาปัตยกรรมของกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ R 27 PS QR LU โดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรกลตีระฆัง minute repeater ที่ประกอบด้วยฆ้องสองตัว หรือตัวควบคุมแบบหนีศูนย์ (centrifugal governor) ใต้ลวดลาย Calatrava cross แบบเจาะโปร่ง รวมถึงตอกย้ำความพิเศษด้วยงานการตกแต่งกลไกอันประณีตวิจิตรที่ถ่ายทอดไว้เช่นกันผ่านความสวยเด่นของมินิโรเตอร์ (minirotor) เยื้องศูนย์แบบฝังซ่อนทำจากโรสโกลด์ซึ่งตกแต่งด้วยลวดลายใบไม้และช่องโพรงต่างๆ ชุบโรเดียม
Ref. 5374G-001 Minute Repeater with a Perpetual Calendar
นาฬิกาตีระฆังบอกเวลาด้วยฆ้องคาธีดรัล และตัวเรือนไวท์โกลด์คู่กับหน้าปัดลงยากรองด์ เฟอ (grand feu enamel) สีน้ำเงิน เปิดตัวในปี ค.ศ. 2016 Ref. 5374 พร้อมด้วยจักรกลตีระฆัง minute repeater และปฏิทินถาวร (perpetual calendar) ดึงดูดใจผู้ซึ่งหลงใหลเสียงตีระฆังบอกเวลา ตัวเรือนแพลทินัม หน้าปัดลงยากรองด์ เฟอ สีดำ วันนี้ Patek Philippe ได้ตีความใหม่ให้กับความสลับซับซ้อนระดับ grand complications นี้ด้วยรูปโฉมใหม่ของตัวเรือนไวท์โกลด์ พร้อมด้วยหน้าปัดลงยากรองด์ เฟอ สีน้ำเงิน
ภายใต้รูปทรงตัวเรือนที่แสดงออกถึงการซ้อนกันระหว่างทรงกลมและความโค้งนูน ผสานขอบตัวเรือนด้วยรูปทรงเว้า และความละเอียดอ่อนประณีตที่บรรจบกับส่วนที่เว้าต่ำลงกว่าของขอบด้านข้างตัวเรือนตกแต่งด้วยงานขัดซาตินด้วยมือ สร้างภาพที่ตรงข้ามกันอย่างลงตัวกับส่วนตัวเรือนขัดเงาและรูปทรงหลังเบี้ยส่วนปลายข้อต่อของตัวเรือน
หน้าปัดลงยากรองด์ เฟอ (grand feu enamel) สีน้ำเงินนี้ ผ่านการตกแต่งด้วยความเงาวาวพิเศษ และเป็นตัวอย่างที่ถ่ายทอดถึงงานฝีมือชั้นยอด ด้วยความเข้มข้นของสีและความสว่างใสที่กลายเป็นความน่าหลงใหลอย่างยากจะปฏิเสธ โดยรังสรรค์บนแผ่นหน้าปัดทำจากทอง 18 กะรัต ผ่านการเคลือบมือด้วยผงลงยา และจากนั้นจึงเผาให้หลอมละลาย ณ อุณหภูมิ 850 องศาเซลเซียส ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปของการเจาะช่องโพรงเล็กๆ ลงบนงานลงยาเนื้อแข็งและเปราะบางนี้ เพื่อทำหน้าที่เป็นขายึดเกาะสำหรับติดตั้งตัวเลขทรง Breguet ทำจากไวท์โกลด์แบบนำมาติด ขณะที่การแสดงต่างๆ ของปฏิทินถาวร (perpetual calendar) (วัน วันที่ เดือน วงจรปีอธิกสุรทิน) นั้นจัดวางไว้บนหน้าปัดย่อยที่ขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และเติมเต็มด้วยการแสดงเวลา 24 ชั่วโมง ส่วนเข็มชี้ทรงใบไม้ทำจากไวท์โกลด์เติมด้วยการเคลือบสารเรืองแสงเพื่อการอ่านค่าเวลาได้อย่างล้ำเลิศ พร้อมทั้งช่องหน้าต่างแสดงข้างขึ้น-ข้างแรม (moon phase) ที่ผสมผสานด้วยเทคนิคชอมเลอเว (champlevé) และล้อมกรอบด้วยไวท์โกลด์อย่างสง่างาม
ขับเคลื่อนโดยกลไกไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ R 27 Q ประกอบด้วยจักรกลตีระฆัง minute repeater ซึ่งตีลงบนฆ้องคาธีดรัลสองตัว ด้วยความยาวที่ขยายขึ้นเกือบสองเท่าของเส้นรอบวงของกลไก เพื่อสร้างเสียงที่สมบูรณ์และก้องกังวานอย่างชัดเจน
Ref. 5374G-001 รุ่นใหม่นี้ประกอบคู่มากับสายหนังจระเข้สีน้ำเงินเข้มเงาวาว และโอบรับข้อมืออย่างปลอดภัยด้วยตัวพับล็อกสายไวท์โกลด์ พร้อมทั้งส่งมอบด้วยฝาหลังกระจกแซฟไฟร์ และฝาหลังแบบทึบสำหรับถอดเปลี่ยนได้ ผลงานรุ่นนี้เข้ามาแทนที่ Ref. 5374P-001 ในตัวเรือนแพลทินัม คู่หน้าปัดลงยากรองด์ เฟอ (grand feu enamel) สีดำ
Ref. 7040/250G-001 Rare Handcrafts Minute Repeater for Ladies
เรือนเวลาตีระฆัง minute repeater สำหรับสุภาพสตรีรุ่นใหม่ มาพร้อมหน้าปัดลงยากรองด์ เฟอ ฟลิงเก (grand feu flinqué enamel) สีน้ำเงิน และขอบตัวเรือนประดับเพชร Flamme® มีให้ครอบครองนับจากปี ค.ศ. 2011 ถึง ค.ศ. 2017 กับนาฬิกา Ref. 7000R-001 Ladies First Minute Repeater ในตัวเรือนโรสโกลด์ คู่ด้วยหน้าปัดสีครีม ที่ได้มอบวิถีแห่งการสร้างสรรค์สู่นาฬิกาอันประณีตสูงสุดใหม่ในตัวเรือนไวท์โกลด์ ด้วยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตัวเรือนใหญ่ขึ้นเล็กน้อย กับหน้าปัดลงยากรองด์ เฟอ ฟลิงเก สีน้ำเงิน และขอบตัวเรือนประดับเพชร ที่ถ่ายทอดความร่วมสมัย แต่ยังคงสง่างามเหนือกาลเวลาให้กับตัวเรือนสไตล์ออฟฟิเซอร์ (officer) อันเป็นต้นตำรับ พร้อมทั้งข้อตัวเรือนแบบตรงและแถบติดตั้งด้วยสกรู
แผ่นหน้าปัดทองของรุ่นนี้แกะลายกิโยเช่ด้วยมืออย่างสมบูรณ์ พร้อมด้วยลวดลายการตกแต่งกระจายแสง (sunburst) ที่มอบคลื่นแห่งแสงสะท้อนอันนุ่มนวลอ่อนโยนซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาพก Ref. 992/137G-001 ‘Siamese Fighting Fish’ (ผลงานหนึ่งเดียวที่รังสรรค์ขึ้นในปี ค.ศ. 2019) จากนั้นจึงเคลือบด้วยงานลงยาสีน้ำเงินโปร่งใส ที่ช่วยให้งานการตกแต่งด้านใต้นั้นสามารถส่องประกายแสงทะลุผ่านได้ จากเทคนิคอันเก่าแก่ที่อ้างอิงถึงงานลงยา ฟลิงเก (flinqué enameling) โดยมอบสีอันทนทานและความเงาวาวอันเหนือกาลเวลาของหน้าปัดที่กลายเป็นภาพพื้นหลังอันงดงามให้กับเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีทรงหอก (lancet-shaped) ตัดเหลี่ยมทำจากไวท์โกลด์ที่เคลื่อนตัวอยู่เหนือเครื่องหมายบอกเวลาทองทรงเข็มชี้แบบพิมพ์ และหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีที่จัดวางอย่างสมดุลกลมกลืน ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา
ขอบตัวเรือนโดดเด่นด้วยประกายแสงระยิบระยับของเพชรบริสุทธิ์ ระดับ Top Wesselton เจียระไนแบบเหลี่ยมเกสร (brilliant-cut) จำนวน 168 เม็ด ที่ประดับในสองแถวเยื้องกัน โดยใช้เทคนิค ‘Flamme®’ ด้วยวิธีการประดับตกแต่งสุดพิเศษและผ่านการจดสิทธิบัตร ซึ่งศิลปินจะใช้สิ่วแหลมในการตัดรอยบากลงบนทองระหว่างอัญมณีแต่ละเม็ด เพื่อให้แสงสามารถจุดประกายเพลิงอันระยิบระยับของเพชรได้จากด้านใต้ของอัญมณี และเสริมเสน่ห์แห่งภาพอันบางเบาดุจอากาศของผลงานสร้างสรรค์อันล้ำค่านี้
ขณะที่กลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ R 27 PS ขับเคลื่อนด้วยมินิโรเตอร์ (minirotor) เยื้องศูนย์ ทำจากทอง 22 กะรัตที่ฝังซ่อนอยู่ในกลไก โดดเด่นจากรูปทรงอันบางพิเศษ (หนา 5.05 มม.) ทำให้โครงตัวเรือนเพรียวบาง โดดเด่นด้วยเสียงอันกลมกลืนของฆ้องคลาสสิกสองตัว พร้อมทั้งงานการตกแต่งอันประณีตที่สามารถชื่นชมได้ผ่านทางฝาหลังเปิดด้วยกระจกแซฟไฟร์ใส หรือสามารถเปลี่ยนเป็นฝาหลังแบบทึบทำจากไวท์โกลด์ที่ส่งมอบมาพร้อมกัน
Ref. 5738/51G-001 Golden Ellipse Haut Artisanat
นาฬิกา Patek Philippe คลาสสิกในตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาดใหญ่ คู่ด้วยหน้าปัดลงยาชอมเลอเวและงานแกะสลักมือ ปี ค.ศ. 2018 ในโอกาสครบรอบ 50 ปีของคอลเลกชั่น Golden Ellipse Patek Philippe ได้นำเสนอผลงานผลิตจำนวนจำกัด 100 เซ็ต ประกอบด้วยนาฬิกาตัวเรือนแพลทินัมและคัฟลิงค์จับคู่กัน โดยอุทิศให้กับงานฝีมือที่หาคนเปรียบได้ยากยิ่งที่กลายเป็นสมบัติอันทรงคุณค่ายิ่งของแบรนด์ ภายใต้ตัวเรือนไวท์โกลด์ขัดเงาและหน้าปัดผ่านการรังสรรค์ขึ้นใหม่อย่างลุ่มลึกด้วยรายละเอียดการตกแต่งอันวิจิตร
อย่างแรกคือแผ่นหน้าปัดทำจากทอง 18 กะรัต ที่ถูกเจาะเพื่อรังสรรค์ส่วนที่เว้าต่ำลง และจากนั้นจึงเติมด้วยงานลงยากรองด์ เฟอ (grand feu enamel) สีดำ (champlevé enamel) หลังจากนั้น จึงเป็นการแกะสลักมือด้วยลวดลายพืชพรรณหรือดอกไม้บนส่วนต่างๆ ที่ยกสูงขึ้น ด้วยวิธีนี้ Patek Philippe จึงผสมผสานระหว่างสองในศิลปะงานฝีมืออันทรงคุณค่าสูงสุด (การแกะสลักมือและการลงยา) ที่นำมาใช้สำหรับตกแต่งเรือนเวลาอันงดงาม โดยในงานประดับตกแต่งซึ่งประกอบด้วยลวดลายขดเกลียวและลายอะราเบสก์ (arabesques) ได้เสริมความสมบูรณ์แห่งรูปทรงตัวเรือนทรงพิเศษของ Golden Ellipse และนอกจากนี้ยังตอกย้ำถึงสัดส่วนที่กลมกลืนของตัวเรือนที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสัดส่วนทองคำ (golden section) ซึ่งอ้างอิงถึงสัดส่วนทอง ‘Divine Proportion’ ที่นับเป็นพื้นฐานสำหรับผลงานสร้างสรรค์แห่งศิลปะและสถาปัตยกรรม การอ่านค่าเวลาผ่านเข็มสไตล์ ‘cheveu’ เพรียวบางขึ้นและทำจากไวท์โกลด์ ส่วนเม็ดมะยมประดับยอดด้วยออนิกซ์คาโบชอง
ขับเคลื่อนของกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 240 ที่ทำงานภายใต้หน้าปัดผ่านการตกแต่งอย่างประณีตศิลป์ของผลงานรุ่นนี้ จากการขึ้นลานอย่างทรงพลังของมินิโรเตอร์ (minirotor) แบบฝังซ่อนและเยื้องศูนย์ทำจากทอง 22 กะรัต และต้องขอบคุณให้กับงานออกแบบอันเพรียวบางพิเศษที่ทำให้สามารถรังสรรค์ตัวเรือนอันสง่างามพิเศษได้เช่นกัน (หนา 6.58 มม.) งานออกแบบอันเหนือกาลเวลาของนาฬิกาเรือนนี้ยังตอกย้ำด้วยการประกอบคู่สายหนังจระเข้สีดำเงาวาว เย็บตะเข็บด้วยมือและลายสี่เหลี่ยมใหญ่ กับหัวเข็มขัดแบบ prong ที่สะท้อนถึงรูปทรงของตัวเรือนได้อย่างกลมกลืน
Ref. 5738/51G-001 Golden Ellipse Haut Artisanat ใหม่ ได้เข้ามาสมทบในคอลเลกชั่นปัจจุบัน และบรรจบกับความสง่างามของ Ref. 5738P-001 ในตัวเรือนแพลทินัมคู่ด้วยหน้าปัดสีน้ำเงินตกแต่งแบบกระจายแสง (sunburst) และ Ref. 5738R-001 ในตัวเรือนโรสโกลด์และหน้าปัดสีน้ำตาลดำตกแต่งแบบกระจายแสง (sunburst)
Ref. 7118/1450G Nautilus Haute Joaillerie
เวอร์ชั่นใหม่ในตัวเรือนไวท์โกลด์ และเพชรที่ประดับตกแต่งด้วยเทคนิคแรนดอมพาเว (random pavé) นับตั้งแต่เผยโฉมในเดือนเมษายน ค.ศ. 2021 ที่ผ่านมา Patek Philippe ได้ผสมผสานซึ่งงานออกแบบอันเป็นต้นตำรับของ Nautilus เข้ากับความประณีตละเอียดอ่อนของการประดับอัญมณีชั้นสูง (haute joaillerie) ใน Ref. 7118/1450R-001 เวอร์ชั่นโรสโกลด์ กับตัวเรือน พร้อมทั้งขอบตัวเรือนและสายสร้อยข้อมือที่ล้วนประดับตกแต่งด้วยเพชรที่เรียกกันว่าเทคนิคสโนว์เซตติ้ง (snow setting) เผยร่องรอยของลวดลายนูนต่ำอันนุ่มนวลอ่อนช้อย และถือเป็นอีกหนึ่งมุมมองใหม่อันเป็นต้นแบบของนาฬิกา Nautilus สำหรับสุภาพสตรี ที่ในวันนี้ โรงงานการผลิตได้นำเสนอผ่านอาภรณ์อันแวววาวระยิบระยับของเวอร์ชั่นไวท์โกลด์ใหม่
ใน Ref. 7118/1450G Nautilus Haute Joaillerie ใหม่นี้ เจิดจรัสไปด้วยเพลิงประกายแสงแห่งเพชรเจียระไนแบบเหลี่ยมเกสร (brilliant-cut) บริสุทธิ์ระดับ Top Wesselton ถึง 2,553 เม็ด (~12.69 กะรัต) เสริมความประณีตให้กับภาพลักษณ์อันงดงามดึงดูดใจ ที่ Patek Philippe ได้เลือกใช้เทคนิคอันละเอียดอ่อนสูงสุดของการประดับเพชรแบบสโนว์เซตติ้ง (snow setting) ประดับตกแต่งแบบแรนดอมพาเว (random pavé setting) จัดวางเพชรหลากหลายขนาดเคียงข้างกัน ช่วยให้มองเห็นการผสมผสานและโครงสร้างของทองระหว่างอัญมณีแต่ละเม็ดได้เพียงเล็กน้อยที่สุดเท่านั้น
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมนาฬิกาแต่ละเรือนซึ่งตกแต่งด้วยการประดับแบบสโนว์เซตติ้ง (snow setting) นี้จึงมีหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะเพียงหนึ่งเดียว และในฐานะองค์ประกอบส่วนหนึ่งของนาฬิกาการประดับอัญมณีนี้ยังต้องบรรจบกับเกณฑ์อันเข้มงวดสูงสุดของตราประทับ Patek Philippe Seal ด้วยเช่นกัน หน้าปัดของนาฬิกานี้จึงมีเข็มชั่วโมงและนาทีทรง Alpha เรืองแสงทำจากไวท์โกลด์ตกแต่งให้เป็นสีดำ พร้อมด้วยตัวเลขอารบิกแบบนำมาติดทำจากโลหะล้ำค่าชนิดเดียวกันและผ่านการเคลือบเรืองแสง
ภายในตัวเรือนไวท์โกลด์ติดตั้งไว้ด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 324 S กับงานการตกแต่งอันประณีตวิจิตรที่สามารถชื่นชมได้ผ่านฝาหลังกระจกแซฟไฟร์ พร้อมทั้งประกอบสายสร้อยข้อมือไวท์โกลด์ 18 กะรัต ที่ผสมผสานความสง่างามเข้ากับความสะดวกสบายในการโอบรับกับข้อมือ นาฬิการุ่นใหม่นี้มาพร้อมตัวพับล็อกสายแบบบานพับจดสิทธิบัตรโดย Patek Philippe ที่ยึดอย่างปลอดภัยด้วยตัวจับล็อกอิสระสี่ตัว โดยในคอลเลกชั่นปัจจุบันของ Patek Philippe รุ่น Ref. 7118/1450G-001 Nautilus Haute Joaillerie ในตัวเรือนไวท์โกลด์นี้ จะเข้ามาสมทบกับ Ref. 7118/1450R-001 ในเวอร์ชั่นโรสโกลด์
ดีไซน์ของนาฬิกา 6 รุ่นนี้คงจะพอบอกได้ถึงความหลงใหลในการสร้างสรรค์ที่ประณีตสลับซับซ้อนนี้ที่ Patek Philippe ได้บ่มเพาะเทคนิคทั้งหมด และมั่นใจว่าทักษะเหล่านี้จะได้รับการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นไปอย่างไม่สิ้นสุด