My Life, My Dream: เพราะเชื่อว่าทุกอย่างเกิดจากความรักเซ้นต์ – ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนาจึงเลือกถ่ายทอดความเป็นตัวตนเพื่อตอบแทนความรักที่ได้รับ และส่งต่อความรักของเขาไปให้ทุกคนที่รอคอยอยู่เสมอ

Share This Post

- Advertisement -

Photographer: Virunan Chiddaycha

Stylist: Napat Roongruang

Author: Pacharee Klinchoo

“ผมคิดว่าแต่ละงานที่ผมทำมีเสน่ห์ไม่เหมือนกันเลยครับ” เซ้นต์ – ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา ตอบเราด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า “ผมตอบไม่ได้จริงๆ ครับว่าผมถนัดงานอะไรมากที่สุด เพราะเวลาทำงานเพลง ผมก็เอ็นจอยไปกับงานเพลง เวลาทำงานแสดง ผมก็รู้สึกว่าอยากเล่าเรื่องตัวละครที่ผมรับบทอยู่ ผมแค่รู้สึกว่าทุกอย่างที่ผมทำคือความสุขหนึ่งก้อน มันคือก้อนที่เป็นการเล่าเรื่องราว ทั้งผ่านการร้องเพลง และผ่านการแสดงครับ

“อินเนอร์ที่ผมใช้ในการแสดงกับการร้องเพลงนี่ต่างมากเลยครับ” คำตอบกระตือรือร้นของเซ้นต์ทำเอาเราขมวดคิ้วบางๆ เพราะมันตรงข้ามกับคำตอบอื่นๆ ที่เราเคยได้รับมาอย่างสิ้นเชิง “ในแง่ของการแสดง มันคือการเอาตัวละครหนึ่งมาทำอย่างไรก็ได้ให้คนอื่นเข้าใจเขาให้ได้ ซึ่งผมอาจจะเป็นคนเดียวบนโลกเลยก็ได้ที่ได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจเขา แต่โจทย์ในการทำงานตรงนี้คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้คนทั้งโลกที่ดูเขา เข้าใจเขาให้ได้ แต่เวลาร้องเพลง มันเหมือนกับว่าผมได้มานั่งล้อมวงอยู่ในกลุ่มเพื่อน ได้มาสนุก นั่งร้องเพลงกับเพื่อน เป็นฟีลนั้นมากกว่าครับ”

เซ้นต์บอกกับเราโดยไม่ลังเลเลยว่า จริงๆ แล้วเขาอยากจะเป็นนักธุรกิจ แต่งานด้านบันเทิงนั้นก็ติดอยู่กับกิจกรรมประจำวันของเขาจนกระทั่งแทบจะแยกไม่ออก เขาจึงเลือกเดินเส้นทางนี้อย่างไม่ลังเล “มันเป็นความฝันแหละ ผมว่า” ดวงตาเขาเหม่อไปไกล “มันคือการตามหาตัวเองของเด็กคนหนึ่ง ผมเคยอยากเป็นหมอตามเพื่อน แต่ต่อมาก็รู้สึกว่าไม่ใช่ อยากทำธุรกิจมากกว่า เลยไปลงเรียนด้านธุรกิจ ก็รู้สึกว่าชอบนะแต่งานวงการบันเทิงมันสอดแทรกอยู่ในทุกกิจกรรมที่ผมทำอยู่แล้ว ทั้งเรื่องงานอาสาที่ทำกับเพื่อน หรือการจัดกิจกรรมต่างๆ กับเพื่อนๆ ผมก็เลยคิดว่าอยากจะลองไปในเส้นทางนี้ดู และก็ลองทำมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ก็คิดได้แล้วครับว่าอยากทำทั้งงานธุรกิจและงานในวงการบันเทิง”

ในวันที่เรานัดถ่ายแฟชั่นกับเขา เซ้นต์กำลังอยู่ในช่วงเตรียมตัวงานแฟนมีต SOLO SAINT 2020 Race to Bangkok ซึ่งแม้ว่าจะจัดมาหลายครั้งแล้ว เขาก็ยังดูตื่นเต้นแบบปิดอาการไม่มิดอยู่เลย “ตื่นเต้นทุกครั้งครับ”เขายอมรับ “ผมอยากจะเล่าเรื่องอะไรบางอย่างทุกครั้งที่มีโอกาส ทุกอย่างเกิดจากความรักครับ งานแฟนมีตทุกครั้งผมมีเป้าหมายว่าผมอยากจะทำให้แฟนคลับภูมิใจ

ว่าศิลปินของเขาทำในสิ่งที่เขาอยากจะให้ทำได้ ในโชว์นี้ผมใส่ความเป็นตัวเองไปเยอะมาก ส่วนตัวผมชอบรถมากๆ ซึ่ง Ferrari คันที่เอามาถ่ายในโปสเตอร์เป็นคันแรกที่ผมได้มีโอกาสได้ลงไปนั่งในชีวิตนี้ มันเคยเป็นความฝันของผม ในวันนี้ผมสามารถเอาความฝันนั้นมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม ส่วนหนึ่งในการทำงาน ส่วนหนึ่งในความรัก ผมว่าทุกอย่างมันเกิดจากความรักทั้งหมดนั่นล่ะครับ ผมรักที่จะทำมัน และผมก็จะทำมันตลอดไปครับ”

- Advertisement -