เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทเจ้าของแบรนด์หรูหลากหลายหมวดหมู่ LVMH ได้ออกมาประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2/2020 ของบริษัท ซึ่งมีรายละเอียดสำคัญว่า รายได้ของบริษัทในไตรมาสนี้ลดลงไปถึง 38% และยอดขายของผลิตภัณฑ์แฟชั่นและเครื่องหนังต่าง ๆ – ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ดังอย่าง Louis Vuitton – ตกลงไป 37% อันเป็นผลมาจากการปิดร้านค้ากับบูติกในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่หยุดชะงักไป อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้ถือว่าน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์เอาไว้ที่ 42% และ 38% ตามลำดับ
“แม้ว่าจะมีสัญญาณการฟื้นตัวเกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนจากการดำเนินงานต่าง ๆ ของบริษัท แต่รายได้ในสหรัฐฯ และทวีปยุโรปยังคงตกลงอยู่ในไตรมาสนี้” LVMH ออกมาชี้แจง “อย่างไรก็ตาม ในทวีปเอเชียนั้นมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะจากการกลับมาเติบโตในประเทศจีน” ส่วนกำไรของหกเดือนแรกของบริษัทในปี 2020 นี้อยู่ที่ 1.67 พันล้านยูโร (ประมาณ 61.8 พันล้านบาท) น้อยกว่าที่ประเมินไว้ที่ 2.32 พันล้านยูโร (85.8 พันล้านบาท) แต่ “การกำไรของแบรนด์ Louis Vuitton Christian Dior และ Moët Hennessy นั้นยังอยู่ในระดับที่สูง” ทางบริษัทกล่าวเสริม
ด้านรายได้จากทางออนไลน์นั้น LVMH กล่าวว่า “ยอดขายจากออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญนั้น มีผลต่อรายได้เพียงเล็กน้อยหลังจากการปิดร้านค้าเป็นเวลาหลายเดือน” ซึ่งข้อมูลล่าสุดที่เคยประกาศไปเมื่อปี 2018 นั้น บ่งบอกว่าบริษัทมียอดขายจากช่องทางออนไลน์อยู่ที่เพียง 8% ผู้ลงทุนจึงยังคงจับตาดูว่า การแพร่ระบาดของโรคฯ จะเร่งให้บริษัทปรับตัวสู่โลกดิจิตอลมากขึ้นหรือไม่
นอกเหนือจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์จาก Credit Suisse ออกมาว่า Louis Vuitton – ที่โดงดังจากลวดลายโมโนแกรมอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ – ได้ปรับราคาของกระเป๋าไอคอนิกรุ่นต่าง ๆ ขึ้นอีก 5% ในตลาดสำคัญเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับสถานการณ์ในขณะนี้
ต้องจับตากันดูต่อไปครับว่า ผลประกอบการของบริษัทแฟชั่นอื่น ๆ ในไตรมาสนี้ – ที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์กันไว้ว่าจะเป็นไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดจากโรคระบาด – จะเป็นเช่นไรต่อไป ยังไงเราก็เป็นกำลังใจให้นะครับ!
เรื่อง Peerachai Pasutan
เรียบเรียง rhunrun