ธุรกิจและแบรนด์แฟชั่นต่าง ๆ ต่างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไปไม่มากก็น้อย ทว่า มีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่สามารถเติบโตขึ้นได้ในภาวะการณ์เช่นนี้ หนึ่งในนั้นคือแบรนด์หรูจากฝรั่งเศสอย่าง Hermès ที่เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนครับ
ก่อนหน้านี้ ช่วงระหว่างการแพร่ระบาดของโรคฯ นั้น Hermès มียอดขายตกลงเพียง 7.7% เท่านั้น น้อยกว่าที่บริษัท Morgan Stanley ประเมินไว้ว่าจะตกลงที่ 13% กว่าครึ่งนึง แต่เมื่อสามารถเปิดทำการร้านค้าได้อีกครั้ง บูติกของแบรนด์ในเมืองกว่างโจว สามารถทำเงินได้มากถึง 2.7 ล้านเหรียญฯ (ประมาณ 83 ล้านบาท) ภายในวันเดียว อีกทั้งมูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ปารีสของ Hermès เองก็เพิ่มสูงถึง 13% ระหว่างเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 2020 กลายเป็น 1 ใน 8 แบรนด์หรูที่มีราคาหุ้นสูงขึ้น
มีการวิเคราะห์กลยุทธ์ของ Hermès ที่สามารถเติบโตขึ้นได้ในภาวะวิกฤตเช่นนี้ ซึ่งหลายรายได้มองว่า ทางแบรนด์ได้เจาะตลาดกลุ่มลูกค้าชาวจีนเป็นหลัก ซึ่งกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้มองว่า Hermès เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราอีกระดับที่ไม่ได้อิงกับผลงานคอลแลป กระแสต่างๆที่มาไวไปไว แคปซูลคอลเลคชั่นสำหรับคน Gen-Z และระบบแฟชั่นที่มีโลโก้หรือลายโมโนแกรมเป็นแก่นกลางหรือจุดขายสำคัญ ประกอบกับผลงานผลิตภัณฑ์เด่นๆของแบรนด์นั้นบางส่วนไม่อ้างอิงกับซีซั่น ทำให้เกิดความคลาสสิกและมนต์สเน่ห์ในตัวเองแบบไม่ตามใคร
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่บริษัทให้คำปรึกษา McKinsey & Company นิยามว่า “Silent Luxury” ซึ่งเป็นการกลับมาของกระแสความหรูหราที่มีแก่นสารแห่งความสง่างามและความสงบ นอกจากนี้ การเจาะตลาดลูกค้าชาวจีนผ่านช่องทางออนไลน์หรือดิจิตอลนั้นก็ช่วยไม่ให้ยอดขายของแบรนด์ตกลงไปมากนัก ทั้งนี้เพราะชาวจีนเองก็เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มในการซื้อสินค้าระดับหรูผ่านออนไลน์ด้วยเช่นกัน คาดว่ากลยุทธ์ในลักษณะนี้อาจทำให้รายได้ที่มาจากประเทศจีนของผลิตภัณฑ์หรูต่าง ๆ มีส่วนแบ่งที่ 50% ภายในปี 2025
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเกี่ยวกับกระเป๋า Birkin ที่ตั้งชื่อตามนักร้องนักแสดงชาวอังกฤษอย่าง Jane Birkin อันเป็นไอเท็มชิ้นไอคอนิกของแบรนด์มาตั้งแต่ยุค 80 (และบางครั้งก็ได้รับการมองว่าเป็นการลงทุนที่ดีกว่าทองเสียอีก) คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Hermès มีความยืดหยุ่นในการดำเนินงานไม่ว่าจะช่วงก่อนหรือหลังโควิด

นอกจากนี้ ยังมีอีกแบรนด์หนึ่งที่เติบโตขึ้นอย่างสูงในประเทศจีน คือ Li-Ning แบรนด์เครื่องแต่งกายกีฬาภายในประเทศที่ก่อตั้งโดยนักกีฬาโอลิมปิกเหรียญทองปี 1989 อย่าง Li Ning ที่ได้รับอิทธิพลจากกระแสชาตินิยมของชาวจีน การโฆษณาผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างหนัก การปรากฏตัวในการแข่งขัน NBA (สวมใส่โดยตำนานนักบาสอย่าง Dwyane Wade) และ Paris Fashion Week ที่เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับสินค้า Made in China เป็นที่ยอมรับมากขึ้น
เรียกได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาทางธุรกิจที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียวในยามนี้ครับ
เรื่อง Peerachai Pasutan
เรียบเรียง rhunrun