GUCCI’s EPILOGUE : When the curtain closed.

Share This Post

ปิดฉากอย่างดงามของไตรภาคแห่งความรักจาก Alessandro Michele ที่ปฐมบทเร่ิมในแฟชั่นโชว์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนจะถึงภาคสองในแคมเปญโฆษณานำเสนอในเดือนพฤษภาคม และบทส่งท้ายอันเป็นบทจบ Epilogue ที่รูดม่านปิดไตรภาคแห่งความรักนี้อย่างงดงามสมบูรณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา(19.00 น.17/07/20)

- Advertisement -

แม้มหากาพย์ความรักนี้จะมีบทจบที่คาดไม่ถึงด้วยวิกฤติไวรัสโคโรนา-19 ที่ทำให้ฉากจบที่สมควรจะอบอวลไปด้วยสวนสวยและมวลหมู่พฤกษากลับกลายเป็นการที่ต่างคนต่างมี social distancing และการเดินทางไปชมคอลเลกชั่นอย่างใกล้ชิดกลายเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ บทส่งท้ายนี้จึงอยู่กันแบบสันโดษต่างคนต่างชื่นชมผ่านจอคอมพ์ ซึ่ง Gucci ก็จัดให้หนำใจ 12 ชั่วโมงตั้งแต่บ่ายโมงตรงในประเทศไทย จนถึงถึงการโชว์ให้เห็นอาภรณ์ในคอลเลกชั่นและหลังจากนั้นก็มีเรื่องราวเบื้องหลังการถ่ายภาพต่างๆ ไปเรื่อยจนครบ 12 ชั่วโมง เรียกว่าดูกันจุใจผ่านทาง www.gucci.com 

ในเมื่อเราไปยังสวนของกุชชี่ไม่ได้ กุชชี่ก็ส่งพืชผักและผลไม้ออร์แกนิกมาให้สื่อมวลชนถึงออฟฟิศและถึงบ้านเพื่อจะได้เข้าใจกับบทส่งท้ายนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งมีบางคนได้ส้มโอเป็นลูกๆ ไปส่งถึงบ้านนอกเหนือจากเงาะ กล้วย แอปเปิ้ล แก้วมังกร มะเขือเทศเชอร์รี่ ถั่วแขก ผักสลัดและเห็ด ก็ต้องบอกว่ามาเหนือชนิดที่ใครๆ ก็ต้องอ้าปากค้าง

ระหว่างการดำเนินบทส่งท้ายไปเรื่อยๆ ก่อนจะถึงเวลาทุ่มตรงที่มีลุคในคอลเลกชั่นมาให้ชมต้องบอกว่าทำได้ดีมากๆ เพราะเป็นการนำเสนอเบื้องหลังการถ่ายภาพแฟชั่นหรืออาจจะเป็นแคมเปญของคอลเลกชั่นนี้ที่ Campo Boario และ Palazzo Sacchetti ในกรุงโรม ได้เห็นการแต่งหน้าโมเดลที่เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของคอลเลกชั่นต่างๆ ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับอเลสซานโดร เขาจึงมาคิดว่าบทส่งท้ายนี้นักแสดงก็ควรจะเป็นพวกเขาเหล่านี้ที่เป็นนักออกแบบและมีความคิดสร้างสรรค์และแน่นอนย่อมมีความเป็นกุชชี่ ใน Lookbook ที่เพิ่งส่งมาสดๆ ร้อนๆ และในช่วงนำเสนอคอลเลกชั่นตอนทุ่มตรงเราจึงเห็นภาพคนเหล่านี้ในลุคต่างๆ ของคอลเลกชั่นนี้ ที่ทำให้รู้สึกจริงมากยิ่งกว่าใช้โมเดล เพราะพวกเขาก็มีรูปร่างแบบคนปกติส่วนใหญ่ที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ทว่าเป็นเรื่องของบุคลิกที่ทำให้แครีย์ลุคนั้นๆ ได้ แน่นอนว่าสาวกกุชชี่ก็ย่อมทำได้เฉกเช่นเดียวกันเพราะเป็นเรื่องของอินเนอร์ล้วนๆ

ความเก๋อยู่ที่เขาทำให้โมเดลในลุคต่างๆ เป็นเหมือนตุ๊กตากระดาษ มีข้อความเขียนเน้นในส่วนที่ต้องการเน้น มีสติ๊กเกอร์ติดให้ซูมว่าเป็น detail ของเสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือแม้แต่บิวตี้ มีแม้แต่แยกรูปมาเฉพาะส่วนหน้าแล้วเติมสีลิปสติกเข้าไปในหน้าชายหนุ่มแล้วมีป้ายสติ๊กเกอร์ใสแปะพร้อมข้อความลองทาลิปสติกดู นี่คือความสนุกที่เราได้มองเห็นรายละเอียดต่างๆ ที่อเลสซานโดร ต้องการเน้นย้ำ รวมไปถึงการทาสีเล็บของหนุ่มๆ (หลากวัย)ที่มาเป็นแบบ ว่าให้ทาเล็บสีดำหรือสีแดงเพียงบางนิ้วเท่านั้น ก็เก๋ไปอีกแบบ กุชชี่ก็ยัง no gender เช่นเคยแต่สนุกตรงที่ล้ำให้เพศสภาพชายทำในหลายๆ สิ่งที่คาดไม่ถึง แม้แต่การผูกผ้าโพกผมทำจากผ้าชีฟองพิมพลายดอกไม้ ซึ่งเชื่อว่ามีผู้ชายทำตามแน่ๆ

ลายดอกไม้ ลายพันธ์ุพฤกษาที่คลี่คลายมาจากลายยุคอาร์ตนูโวช่วงเซเวนตี้ส์ เขียนไม่ผิดเพราะยุคเซเวนตี้ส์นำเอาลายอาร์ตนูโวกลับมาทำเป็นลายแบบเซเวนตี้ส์ ใครยังทันแบรนด์แฟชั่นที่ชื่อ Biba ของลอนดอนต้องนึกออก เราจึงเห็นลายดอกป็อปปี้ที่มีก้านยาวคดโค้ง ดอกคาร์เนชั่นที่มีกลีบพับจับระบายสวย ลายดอกแอนนีโมนี(Anemone)สุดฮิตของยุคนั้น และอีกหลายๆ ลายดอกไม้แบบเซเวนตี้ส์ที่มาสร้างสีสันเจิดจ้าสมกับฤดูกาลที่แสงอาทิตย์มาปลุกทุกสรรพสิ่งบนโลกให้ผ่านพ้นฤดูหนาว 

คือความฮิปคือความเนิร์ดและคือความกุชชี่ที่หลอมรวมเป็นบทส่งท้าย ไม่มีซิลลูเอทที่สวมใส่ยากเพราะจำกัดเรื่องรูปร่าง หากแต่ถ้าใจไปลุคไหนๆ ก็แครีย์อยู่ ลายโลโก้ GG ก็ยังมีอยู่ ทั้งแจ็คเก็ตผ้าเดนิมตกแต่งด้วยหนังในส่วนของขอบกระเป๋าหรือข้อแขนของเสื้อ ผ้าสักหลาดแต่ทำให้เนื้อบางและสวมใส่สบาย เติมสีสันด้วยผ้าพันคอลายดอกที่จับพลีทคลายๆ เหมือนผ่านการใช้งานมานานมาผูกแทนโบไท ถือกระเป๋าทรงโบโฮใบใหญ่ที่จุของได้สารพัดตกแต่งด้วยแถบสีเขียวแดงอันคลาสสิกของกุชชี่

เครื่องประดับก็สุดเหวี่ยงด้วยงานโลหะในรูปทรงแบบโรโคโค ลูกปัดโลหะของชนเผ่า สร้อยทองกับจี้โลหะสุดเท่ เข็มขัดหนังเส้นใหญ่ที่หัวเข็มขัดเป็นโลหะหล่อลายวิจิตร ส่วนรองเท้านั้นเป็นทรงคลาสสิกตกแต่งด้วยฮาร์ดแวร์ Horsebit  ในส่วนลายตกแต่งต่างๆ รองเท้าบู้ตลายหนังงูสามารถแมตช์ได้ทุกลุคถ้าใจต้องการ รองเท้าผู้หญิงมีส้นสูงตันหนาแต่งส้นด้วยโลหะมันวาวโดยรอบ ของสุภาพบุรุษมีทั้งรองเท้าทรงคลาสสิกไปจนถึงรองเท้าสนีกเกอร์สีสดจ้า รองเท้าผ้าใบลายดอกไม้ โดยมีถุงเท้าสูงยาวไปถึงเข่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ถ้าลุคนั้นเป็นกางเกงขาสั้นของหนุ่มๆ

ยังมีลายการ์ตูนของ Looney Tunes ที่เราประทับใจกันถ้วนทั่ว แต่สะดุดตาที่สุดก็คือกระเป๋าทรงโท๊ตลายโลโก้ GG ที่มีตัวการ์ตูนโดราเอมอนในอากัปกิริยาต่างๆ ประดับอยู่ทั่วไป ถือเป็นการ์ตูนจากเอเชียที่โดดเด่นขึ้นมาในลวดลายของเหล่าลูนนีย์ตูน แต่ส่วนตัวก็ยังชอบลวดลายที่มีเส้นสายแบบอาร์ตนูโวฉวัดเฉวียนแต่เมื่อมองให้ชัด อ้าวนั่นคือลูกเป็ดจอมซนหลานๆ ของโดนัลด์ ดัก ที่แสนน่ารัก คือ Huey, Dewey และ Louie ต้องบอกว่าปังมากๆ กับการสร้างสรรค์ลวดลายของกระเป๋าต่างๆ 

บทส่งท้ายที่แสนจะโรแมนติก อบอวลไปด้วยดอกไม้ พันธุ์พฤกษาและการ์ตูน แต่ยิ่งล้ำไปอีกในเรื่องไร้เพศสภาพเพราะในคอลเลกชั่นนี้ทุกชิ้นจับมาผสมผสานโดยไม่ต้องคำนึงเรื่องเพศสภาพยิ่งกว่าทุกๆ ภาคของไตรภาคแห่งความรักนี้ เป็นการรูดม่านปิดพร้อมเสียงปรบมือกึกก้องชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการเริ่มต้นบทใหม่ที่เราจะได้สัมผัสในปีหน้าที่กุชชี่จะมีการจัดแสดงคอลเลกชั่นเพียง 2 ครั้งต่อปีเท่านั้น ระหว่างรอที่จะเป็นเจ้าของชิ้นสวยๆ ของคอลเลกชั่นนี้ที่จะเข้าบูติกคงช่วงไตรมาสแรกปีหน้า เราก็ตื่นเต้นว่าปฐมบทของจักรวาลกุชชี่ในปีหน้านั้นจะเป็นเช่นไร     

- Advertisement -