ด้วยเครื่องปรุงไม่กี่อย่างที่เป็นพื้นฐานของการทำขนมอบก็ทำให้เราได้บิสกิตไว้รับประทาน หลายคนอาจจะเบื่อกับขนมปังแล้ว บิสกิตใช้แทนขนมปังได้ในทุกมื้อ อย่าคิดว่าต้องเสิร์ฟบิสกิตกับไก่ทอดแบบอเมริกันทางใต้สไตล์เคเจน เท่านั้น เราเสิร์ฟบิสกิตกับมื้อเช้าเคียงไข่ดาวหมูแฮม หรือจะยามบ่ายที่ขอแค่บิสกิตกับแยม
บิสกิตสูตรนี้ออกจะไม่ตามกฎเกณฑ์เดิมๆ ของการทำบิสกิตตรงที่ใส่ไข่ด้วย เพราะอยากได้รสชาติที่อร่อยไม่ใช่แค่รสแป้งๆ ถ้าต้องการสุตรแบบดั้งเดิมให้ตัดไข่ออกและเพิ่มนมเข้าไปราว 1/4 ถ้วย จริงๆ แบบดั้งเดิมเขาก็ไม่ใส่น้ำตาลทราย ส่วนไขมันที่นำมาผสมกับแป้งนั้นเขาใช้ lard หรือน้ำมันหมูที่เป็นไขเพราะบ้านเขาอากาศเย็นกว่าบ้านเรา แต่บางสูตรก็ใช้ crisco(ยี่ห้อทางการค้า) เนยขาวที่ทำจากไขมันพืชนั่นเอง
ส่วนตัวชอบใช้เนยสดธรรมดานี่แหละ เพราะไม่เหลวง่ายแบบน้ำมันหมูที่ขึ้นไข จริงๆ อยากจะลองใช้ก็ให้เอาน้ำมันหมูแช่ตู้เย็นก็ได้ แต่คืนตัวเร็วเหลือเกิน ข้อสำคัญคืออย่านวดแป้งหรือคลึงแป้งนานเพราะจะทำให้ขนมเนื้อแน่นและกระด้างไม่ฟูอย่างควรจะเป็น
คำเรียกบิสกิตของอเมริกันกับอังกฤษจะต่างกัน บิสกิตของอังกฤษจะเป็นประเภทคุ้กกี้ที่เราคุ้นเคย เพราะอังกฤษเขามี scone นั่นเอง แต่สโกนเขาเป็นขนมสำหรับมื้อชายามบ่าย สูตรคล้ายๆ บิสกิตของอเมริกัน แต่เนื้อสโกนจะแน่นกว่าเพราะเน้นการคลึงให้แป้งเรียบ
เครื่องปรุง
แป้งสาลีเอนกประสงค์ 2 ถ้วย
ผงฟู 2 ช้อนชา
โซดาทำขนม 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
เนย 1/4 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วยบรรจุ
ตวงแป้งใส่ลงในตะแกรงร่อนแป้งหรือกระชอนลวดตาถี่ๆ ใส่ผงฟู โซดาทำขนม(Baking soda) เกลือป่น ร่อนส่วนผสมลงในอ่างผสมแป้ง ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้เข้ากัน ที่ไม่ใส่น้ำตาลทรายลงไปร่อนด้วยเพราะเมล็ดใหญ่กว่าร่อนไม่ผ่านรูตะแหรง แต่ถ้าเกลือป่นที่ใช้เม็ดใหญ่ก็ตวงใส่ทีหลังเหมือนน้ำตาลทรายก็ได้
ตัดเนยเป็นชิ้นเล็กๆ การตวงเนย 1/4 ถ้วย ถ้าซื้อเนยมา 1 ก้อนขนาด 225 กรัม ให้กะเป็น 4 ส่วน ตัดมาใช้เสียหนึ่งส่วน จริงๆ ไม่ถึงกับเป๊ะ แต่ก็เป็นวิธีบอกปริมาณของเนยที่เราใช้ได้ง่ายกว่าจะตวงกับถ้วยตวงจริงๆ นำเนยที่ตัดแล้วใส่ลงในแป้ง
ใช้มือบี้ให้เนยกับแป้งให้เข้ากันเป็นเม็ดเล็กๆ สมัยก่อนเคยสอนโดยให้ใช้มีดรับประทานอาหารมาตัดสลับไปมาให้แป้งเข้ากับเนย หรือใช้ส้อมมือที่ใช้ตัดแป้งกับเนย แต่จริงๆ ไม่จำเป็นเลย ใช้มือบี้แป้งนี่แหละง่ายสุดและเร็ว จริงๆ เคยเตือนว่าอุณหภูมิของมือจะทำให้เนยละลาย แต่จุดประสงค์เราคือให้เนยเข้าไปรวมกับแป้งจับตัวเป้นเม็ดเล็กๆ ร่วนๆ ใช้มือบี้แป้งออกมาก็ครือกันแต่สะดวกกว่าใช้อุปกรณ์อื่นๆ ไม่เปลืองเวลาไปหาอุปกรณ์ครัวเหล่านั้นด้วย
ในถ้วยใบเล็กให้นำไข่ไก่ 1 ฟองมาตีรวมกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติด้วยส้อมให้เข้ากัน จากนั้นรินลงในส่วนผสมแป้ง อย่าเพิ่งรินลงไปจนหมด กะเป็น 3 ส่วน รินแต่ละส่วนลงไปใช้พายยางหรือส้อมคนให้แป้งเข้ากับของเหลว พอส่วนของเหลวส่วนสุดท้ายนี่แหละเราต้องดูด้วยว่าแป้งน่าจะเกาะเป็นก้อนได้ดีหรือยัง ถ้าแห้งไปก็ใส่ลงไปเยอะหน่อย หรือใส่ลงไปหมดแล้วแป้งยังดูแห้งเกินไม่เกาะเป็นก้อนให้เติมนมหรือน้ำเปล่าลงไปทีละน้อย พอแป้งเกาะเป็นก้อนอาจจะมีบางส่วนยังเป็นเศษแห้งๆ บ้าง เราก็ใช้มีข้างเดียวนี่แหละนวดก้อนแป้งเบาๆ แบบตลบพลิกล่างขึ้นบน 2-3 ทีเท่านั้น ห้ามนวดแบบขนมปัง เนื้อบิสกิตจะกระด้างและแข็ง
จากนั้นโรยแป้งสาลีลงบางๆ ที่พื้นโต๊ะเรียบๆ นำก้นแป้งมาตบเบาๆ ให้แบนลงไปสูงสักสามนิ้ว แล้วพลิกกลับเอาด้านล่างขึ้นบน อย่าลืมโรยแป้งสาลีบางๆ บนหน้าโต๊ะกันก้อนแป้งติด ใช้มือกดก้อนแป้งให้ราบลงไปอีกสูงสักหนึ่งนิ้วครึ่ง จากนั้นให้นำพิมพ์วงกลมหรือพิมพ์ขอบหยักสำหรับตัดบิสกิตมาตัด
การตัดบิสกิตสำคัญมากคือให้กดพิมพ์ลงไปตรงๆ แล้วยกขึ้นตรงๆ ห้ามหมุนบิดมือไปมา เราต้องการขอบขนมที่ตัดฉับสวยๆ แป้งจะได้ขึ้นฟูได้ แต่ถ้าบิดไปมาจะทำให้ขอบแป้งประสานกันบ้างทำให้ขอบแป้งบางส่วนไม่ฟูสวยตอนอบ ขนมถูกตัอแล้วอาจจะไม่ติดพิมพ์ขึ้นมา แต่ก็ตัดเป็นรูปกลมแล้ว กดแผ่นแป้งจนได้ก้อนแป้งเต็มพื้นที่ ยกส่วนแป้งที่ไม่ใช่ก้อนที่ตัดไว้ออก จะได้ก่อนแป้งกลมๆ ใช้พายยางแซะเบาๆ ใส่ลงในถาดที่ทาเนยไว้ หรือจะรองแผ่นฟอยล์ก็ได้
ส่วนแป้งที่เหลือที่ไม่เป็นก้อนแป้ง เรานำมารวมกันใหม่โดยนวดเบาๆ ให้รวมกันเป้นก้อน อย่านวดเยอะนี่ไม่ใช่ขนมปัง แค่นวด 2-3 ทีพอแป้งจับเป็นก้อน ก็ทำแบบก่อนหน้านี้อีก คือตบแป้งให้แบนแล้วใช้พิมพ์กดมาเป็นก้อนแป้ง เรียงใส่ถาด ถาเราใช้เตาขนาดเล็ก ถาดขนาดเล้ก ก้อนป้งอาจจะอบไม่หมดในครั้งเดียวก็ไม่เป็นไร ให้นำก้อนแป้งที่ตัดไว้ใส่ลงในกล่องพลาสติกปิดฝาพักไว้รอขนมถาดแรกอบเสร็จ ค่อยเอาส่วนที่เหลือเข้าเตาอบ
ก่อนจะนำแป้งเข้าเตาอบให้นำไข่ไก่เฉพาะไข่แดงมาสักครึ่งลูก(กะๆ เอา) ผสมน้ำสัก 2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน ใช้แปรงทาขนมจุ่มส่วนผสมไข่แดงทาลงไปบนหน้าขนมก่อนอบ จะทำให้ได้สีของผิวหน้าขนมเข้มสวย แต่ถ้าไม่มีแปรงให้ใช้ช้อนกาแฟตักส่วนผสมไข่แดงนิดหน่อยไปหยอดหน้าขนมแล้วใช้หลังช้อนไล้เบาๆ ให้ส่วนผสมไข่เคลือบหน้าขนม แต่อย่าให้หกเลอะเทอะไปโดนขอบขนม เพราะเวลาอบส่วนผสมไข่นี้จะสุกแล้วจับตัวเป็นฟิลม์ ถ้าโดนขอบขนมจะยึดไม่ให้ขนมฟูได้ตามปกติ
นำเข้าเตาอบไฟ 190 องศาเซลเซียสนาน 25-30 นาที หรือขนมสุกฟูสวยและหน้าขนมมีสีเข้มสวย
สำหรับคนที่ไม่มีพิมพ์วงกลมสำหรับกดแป้ง เราต้องย้อนไปหาต้นกำเนิดของบิสกิต คือเขาจะนำก้อนแป้งใหญ่ๆ นั้นมากดแผ่ให้แบนเป็นวงกลมขนาดใหญ่ตามความหนาที่ต้องการ ของเราก็ราวหนึ่งนิ้วครึ่ง จากนั้นให้ใช้มีดตัดก้อนแป้งแบบแบ่งเป็นส่วนๆ เหมือนแบ่งเค้ก ข้อสำคัญคือตัดมีดลงไปแล้วยกขึ้นอย่าลากมีดออกเหมือนเราตัดเค้ก เราต้องการขอบขนมที่คม จากนั้นก็ทาส่วนผสมไข่แดงระวังอย่าให้ไหลลงไปโดนรอยตัดของก้อนแป้ง นำเข้าไปอบด้วยอุณหภูมิเท่ากัน เวลาอาจจะเป็น 30-35 นาที เราจะได้บิสกิตเป็นชิ้นสามเหลี่ยม
ส่วนไข่แก่ที่เราตักเอาไข่แดงมาทำส่วนผสมทาหน้าขนม ไข่ที่เหลืออย่าทิ้ง เอาไว้เจียวโดยเพิ่มไข่ไก่ลงไปอีกฟองสองฟองตามต้องการ อย่าทิ้งไข่ให้เสียของ แต่ถ้าไม่เจียวเลย ให้เอาไข่นั้นใส่ถ้วยแล้วเอาจานรองแก้วกาแฟปิดปากชามกันลมแล้วนำไปแช่ตู้เย็น บางคนอาจจะใช้พลาสติกห่ออาหาร แต่ส่วนตัวเราอุตส่าห์ลดละถุงกลาสติกใส่ของ ก็อย่าใช้พลาสติกห่ออาหารพร่ำเพรื่อแล้วกัน เพราะใช้แล้วก็ทิ้งเป็นขยะพลาสติกเช่นกัน