หมาล่าไม่ใช่ชื่อของพริก แต่ภาษาจีนคำว่าหมา คือความรู้สึกชาๆ ล่าคือเผ็ด เพราะพริกหอมไม่ได้แค่เผ็ดอ่อนๆ แต่มีความซ่าและหวานๆ ติดปลายลิ้น
จริงๆ จะต้องทำเป็นมูสส์มอคค่าใส่พริกหอมเสฉวน แต่ต้องใส่เมอร์แรงจ์หรือไข่ขาวดิบตีฟู ในช่วงไวรัสระบาดนี้ทำให้ไม่อยากกินอะไรที่เป็นของดิบเลย และปกติไข่ดิบอาจจะก็มีเชื้อแบคทีเรีย Samonella ที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง เราจึงไม่ควรรับประทานไข่ดิบ นอกจากมั่นใจแหล่งที่มาของไข่นั้นๆ แต่ไข่ดิบดองน้ำปลาก็ยั่วใจชะมัดกันใช่ไหม แต่ช่วงนี้เว้นได้ก็เว้นก่อนดีกว่า
ดังนั้นจึงดัดแปลงแบบไม่ใส่ไข่ขาวดิบก็เลยกลายเป็นมอคค่าครีมแทน เนื้อจะแน่นกว่ามูสส์ที่จะมีรสสัมผัสละมุนเพราะฟองอากาศจากเมอร์แรงจ์ไข่ขาวที่ผสมลงไปจะทำให้เหมือนมีฟองอากาศเล็กๆ ในเนื้อมูสส์ ส่วนพริกหอม(ฮวาเจียว)หรือพริกไทยเสฉวนนั้นก็เป็นชนิดเดียวกับมะแขว่น บ้านเรา แต่กลิ่นของพริกฮวาเจียวจะหอมหวานละมุนมีความซ่าชาๆ ชัดเจน แต่มะแขว่นบ้านเราจะหอมหวานแต่จะเผ็ดซ่าไม่มากเท่า ก็แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน พริกหอม(เขาเขียนอย่างนี้บนฉลาก)เสฉวนหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ หรือไปตลาดเก่าที่เยาวราช ไปร้านขายเครื่องเทศพริกไทยตรามือมีขายแน่ๆ
คำว่าหมาล่าไม่ใช่ชื่อของพริก แต่คำว่าหมาคือความรู้สึกชาๆ ล่าคือเผ็ด เพราะพริกหอมไม่ได้แค่เผ็ดแต่มีความซ่าและหวานๆ ติดปลายลิ้น แต่รสเผ็ดจริงจังของซอสหมาล่าหรือปิ้งย่างหมาล่าก็มาจากพริกป่น เพราะความเผ็ดของพริกหอมก็เป็นความเผ็ดระดับพริกไทยไม่เผ็ดขนาดพริกขี้หนูป่น
สำหรับช็อกโกแลตคนเขียนใช้ Velrhona 70 % หมายถึงมีความเข้มข้นของ cocao ในปริมาณดังกล่าว เหมาะจะนำมาทำขนมหรือปรุงอาหาร แต่จะใช้ยี่ห้ออื่นหรือเป็นช็อกโกแลตนมก็ได้ แต่เราต้องลดหรือเพิ่มน้ำตาลเอง ซึ่งไม่ยากเพระเราชิมให้ได้รสที่ชอบก็พอ หวานมากน้อยขึ้นอยู่กับการใส่น้ำตาลให้เหมาะสมกับชนิดของช็อกโกแลตและการชิมก็แล้วกัน แต่ขนมชนิดนี้ไม่ควรทำหวานโดดเพราะจะเลี่ยน
สูตรนี้สำหรับเสิร์ฟ 2 ที่
ครีมแท้(ไม่เอาชนิดพร่องไขมัน) 1/3 ถ้วย
กะทิ(กล่อง) 2 ช้อนโต๊ะ
เมล็ดกาแฟบด 2 ช้อนชา
ช็อกโกแลต 4 ออนซ์
น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
พริกหอมเสฉวน 1/2 ช้อนชา
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
เตรียมหม้อที่วางซ้อนกันได้ หรือถ้ามีหม้อตุ๋นหรือ bain-marie แบบฝรั่งเศสก็ได้ แต่ไม่มีก็ใช้หม้อซ้อนกันแบบในภาพ เราจะใช้ละลายช็อกโกแลตและอุ่นครีมให้ร้อน ถ้าไม่ต้องการใส่กะทิก็ไม่ต้องใส่ แต่คนเขียนชอบกลิ่นหอมๆ มันๆ และให้ความเป็นตะวันออกของกะทิ พริกหอมเสฉวนเราเอามาบดด้วยครกพอหยาบๆ เพื่อให้ได้กลิ่นและรสที่แรง
ตั้งหม้อใบล่างบนไฟกลาง ใส่น้ำลงไปราว 1/4 ของขอบหม้อ ต้มจนเดือด เวลาซ้อนหม้ออีกใบลงไปก้นหม้อจะจุ่มในน้ำเดือดหรือลอยเหนือน้ำเดือดก็ได้ไม่ซีเรียส แต่ทำซอสบางอย่างจะไม่ให้ก้นหม้อโดนน้ำเดือดใช้ความร้อนจากไอน้ำเท่านั้น
หั่นช็อกโกแลตเป็นชิ้นเล็กๆ ถ้าใช้น้ำตาลอ้อยที่เป็นงบเป็นก้อนก็หั่นเล็กๆ แต่ถ้าเป็นเม็ดละเอียดก็ไม่ต้องหั่น ในหม้อใบแรกใส่ครีมลงไปตามด้วยเมล็ดกาแฟบด เกลือป่น และพริกหอมเสฉวน(ใส่กะทิไปด้วยถ้าต้องการ) ใช้ตะกร้อมือหรือช้อนคนพอเข้ากัน เมล็ดกาแฟบดจะไม่ละลายนะ ยกขึ้นตั้งบนหม้อที่มีน้ำต้มเดือดเดือดบนเตา คนไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมร้อนและกลายเป็นสีครีมเพราะสีของกาแฟ ไม่ต้องรอให้ส่วนผสมเดือด ยกลงพักไว้
ในหม้ออีกใบให้เราใส่ช็อกโกแลตหั่น น้ำตาล ยกขึ้นตั้งซ้อนบนหม้อที่มีน้ำเดือดและอยู่บนเตา(ไฟกลาง) ใช้ตะกร้อมือหรือช้อนคนเรื่อยๆ อย่าหยุด จนช็อกโกแลตละลายกลายเป็นของเหลวข้นและเข้ากับน้ำตาลเป็นเนื้อเดียว ตั้งพักไว้บนหม้อที่มีน้ำเดือดบนเตาลดไฟลงให้เหลือไฟอ่อน
นำส่วนผสมครีมมากรองด้วยกระชอนตาถี่ๆ ถ้าไม่มีให้เตรียมผ้าขาวบางมารองกับกระชอนปกติที่ใช้คั้นกะทิหรือตะแกรงร่อนแป้งก็ได้ กรองให้ได้ส่วนผสมครีมกลิ่นกาแฟที่ไม่มีกากของกาแฟและพริกหอมเสฉวน รินครีมที่กรองแล้วลงในส่วนผสมช็อกโกแลตที่ตั้งบนเตา คนเร็วๆ ด้วยตะกร้อมือหรือช้อน จะใช้พายยางที่ทนความร้อนก็ได้ คนไม่ให้ช็อกโกแลตติดก้นหม้อ และส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ตักขึ้นมาชิม อ่อนรสใดให้เติมได้จนถูกใจ ครีมช็อกโกแลต(กลายเป็นมอคค่าเพราะผสมกาแฟ)จะขึ้นเงาที่ผิวหน้าสวยงาม รินใส่ภาชนะที่ต้องการ อาจจะเป็นถ้วยเล็กๆ จิ๋วๆ ขนาดพอเหมาะ 1 คน 2 ถ้วย ของหวานชนิดนี้มีความเข้มข้นหอมมันสูง เสิร์ฟเป็นของหวานหลังมื้ออาหารจึงไม่ต้องเสิร์ฟปริมาณเยอะๆ นำเอาถ้วยครีมม็อคก้าพักไว้จนหายร้อนจัดสักครู่ก่อนนำไปแช่ตู้เย็นราว 3 ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ แช่นานกว่านั้นก็ได้ เก็บในตู้เย็นได้นานถึง 3 วัน
ถ้าต้องการให้เป็นเนื้อมูสส์ เรานำไข่ขาว 1 ฟองมาตีกับน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะจนกลายเป็นเมอร์แรงจ์หรือขึ้นฟูจนตั้งยอดได้แต่ไม่ควรแห้งเกินไป นำส่วนผสมไข่ขาวไปผสมในครีมช็อกโกแลตที่ทำเสร็จแล้ว(ก่อนจะรินใส่ถ้วย) ไข่ขาวทำให้เราได้ครีมมอคค่าในปริมาณที่เพิ่มขึ้น จาก 2 ถ้วย อาจจะได้ถึง 4 ถ้วย
บางคนจะบอกว่าความร้อนของช็อกโกแลตก็ทำให้ไข่ขาวสุกได้ แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะได้เพราะไม่ได้ร้อนจัดอะไรขนาดนั้น เนื้อมูสส์จะเบาละมุนกว่าเนื้อครีมแต่รสชาติเข้มข้นไม่แพ้กัน ความหอมซาบซ่าของพริกหอมช่วยให้ของหวานชนิดนี้เหมาะจะจบมื้ออาหารอย่างสมบูรณ์แบบมากๆ
www.hommesthailand.com #HommesThailand #LofficielHommesThailand