การรังสรรค์หีบทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ด้านบนเรียบใบแรก เป็นที่มาของกระเป๋าเดินทางที่สามารถวางเรียงซ้อนกันได้อย่างง่ายดาย ก่อนหน้าที่เมซง Louis Vuitton จะก่อตั้งขึ้นในปี 1854 หลุยส์ วิตตอง ผู้ก่อตั้งได้มีโอกาสทำงานในกรุงปารีสร่วมกับหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการทำหีบบรรจุสัมภาระและเก็บรักษาเสื้อผ้า (Layetier Emballeur) มาถึง 17 ปี แม้เขาจะมีประสบการณ์ที่พร้อม แต่ในฐานะชายหนุ่มที่เพิ่งเปิดร้านของตัวเองบนถนน Neuve des Capucines เขารู้ดีว่านวัตกรรมใหม่เท่านั้นที่จะเป็นกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จครั้งใหม่ของเขา ในขณะที่โลกเริ่มหมุนเร็วและสามารถเดินทางได้ไกลขึ้น กระเป๋าเดินทางจึงไม่เพียงต้องมีน้ำหนักเบา และแข็งแรงขึ้นเท่านั้น แต่ยังต้องโดดเด่นด้านความสวยงาม ซึ่งข้อนี้ทำให้หีบเดินทางของ Louis Vuitton แตกต่างจากคู่แข่งอื่นๆ ซึ่งกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูกค้าของเขา
Author: Chanond Mingmit
ย้อนกลับไปในปี 1854 Louis Vuitton เกิดความคิดริเริ่มในการสร้างสรรค์หีบเดินทางด้วยแคนวาสที่มีน้ำหนักเบาในขณะเดียวกันต้องมีความทนทาน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปคือ ‘Gris Trianon’ และวัสดุชิ้นใหม่นี้จึงได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของ Louis Vuitton ในช่วงแรก และตัวแคนวาสก็ได้รับการตั้งชื่อว่า ‘Vuittonite’ นอกจากนี้ในปีเดียวกัน Louis Vuitton ยังได้รังสรรค์หีบเดินทางทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ด้านบนเรียบเป็นใบแรกขึ้น ซึ่งได้กลายเป็นกระเป๋าเดินทางที่สามารถวางเรียงซ้อนกันยามเดินทางโดยเรือ และรถไฟได้อย่างง่ายดาย ทำให้ประหยัดเนื้อที่ได้มากกว่า ในขณะที่คู่แข่งเริ่มทำตาม โดยการพยายามเลียนแบบการสร้างสรรค์นั้น หลุยส์ วิตตอง และลูกชายของเขาก็เริ่มให้ความสำคัญไปที่การนำผ้ามาหุ้มหีบเพื่อเป็นการรักษาเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของแบรนด์
แคนวาสลายโมโนแกรม และระบบล็อกแบบตัวเลขอันเป็นเอกสิทธิ์ของแบรนด์ ในปี 1888 Louis Vuitton ได้รังสรรค์ลายตาราง damier ขึ้นจากแคนวาสลายทางสีแดงที่ทำขึ้นช่วงต้นปี 1870 ส่วนลายโมโนแกรมได้รับการออกแบบและจดลิขสิทธิ์ในภายหลังช่วงปี 1896 โดยจอร์จ วิตตอง ลูกชายของเขา งานออกแบบที่ผสมผสานอักษรตัวแรกจากชื่อของผู้ก่อตั้งเข้ากับรูปทรงดอกไม้สไตล์แอ็บแสตร็ก ก็ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ณ ตอนนั้น เพราะก่อนหน้านี้ อักษรตัวแรกที่ใช้บนหีบเดินทางจะเป็นอักษรจากชื่อเจ้าของหีบเท่านั้น ต่อมาตั้งแต่ในปี 1906 Louis Vuitton ได้เริ่มผลิตหีบเดินทางที่รูปทรงและหน้าตาเหมือนกับหีบที่ทำขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงเรขาคณิตอันเป็นเอกลักษณ์ ที่เปิดปิดหีบด้านบนเรียบ ห่อหุ้มด้วยแคนวาสลายโมโนแกรม และระบบล็อกแบบตัวเลขอันเป็นเอกสิทธิ์ของแบรนด์
ทุกวันนี้ Asnières Atelier ยังคงผลิตกระเป๋าเดินทางแบบ hard-sided ตามออเดอร์พิเศษ เป็นเวลากว่า 150 ปีมาแล้วที่ Asnières Atelier ของ Louis Vuitton ที่ชานเมืองของกรุงปารีสได้รังสรรค์ผลงานชิ้นตระการตามากมายตามความปรารถนาและความต้องการเฉพาะเจาะจงของลูกค้าแต่ละคน โดยมีความเชื่อว่าไม่มีฝันไหนที่ยิ่งใหญ่เกินไปและไม่มีสิ่งของชิ้นใดที่ซับซ้อนเกินกว่าจะผลิตหีบเดินทางเพื่อบรรจุได้ เห็นได้จากการรังสรรค์ ‘trunk bed’ ให้กับนักสำรวจ Pierre Savorgnan de Brazza ใช้เดินทางในปี 1905 หรือหีบที่วิจิตรหรูหราสำหรับใส่เดรส สูท หรือเครื่องแป้งสำหรับคนดังในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ที่รังสรรค์ขึ้นให้ Jeanne Lanvin และ Paul Poiret ขณะเดียวกัน เหล่าคนสำคัญและนักเขียนต่างก็มาที่ Louis Vuitton เพื่อสั่งหีบแบบ custom สำหรับใส่หนังสือและอุปกรณ์เครื่องเขียน ไม่ว่าจะเป็น Ernest Hemingway และ Françoise Sagan ส่วนงาน collaboration กับอาร์ทิสต์และเหล่าบรรดาคนครีเอทีฟต่างๆ ก็มีให้เห็นผ่านโปรเจ็กต์สุดอลังการมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นลายผีเสื้อ หีบ ‘Studio in a Trunk’ ของ Cindy Sherman และ ‘Boxing Trunk’ ที่ทำขึ้นร่วมกับ Karl Lagerfeld เพื่อเฉลิมฉลองโปรเจ็กต์คอลแลบผ่านลวดลายโมโนแกรมในปี 2014
ทุกวันนี้ Asnières Atelier ยังคงรังสรรค์ผลงานจากออเดอร์พิเศษสำหรับกระเป๋าเดินทางแบบ hard-sided และชิ้นสำคัญที่เป็นอัตลักษณ์ของแบรนด์ ตั้งแต่หีบเดินทางสำหรับใส่เสื้อผ้า ชุดเครื่องทำค็อกเทล นาฬิกา และน้ำหอม ไปจนถึงชิ้นที่บรรจุของที่ละเอียดอ่อนบอบบางอย่าง เช่น กล่องใส่เกมและเคสสำหรับใส่เครื่องประดับ
Malle Fleurs งานสร้างสรรค์ชิ้นเล็กที่เพิ่มวัสดุกันน้ำด้านในสำหรับใส่ดอกไม้ได้รับการรังสรรค์ขึ้นใหม่โดย Virgil Abloh ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์เสื้อผ้าสุภาพบุรุษของ Louis Vuitton ในโชว์คอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2020 โดยลายโมโนแกรมถูกนำมาตีความใหม่ในไซส์ที่ใหญ่ขึ้นพร้อมมิติจากผิวสัมผัสแบบนูน ซึ่งยิ่งขับให้ดอกไม้สวยเด่นยิ่งขึ้น ส่วนหีบไอคอนิกรุ่นอื่นๆ เช่น picnic box ที่สร้างสรรค์ขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ก็ได้พัฒนาจนกลายมาเป็นหีบสำหรับใส่สัมภาระที่คนยุคมิลเลเนียลต้องการ ขณะที่ monogram eclipse sneaker box โดดเด่นด้วยดีไซน์คล้ายกับตู้โชว์รองเท้าคู่ไอคอนิก และ Malle Maison Vivienne บ้านตุ๊กตาพกพาที่เป็นหีบบรรจุ Vivienne มาสคอตตัวใหม่ของ Louis Vuitton
ตัวอย่างเหล่านี้คือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงการพัฒนาเทคนิค savoir-faire ของ Louis Vuitton และนวัตกรรมในการสร้างสรรค์ hard-sided ด้วยวิสัยทัศน์และการตอบโจทย์ความต้องการในการเดินทางของ Louis Vuitton จึงยังคงสามารถทลายขีดจำกัดใหม่ได้เรื่อยๆ ความคิดสร้างสรรค์สุดบรรเจิดจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากเทคนิคและความเข้มข้นจากบรรทัดฐานของเทคนิค savoir-Faire ที่ Asnières Atelier ผสมผสานขนบดั้งเดิมเข้ากับเทคนิคและเทคโนโลยีล่าสุด อย่างการพิมพ์แบบสามมิติ ได้เนรมิตกล่องใส่ข้าวของระดับตำนานห่อหุ้มอย่างประณีตแบบประเมิณมูลค่าไม่ได้ของเคส FIFA World Cup ปี 2018 ซึ่งชัยชนะนั้นไหลเวียนอยู่ในสายเลือดของ Louis Vuitton อย่างแท้จริง