ความล้ำลึกในแนวคิดที่จะนำเสนอแฟชั่นของ Alesandro Michele
Gucci Spring/Summer 2020 มาพร้อมความลุ่มลึกของปรัชญาการเมือง ที่อ้างถึงบทความของนักปรัชญาอย่าง มิเชล ฟูโกต์ เกี่ยวกับการเมืองระดับชีวภาพซึ่งมีอำนาจเหนือชีวิตและร่างกายของเรา Alesandro เชื่อว่าแฟชั่นสามารถจะเป็นยาแก้พิษให้กับสังคมได้ โชว์จึงเปิดด้วยกลุ่มโมเดลในชุด Straitjacket เป็นกิมมิกที่ยืนมาบนทางเลื่อน
สิ่งที่เขาต้องการสื่อคือคนเหล่านี้อยู่ในเครื่องแบบของการถูกกดดัน โดยนำรายละเอียดของ Straitjacket มาสร้างใหม่โดยใช้เข็มขัด แขนเสื้อที่ยาวกว่าปกติ เสื้อตัวหลวมโคร่งฯลฯ แต่เขาไม่ได้ให้เหล่าโมเดลถูกเสื้อที่สวมพันธนาการอย่างคนวิกลจริต ด้วยเวลาเพียงแค่นาทีกว่าๆ ที่เขาต้องการสื่อให้คนทราบว่าการเมืองชีวภาพได้สร้างความกดดันให้กับคนใต้การปกครอง สิ่งนี้จึงสื่อได้อย่างชัดเจนสุด และชั่วครู่เดียวไปทั้งห้องจัดแสดงดับพรึบมืดมิดพร้อมเสียงซ่าๆ เหมือนจอทีวีโบราณถูกดับกระทันหัน ก่อนที่ไฟจะสว่างจ้าอีกครั้งพร้อมเหล่าโมเดลที่เดินออกมาบนทางเลื่อนด้วยชุดของคอลเลกชั่นล่าสุดที่แท้จริง
แต่สิ่งที่สื่อออกมาว่าเครื่องแบบของกลุ่มคนที่ถูกระบอบปกครองกดขี่นั้นเหมือนการสวมใส่เสื้อพันธนาการตัวเองจากกฎระเบียบต่างๆ แฟชั่นที่เป็นยาแก้พิษของสังคมในส่วนต่อจึงมีแต่สีสันและรูปทรงที่หลุดพ้นจากกรอบทื่อๆ ตรงๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้าที่หรูหรา สีสันที่สวยงามสมกับเป็นฤดูร้อน โดยสุภาพบุรุษยังอยู่ในโครงของแฟชั่นเซเวนตี้ส์แต่ทว่าแหวกกฎเกณฑ์เดิมๆ กางเกงขาบานที่ทำให้ช่วงขาคนสวมดูยาวขึ้น รองเท้ามีส้นสูง รวมทั้งบู้ทที่มีดีไซน์หลากหลาย
ชุดสูทจะไม่อยู่ในขนบเดิมด้วยการใช้สีสันที่ต่างกันระหว่างแจ็คเก็ตกับกางเกงทั้งๆ ที่ใช้ผ้าเดียวกันเป็น Breaking suite ตัวในยังเป็นเชิ้ตที่หากสวมปล่อยชายจะยาวแจ็คเก็ตออกมาในระดับที่สวยเป็นสไตล์กุชชี่ แต่ถ้านำชายเชิ้ตเข้าในกางเกงก็จะเป็นชุดสูทปกติ นอกจากสูทแบบหนีขนบเดิม ก็มีสูทคลาสสิกที่มีรายละเอียดของปกที่ใหญ่ขึ้นหรือการเล่นช่วงไหล่ที่ดูแคบแต่คอปกกว้าง แต่ทำให้ตัวคนสวมดูเพรียว รวมทั้งการตกแต่งด้วยตราแบบ satorial ที่มีข้อความอย่าง Gucci Orgasmique และ Gucci Eterotopia ที่ประดับชายแขนเสื้อสูทและปลายขากางเกง อันเป็นนิยามการก้าวผ่านของดีไซน์ในคอลเลกชั่นนี้จากยุค 70’s ถึง 90’s
นอกจากสูทยังมีชุดเสื้อและกางเกงที่เข้าชุดกัน ตัดจากผ้าที่นำลวดลายมาจากอะไควฟ์ของกุชชี่ รวมทั้งดีไซน์ลวดลายใหม่ๆ จากตัว G ซึ่งแตจ่ละชุดมีลวดลายที่ไม่ซ้ำกันนี่คือความลักชัวรี่ หนึ่งชุดหนึ่งลายสำหรับสุภาพบุรุษ แม้แต่เนื้อผ้าก็ยังต่างกันแต่ไม่หนามากเหมาะจะสวมในฤดูร้อน ที่เท่สุดก็คือชุดเดนิมที่มีแจ็คเก็ตเข้าชุดกับกางเกงขาบานทั้งเสื้อและกางเกงตัดเย็บด้วยเทคนิคนำผ้าเดนิมต่างเฉดสีมาต่อลายกันด้วยเทคนิคที่แปลกกว่าแพตช์เวิร์คทั่วไป รวมทั้งการเดินเส้นกรอบที่เนี้ยบสมดังที่ว่าสำหรับกุชชี่แล้วเรื่องของ savoir fair เป็นเบสิกที่มีอยู่ในทุกชิ้นงานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเน้นย้ำมาก
ขณะที่คอลเลกชั่น ของสุภาพสตรีจะเน้นเนื้อผ้าที่โปร่งเบาบางที่ดีไซน์เป็นชิ้นๆ สวมทับกันทำให้เกิดซิลลูเอทใหม่ๆ นอกนี้ยังมีลูกเล่นของการเจาะฉลุบนผ้าเป็นลายกลีบดอกไม้ขนาดใหญ่ตกแต่งในส่วนต่างๆ ของชุด เล่นการทับซ้อนของของผ้าโปร่งหลากสีมาสร้าง volumn ให้กับทรงชุดต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจแบบ Sexy with strong attitude. นอกจากนี้ยังมีชุดแม็กซี่(กระโปรงยาวระพื้น)ที่ปักเลื่อมทั้งตัวเป็นลวดลายงดงาม
เครื่องประดับที่ทั้งชายและหญิงต้องมีของฤดูร้อนหน้าก็คือแว่นตาที่มีโซ่คล้องแว่นตาขนาดใหญ่ทำจากวัสดุสังเคาะห์น้ำหนักเบา(ยังไม่ยืนยันว่าขายแยกหรือขายเป็นชุดพร้อมแว่นตา) นอกจากนี้ยังมีพัดที่มาพร้อมซองใส่ดีไซน์สวยทำจากหนัง ซึ่งตัวซองมีดีไซน์เหมือนซองใส่แส้ม้า โดยเครื่องประดับประกอบโชว์ที่คาดว่าไม่น่าจะมีขายจริงก็คือแส้ม้าที่ทำจากเส้นไหมอ่อนนุ่มไม่ได้เป็นหนังแบบแส้ S&M แม้จะมีรูปทรงที่เชื่อมโยงกัน
แต่ที่แปลกและเก๋มากก็คือถุงมือและสายรัดต้นแขนที่มีช่องสำหรับสอดลิปสติก แต่ดูๆ ไปแล้วก็เหมือนซองถุงมือที่มีช่องใส่ลูกกระสุนสำหรับกีฬาไก่ฟ้า เป็นอีกหนึ่งชิ้นเด่นที่อาจจะมีจำหน่ายจริงหรือไม่ก็ต้องรอดูราวต้่นปีหน้า เพราะ runway กับ real way จะเชื่อมโยงแต่ก็มีความต่าง เหล่านี้คือแฟชั่นที่มาแก้พิษของสังคมที่ยังเวียนว่ายอยู่กับกฏเกณฑ์ต่างๆ แม้จะเป็นการฉีกกรอบเดิมๆ แต่ยังอยู่บนพื้นฐานความเท่ ทันสมัย และมีจิตวิญญานของกุชชี่
#GucciSS20 @gucci
@alessandro_michele #HommesThailand #LofficielHommesThailand