- Advertisement -

ถ้าหาก “Hellboy” ภาคใหม่เป็นภาครีเมคที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Hellboy ของ กิเยร์โม เดล โตโร แล้วละก็ ทำไมพวกเขาถึงเลือกใช้ชื่อซ้ำของเดิมแทนที่จะเปลี่ยนใหม่ “ไมค์ มิกโนล่า” ผู้เขียนคอมิค Hellboy ได้บอกกับนักข่าวว่าเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็มองเห็นว่ามันมีคุณค่าในเชิงของสัญลักษณ์ มันคือภาพยนตร์ที่ใช้นักแสดงชุดใหม่ทั้งหมด รวมทั้งผู้กำกับและเปลี่ยนวิธีการเล่าเรื่องแบบใหม่ ชื่อของหนังจึงเป็นเสมือนการจุดสัญญาณแห่งการเริ่มต้นใหม่สำหรับแฟรนไชส์หนังเรื่องนี้
“ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่พวกเขาไม่ได้เขียนชื่อตอนพ่วงลงไปท้ายชื่อหนัง” ไมค์ กล่าว “พวกเขาอยากให้ Hellboy เวอร์ชั่นนี้เป็นต้นกำเนิดของแฟรนไชส์ และการพ่วงชื่อตอนข้างท้ายก็จะทำให้คนดูเกิดความสับสนว่ามันคือภาคต่อของ Hellboy II: The Golden Army ที่สร้างโดย กิเยร์โม เดล โตโร ผมรู้สึกว่าการตั้งชื่อหนังโดยใช้แค่คำว่า ‘Hellboy’ เป็นการส่งสัญญาณแก่คนดูกลายๆว่านี่คือจุดเริ่มต้นของซีรีย์นี้ครับ”
โดยก่อนหน้านี้ Hellboy นำแสดงโดย รอน เพิร์ลแมน (Son of Anarchy) แต่ครั้งนี้ ผู้ที่เข้ามารับบท Hellboyคือ เดวิด ฮาร์เบอร์ นักแสดงที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาจากซีรีย์ชื่อดังของ Netflix Stranger Things กำกับโดย นีล มาแชล (The Descent) และเขียนบทโดย แอนดริว คอสบี้ (2 Guns)
[av_gallery ids=’20389,20388,20392,20395′ style=’thumbnails’ preview_size=’portfolio’ crop_big_preview_thumbnail=’avia-gallery-big-crop-thumb’ thumb_size=’portfolio’ columns=’5′ imagelink=’lightbox’ lazyload=’avia_lazyload’ admin_preview_bg=” av_uid=’av-46zyqm’]
นอกจากการค้นคว้าข้อมูลด้วยตัวเองแล้ว เดวิด ฮาร์เบอร์ ใช้เวลาศึกษาตัวละครของเขาโดยได้รับคำแนะนำอย่างใกล้ชิดจากผู้ที่รู้จัก Hellboy ดีกว่าใคร อย่าง ไมค์ มิกโนลา บิดาผู้ให้กำเนิดตัวละครฉบับคอมิคอีกด้วย “มีอยู่วันหนึ่ง ผมกับเขาได้พิมพ์ข้อความคุยหากันเป็นชั่วโมง ๆ จนทำให้ผมถึงกับต้องพูดกับเขาว่า ‘เพื่อน นี่เบอร์โทรผม คุณช่วยโทรหาผมแทนเถอะ’” ไมค์ กล่าว “หลังจากนั้นเราก็ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์อีก 2 ชั่วโมงครึ่ง ผมยังจำได้ว่าในตอนนั้นผมคิดอยู่ในหัวว่า ‘หวังว่าข้อมูลของผมจะไม่ทำให้การแสดงของเขาเสียศูนย์นะ เพราะเราคุยกันเยอะมากจริง ๆ’
Hellboy ภาคที่สองของ กิเยร์โม ไม่ได้เป็นภาคที่มาจากการดัดแปลงจากหนังสือคอมมิค เมื่อพวกเขารู้ว่า กิเยร์โม จะไม่ได้กลับมากำกับ Hellboy แล้ว พวกเขาจึงได้ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป จะสร้างต่อจากของเดิมหรือว่าจะเริ่มต้นใหม่ “พวกเราได้ปรึกษากันอยู่นานครับ” ไมค์ กล่าว “ในช่วงแรกพวกเรามีความเห็นว่าจะให้หนังเดินตามเส้นเรื่องเดิมที่กิเยร์โมได้สร้างเอาไว้แล้ว แต่ว่าการทำแบบนี้มันยุติธรรมกับผู้กำกับคนใหม่แล้วจริง ๆ หรือเปล่า ดังนั้นเราจึงตัดสินใจรีบูทมันครับ นีล มาร์แชล เป็นผู้กำกับหนังสยองขวัญ เราจึงเห็นพ้องกันว่าเราจะทำให้ Hellboy ภาคนี้ดูมีความดาร์คมากกว่าเดิม ถ้าคุณจะใช้งานคน ๆ หนึ่ง คุณก็ควรให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาถนัด เราจึงย้อนกลับไปทบทวนบทภาพยนตร์กันอีกครั้ง และตัดส่วนที่มีความเป็นหนังของกิเยร์โมทิ้งไป เพื่อทำให้มันเกิดความรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ Hellboy ของเดิมครับ”
[av_gallery ids=’20386,20387,20384,20393′ style=’big_thumb’ preview_size=’gallery’ crop_big_preview_thumbnail=’avia-gallery-big-crop-thumb’ thumb_size=’gallery’ columns=’5′ imagelink=’lightbox’ lazyload=’avia_lazyload’ admin_preview_bg=” av_uid=’av-bqoce’]
Hellboy นี้ได้รับการดัดแปลงมาจากเส้นเรื่อง 3 ส่วนของหนังสือคอมมิคที่ ไมค์ มิกโนลา ใช้เวลาเขียนถึง 5 ปี (วาดโดย ดันแคน เฟเกรโด) ได้แก่ Darkness Calls (2007),The Wild Hunt (2011) และ The Storm and the Fury (2013) “พวกมันเป็นผลงานชิ้นเอกของผมครับ” ไมค์ กล่าวถึงเส้นเรื่องทั้ง 3 ที่บอกเล่าการผจญภัยของ Hellboy การเผชิญหน้ากับต้นกำเนิดของเขา การต่อกรกับราชินีเลือด และจุดไคลแมกซ์ที่จะทำให้คุณละสายตาไปไม่ได้ เส้นเรื่องเหล่านี้ได้มีส่วนในการกำหนดโทนของเรื่องขึ้นมาใหม่ Hellboy ภาคนี้จะมีโทนของหนังที่แตกต่างไปจากหนังของ กิเยร์โม ที่ออกแนวสนุกสนาน มันจะเป็นหนังที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความตลกและความสยองขวัญ


“ในขณะที่ Hellboy ของกิเยร์โมจะออกไปทางแนวแฟนซี Hellboy ของนีลจะเป็นตัวละครที่ดูดาร์คและน่ากลัวมากกว่า ทั้งที่พวกเขาใช้อ้างอิงจากแหล่งเดียวกัน แต่การพัฒนาของตัวละครกลับไปในคนละทิศทางเลยครับ” ไมค์ กล่าว ถึงแม้ว่า ไมค์ จะใช้เวลาเพียง 5 วันในกองถ่ายสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ 4 วันในอังกฤษ 1 วันในบัลแกเรีย เขาก็ได้ใช้เวลาอันจำกัดได้อย่างคุ้มค่า ไมค์ได้กลายเป็นที่ปรึกษาให้กับคนในกองถ่ายและทำให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ มากมาย
“ตอนที่ผมเดินเข้ากองถ่าย Hellboy ผมมีความรู้สึกอย่างหนึ่งครับ ผมบอกได้อย่างเต็มปากเลยว่ามันทำให้ผมรู้สึกราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของหนังสือคอมมิคเลย ผมไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนั้นมาก่อนในชีวิตครับ บางฉากถึงกับทำให้ผมต้องหลุดอุทานว่า ‘แม่เจ้า!’ เลยด้วยซ้ำ เพราะว่ามันเหมือนในคอมมิคมากจริง ๆ ทั้งชุดเครื่องแต่งกายและองค์ประกอบอื่น ๆ มันเป็นประสบการณ์ที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนครับ” นีล กล่าว

https://www.youtube.com/watch?v=c3E6zKOuvMk
- Advertisement -