สมัยก่อนน้อยคนนักที่จะได้เป็นเจ้าของรถสปอร์ตสักคัน คำว่า ‘Sportcar’ จึงถือกำเนิดขึ้น ต่อมาเมื่อผู้ผลิตสามารถผลิตรถสปอร์ตได้มากขึ้น คำว่ารถสปอร์ตจึงพัฒนาไปสู่คำว่า ‘Supercar’ ถัดมาเมื่อบริษัทสามารถผลิตรถซูเปอร์คาร์ออกมาได้มากขึ้น บรรดาอภิมหาเศรษฐีต่างๆ ก็ต้องหาสิ่งที่ดีกว่าจึงเกิดคำว่า ‘Hypercar’ ขึ้นมาบนโลกเป็นครั้งแรกเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง คำว่า ‘Hypercar’ นี้ถูกนิยามขึ้นมาสำหรับรถสปอร์ตที่มีแรงม้าอยู่ที่ระดับ 1,000 แรงม้าและมีราคาค่าตัวอยู่แถวๆ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป ซึ่งเจ้ารถยนต์จากค่ายม้าลำพอง Ferrari น่าจะเข้าข่ายที่ว่านี้ได้ไม่ยาก
Ferrari 250 GTO
ในปี 1962-1964 ออกแบบโดย Giotto Bizzarrini และ Sergio Scaglietti ที่ผลิตออกมาเพียง 39 คันเท่านั้น รถคลาสสิกรุ่นนี้มีราคาตอนเปิดตัวในปี 1962 อยู่ที่ 18,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ปัจจุบันรถรุ่นนี้มีมูลค่าในการประมูลสูงถึง 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว

Ferrari 288 GTO
ในปี 1984-1987 ออกแบบโดย Leonardo Fioravanti ขณะที่เขาทำงานอยู่ที่สำนักออกแบบ Pininfarina รถรุ่นนี้ผลิตออกมาเพียง 272 คันเท่านั้น และถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในรถที่ถูกออกแบบมาได้สวยที่สุดในโลกอีกด้วย
Ferrari F40
ในปี 1987-1992 ออกแบบโดย Leonardo Fioravanti ขณะที่เขาทำงานอยู่ที่สำนักออกแบบ Pininfarina ด้วยจำนวนผลิต 1,311 คัน รถรุ่นนี้ถูกสร้างมาเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีของบริษัท สิ่งสำคัญที่ทำให้รถรุ่นนี้มีมูลค่าสูงมากขึ้นทุกวันก็เพราะนี่คือรถรุ่นสุดท้ายที่ Enzo Ferrari (ผู้ก่อตั้งบริษัท) เป็นผู้อนุมัติก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงในปี 1988
Ferrari F50
ในปี 1995-1997 ออกแบบโดยสำนักออกแบบ Pininfarina ผลิตออกมาเพียง 349 คัน รถคันนี้ใช้เครื่องยนต์ 4.7 ลิตร V12 ที่ถูกพัฒนามาจากเครื่องยนต์ของรถแข่งฟอร์มูลา 1
Ferrari Enzo Ferrari
ในปี 2002-2004 ออกแบบโดย Ken Okuyama นักออกแบบชาวญี่ปุ่น ขณะทำงานอยู่ที่สำนักออกแบบ Pininfarina ผลิตออกมาเพียง 400 คัน จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีรถแข่งฟอร์มูลา 1 มีการใช้โครงสร้างตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์และจานเบรกเซรามิกเป็นครั้งแรก
Ferrari LaFerrari Coupe/Ferrari LaFerrari Aperta
Ferrari LaFerrari Coupe ในปี 2013-2015 ผลิตออกมา 500 คัน และ Ferrari LaFerrari Aperta (เปิดหลังคาได้) ในปี 2016-2017 ผลิตออกมา 210 คันออกแบบโดยทีมออกแบบของ Ferrari เองภายใต้การดูแลของ Flavio Manzoni (หัวหน้านักออกแบบของ Ferrari) ชื่อ LaFerrari’ เป็นภาษาอิตาเลียนแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า TheFerrari’ รถรุ่นนี้ใช้ขุมพลังระบบไฮบริด เครื่องยนต์ V12 และมอเตอร์ไฟฟ้า ล่าสุดที่งานเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี LaFerrari Aperta สามารถทำลายสถิติการประมูลเพื่อการกุศลได้ถึง 8.3 ล้านยูโรเลยทีเดียว รถรุ่นนี้ถือว่าเป็นรถระดับ Hypercar รุ่นแรกของ Ferrari
Ferrari F60 America
ในปี 2014 ผลิตออกมาเพียง 10 คัน เพื่อเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 60 ปีที่ Ferrari เข้ามาทำตลาดในสหรัฐอเมริกา รถรุ่นนี้เป็นแนว Roadster สามารถเปิดหลังคาแบบ Soft Top ออกได้ ภายในตกแต่งพิเศษเป็น 2 โทนสี คือห้องโดยสารฝั่งคนขับเป็นสีแดงส่วนของฝั่งคนนั่งเป็นสีดำ สีตัวรถเป็นสีน้ำเงินคาดแถบสีขาวตามสีของทีมรถแข่ง North American Racing Team
Ferrari J50
ในปี 2016 ผลิตออกมาเพียง 10 คัน เพื่อเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 50 ปีที่ Ferrari เข้ามาทำตลาดในญี่ปุ่น สร้างสรรค์โดยทีมออกแบบของ Ferrari เอง โดยใช้รุ่น 488 Spider มาเป็นพื้นฐานในการออกแบบใหม่ หลังคาเป็นแบบ Targa ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ 2 ชิ้นซึ่งสามารถถอดเก็บไว้หลังเบาะได้ นับเป็น Ferrari อีกรุ่นที่สวยงามมาก
Ferrari Sergio
ในปี 2014 ผลิตออกมาเพียง 6 คันเท่านั้น ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถต้นแบบ Pininfarina Sergio ในปี 2013 ที่เปิดตัวในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ รถรุ่นนี้ถูกสร้างมาเพื่อแสดงความระลึกถึง Sergio Pininfarina ผู้ก่อตั้งบริษัท Pininfarina ที่เสียชีวิตไปในปี 2012 ด้วยอายุ 85 ปี โดยใช้พื้นฐานของรุ่น 458 Spider คันแรกถูกส่งไปที่ UAE ตะวันออกกลาง อีก 3 คันถูกส่งไปอเมริกา 1 คันไปญี่ปุ่น และคันสุดท้ายถูกส่งไปที่สวิตเซอร์แลนด์