เวลามีใครสักคนเอ่ยถึง “รัสเซีย” เรามักนึกถึงอะไร?

Share This Post

- Advertisement -

Magical Days in Moscow
ประเทศมหาอำนาจคู่รักคู่แค้นกับสหรัฐอเมริกา ชื่อเสียงของความหนาวเย็นอันรุนแรงในไซบีเรีย หรือวอดก้าน้ำใสที่คุณสมบัติรุนแรงจนทำให้เราสามารถหัวทิ่มแบบนิ่มๆ ได้ หรือแม้แต่ประธานาธิบดีปูตินผู้เกิดมาเพื่อสร้างสีสันให้กับเวทีการเมืองโลก

แต่ไม่ว่าเราจะนึกถึงอะไร ใคร อย่างไร รัสเซียยังคงเป็นรัสเซียที่มีสถาปัตยกรรมที่ดูหนักแน่น มั่นคง ใหญ่โต โอ่โถงกว้างขวาง แข็งแรงแต่แฝงไว้ด้วยความอ่อนช้อยงดงามด้วยการสอดแทรกจัดวางงานศิลปะลงไปบนวัสดุที่ทนทานต่อดินฟ้าอากาศได้อย่างลงตัวไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนพื้นดินที่แบ่งได้ถึง 11 Time Zone แผ่ยาวจากยุโรปถึงเอเชีย


โดยเฉพาะที่เมืองหลวงอายุกว่า 800 ปีอย่างมอสโก ถนนหนทางกว้างใหญ่จนไม่กล้าจับเวลาการกึ่งวิ่งกึ่งเดินในยามต้องข้ามถนน แต่ผู้นำในอดีตล้วนมีวิสัยทัศน์ในการออกแบบวางผังเมืองสมกับความเป็นมหาอำนาจของโลกมาก่อนได้อย่างน่าสนใจ วิสัยทัศน์ที่ส่งต่อจากอดีตถึงปัจจุบันทำให้มอสโกยังคงเป็นเมืองหลวงที่แม้จะไม่ได้เต็มไปด้วยสีสันฉูดฉาดของบรรดาตึกรามบ้านช่องอย่างเมืองต่างๆ ในยุโรปตามที่เรามักเข้าใจว่ารัสเซียมีความเป็นยุโรปมากกว่าเอเชีย (ซึ่งพลอยทำให้เรามีมุมมองความเข้าใจต่อคนรัสเซียคลาดเคลื่อนตามไปด้วย) แต่มอสโกกลับมีความยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ การเป็นศูนย์กลางของอำนาจที่น่าสนใจ สถาปัตยกรรมหิน บรอนซ์ การแกะสลักตามหน้าทางเข้าอาคารใหญ่ หรือแม้แต่ในสถานีรถไฟใต้ดินที่ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินการกับแหงนหน้ามอง
เพดานได้ไม่รู้เบื่อ


มอสโกเป็นเมืองหลวงที่อาจไม่มีบรรดาชาวต่างชาติมาอาศัยอยู่มากนักเมื่อเปรียบเทียบกับมหานครของโลกอย่างนิวยอร์ก ลอนดอน หรือโตเกียว แต่ในทางกลับกัน มอสโกเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ไม่ใช่แค่การกระจุกตัวของสถาปัตยกรรมอันเป็นแลนด์มาร์กในตัวเมืองที่เราคุ้นเคยเท่านั้น ด้วยจำนวนประชากรกว่า 13 ล้านคนที่ขับเคลื่อนเมืองให้มีชีวิตชีวาร่วมกับบรรดานักท่องเที่ยวที่สลับสับเปลี่ยนกันมาเป็นสีสันให้
กับเมืองแห่งนี้ ประกอบกับการเตรียมการ “ยกเครื่อง” ระบบสาธารณูปโภค การจราจรของเมืองเพื่อเตรียมต้อนรับการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2018 ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะจัดขึ้นในเมืองอื่นๆ ด้วย เช่น เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เยคาเตรินบุร์ก คาซาน ฯลฯ ถนนหนทางถูกจัดให้มีทางเดินเท้าที่ให้ความสะดวกมากขึ้น รถไฟใต้ดินวงใหญ่ขยายเสร็จและเปิดใช้แล้วทำให้การเชื่อมต่อเมืองชั้นในกับวงนอกประชากรที่อยู่อาศัยนอกเมืองจึงใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องรถติดเหมือนเช่นเคย ป้ายบอกทางภายในสถานีรถไฟฟ้ามีเป็นภาษาอังกฤษแล้วในบางจุด โดยเฉพาะใจกลางเมืองมอสโก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่ปี รถไฟฟ้าใต้ดินนับเป็นยาขมของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยแท้


ด้วยสายสัมพันธ์ที่มีรากฐานมานับร้อยปีระหว่างไทยกับรัสเซีย ความเป็น “ไทย” จึงทำให้คนรัสเซียชื่นชมไม่แพ้เบียร์สัญชาติไทย 
หรือสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอันดับหนึ่งอย่างพัทยาหรือภูเก็ต ที่ปัจจุบันมี
คนรัสเซียหนีหนาวมาฝังตัวตั้งรกรากทำมาหากินอยู่นับแสนคน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนยืนยันว่า ความนิยมไทยของคนรัสเซียนั้นอยู่ในระดับดีมาก การเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างคนสองประเทศจึงเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ภูมิอากาศหนาวติดลบของที่นี่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน–ปลายมีนาคม ทำให้คนรัสเซียนิยมหอบผ้าน้อยชิ้นไปรับแสงแดดอันอบอุ่นที่บ้านเรา ส่วนนักท่องเที่ยวคนไทยก็นิยมมาเยือนรัสเซียในเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ซึ่งจัดเป็นฤดูร้อน (ที่ไม่ร้อนสำหรับเรา) อุณหภูมิกำลังสบายๆ อยู่ที่ 10-16 องศาเซลเซียส ยิ่งตอนนี้การบินไทย สายการบินแห่งชาติของไทย กลับมาเปิดบริการกรุงเทพ-มอสโกอีกครั้ง ย่อมเป็นเครื่องยืนยันว่าแนวโน้มของโอกาสในการทำธุรกิจการค้าและการเดินทางระหว่างไทยกับรัสเซียนั้นมีลู่ทางสดใส

ที่มอสโกมีสนามบินหลัก 3 แห่งคือ Domodedovo (ดามาเดียดาวา), Sheremetyevo (เชอเรเมตเยวา) และ Vnukovo (วนุกกาวา) สายการบินไทยของเราบินไปลงที่สนามบินดามาเดียดาวา ดังนั้นเวลาเข้าเมืองสามารถใช้บริการ Airport Express ได้อย่างสบายๆ ค่าตั๋วรถไฟไม่เกิน 500 รูเบิล ตรงเวลา ใช้เวลาเข้าเมืองไม่เกิน 40 นาทีและไม่ต้องกังวลกับการจราจรที่ค่อนข้างสาหัสในช่วงเร่งด่วน เรามีประสบการณ์เกือบตกเครื่องบินมาแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมาเพราะติดอยู่บนถนนหลายชั่วโมง ลุ้นเกือบตาย


สำหรับเราแล้วการเดินทางมารัสเซียนั้นจัดว่าปีละ 1-2 ครั้งเป็นอย่างน้อยด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน คราวนี้ภารกิจหลักคือการแวะ
มาพบเพื่อนสาวชาวรัสเซียที่เคยร่วมเดินทางด้วยกันในไซบีเรียเมื่อปี 2013 ก่อนจะบินไปเมือง Irkutsk (เอียคุสต์) เมืองสำคัญในไซบีเรีย เพื่อมุ่งหน้าไปทะเลสาบ Baikal (ไบคาล) คุณ Irina Kharseeva ทำงานด้าน PR ให้กับสำนักข่าวใหญ่ของรัฐบาล Russia Today มาหลายปีแล้ว คุณอิริน่านั้นจบการศึกษาด้านอักษรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมอสโก เป็นนักเดินทางตัวยง แน่นอนว่าเธอตกหลุมรักเมืองไทยกับบรรดาเพื่อนชาวไทยที่ดูเหมือนว่าเป็นคนยิ้มง่าย สบายๆ ซึ่งแตกต่างจากบุคลิกภายนอกของคนรัสเซีย ดังนั้นการสนทนาพร้อมดื่มด่ำไวน์จากจอร์เจียกับเธอในร้านอาหารจอร์เจียน “Jon Joli” บนถนน Tverskaya จึงทำให้เราตระหนักว่าคนรุ่นใหม่อย่างเธอนั้นมีความตั้งใจในการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสังคมให้ก้าวหน้าขึ้นไปด้วยการทำงานในอาชีพหรือหน้าที่ที่เธอรับผิดชอบรวมไปถึงการรวมกลุ่มจัดตั้ง Spanish Club กับเพื่อนๆ เริ่มต้นจากงานอดิเรกที่มีอนาคตทางธุรกิจยาวไกล พร้อมไปกับโอกาส
ในการเดินทางที่เปิดกว้างมากขึ้นกว่าคนรุ่นพ่อรุ่นแม่หรือปู่ย่าตายายของเธอที่การเดินทางออกนอกประเทศเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ
จนดูเหมือนแทบจะเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย


หากมีเวลาสักสองสามวันในมอสโกตามแผน การเดินทางไปศึกษาชื่นชมความยิ่งใหญ่ในอดีตกาลของชาวรัสเซีย แน่นอนว่า แลนด์มาร์กหลักสำคัญ เช่น พระราชวังเครมลิน จัตุรัสแดง วิหารเซนต์เบซิล วิหารเซนต์ เดอ ซาร์เวีย ล้วนไม่ควรพลาด สิ่งที่เราจะเห็นควบคู่กันไปคือแฟชั่น
เมืองหนาวบนถนนกันไปเพลินๆ
สายของวันที่สองเราเดินเฉียดจัตุรัสแดงวันที่อุณหภูมิติดลบถึง 14 องศาเซลเซียส เพื่อไปลงรถไฟใต้ดินมุ่งหน้าไปสถานี Partizanskaya ด้วยเป้าหมายการไปเดินตลาด Izamailovsky แนะนำว่านักท่องเที่ยวที่อยากหาซื้อสินค้าของฝากจำพวกตุ๊กตาแม่ลูกดก หมวกและผ้าขนสัตว์ ผ้าทอพื้นบ้าน งานปัก นาฬิการัสเซียที่เราอาจไม่เคยรู้จักยี่ห้อมาก่อนแต่ดูแข็งแรงทนทาน งานเซรามิกจากบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน งานแกะไม้สน ฯลฯ นับว่าการเดินฝ่าหิมะจากสถานีรถไฟไปยังตลาดนั้นคุ้มค่ามาก เราได้ของที่ตั้งใจไว้กลับมาบ้าน


เมื่อกลับเข้ามาในเมืองควรหาเวลาแวะไปทานอาหารสักมื้อที่ Cafe Pushin ที่นี่เปิดบริการมานานกว่า 18 ปีตั้งอยู่บนเลขที่ 26-A 
ถนน Tverskoy เป็นคาเฟ่ที่สะท้อนความหรูหรา ด้วยอาหารรสชาติอร่อย ราคาค่อนข้างสูงแต่คุ้มค่ากับการบริการและความคิดสร้างสรรค์ของเชฟ แนะนำว่าขนมปังกับเนยนั้นเนียนนุ่มขั้นเทพ ควรค่าแก่การมาลอง ที่นี่เปิดบริการ 24 ชั่วโมงมานาน 15 ปีแล้ว น่าสนใจว่าใครหนอจะเดินฝ่าความหนาวเย็นมารับประทานอาหารกันทั้งวันทั้งคืน เท่าที่ถามไถ่มีส่วนที่เป็นบาร์ด้านบนมีดนตรีบรรเลงแสนไพเราะด้วย หากทานเสร็จแล้วสามารถเดินไปทานของหวานกับชาหรือกาแฟจากอาร์มาเนียได้ รสชาติดีราคาไม่สะเทือนกระเป๋าสตางค์


หากมีเวลาเหลือเฟืออยากแนะนำให้ไปชมงานศิลปะระดับโลกที่ The Pushkin State Museum of Fine Arts คราวนี้เราแวะไปชมนิทรรศการหมุนเวียนด้านหน้าโถงทางเข้า Main Hall ภัณฑารักษ์เลือกงานระดับโลกจำนวน 8 ชิ้น เช่น ปิกัสโซ่ โกแกง ฯลฯ จัดทำขึ้นเพื่อ
ผู้พิการทางสายตาให้ได้มีโอกาสชื่นชมงานศิลปะระดับโลกด้วยเทคนิคขึ้นรูปด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติเป็นครั้งแรก พร้อมกับเปิดโอกาสให้คน
ที่มาเยี่ยมชมใส่แว่นตาสีดำทึบแสงและทดลองสัมผัส เป็นความรู้สึกพิเศษมากเมื่อเราจินตนาการถึงรูปสัมผัสที่นูนมีทั้งเรียบลื่น สาก ฯลฯ 
งานนิทรรศการนี้ได้รับความนิยมจากผู้มาเยี่ยมเยือนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นอย่างมาก และถ้าจะต่อด้วย The State Tretyakov Gallery รับรองว่าเมื่อคุณเดินดูงานไปเรื่อยๆ คุณจะเข้าใจได้อีกขั้นหนึ่งว่าทำไมชาวรัสเซียถึงได้ภาคภูมิใจกับความยิ่งใหญ่ของเขามากและความหลงใหลในงานศิลปะได้หลอมรวมอยู่ในสายเลือดของคนที่นี่ไปแล้ว แต่ถ้าเวลาไม่พอ
ให้เลือกที่ใดที่หนึ่งรับรองคุ้มกับเวลาที่ใช้ไปแน่นอน หรือจะเดินชมสถานีรถไฟใต้ดินที่มีความหรูหรา อลังการ งานประติมากรรมที่มีเรื่องราวที่สะท้อนความเป็นโซเวียตในยุคคอมมิวนิสต์เข้มแข็งได้เป็นอย่างดี


จะว่าไปแล้วการแวะมาเดินเล่นที่มอสโกในช่วงเวลาสั้นๆ ได้พบปะผู้คนที่น่าสนใจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับน้องพี (พีรภูมิ วรสัตยาภรณ์) นักศึกษาแพทย์ในมหาวิทยาลัย Moscow State Medical and Dental ที่ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่แห่งนี้กว่า 5 ปีแล้ว ช่วยทำให้เราเข้าใจว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเมืองที่เขาอยู่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เป็นมิตรต่อชาวเมืองและนักท่องเที่ยวด้วยการมีป้ายบอกทางเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น ชาวรัสเซียในเมืองแห่งนี้สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้มากขึ้น และอีกหลายสัญญาณในทางบวก แม้ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของรัสเซียเข้าขั้นตกสะเก็ดจนทำให้ผู้คนทั้งเริ่มท้อและชินชา แต่ลึกๆ แล้วก็ยังคงฝากความหวังไว้กับท่านปูตินต่อไป

การกลับมาเยือนมอสโกแม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ในฤดูหนาวอันยาวนานที่อุณหภูมิระดับติดลบเลขสองตัว มุมมองที่เราเคยมีต่อมอสโกคราวนี้กลับรู้สึกพิเศษยิ่งขึ้น การเดินฝ่าหิมะและลมไปพร้อมๆ กับชมการประดับประดาตกแต่งต้นคริสต์มาส ตึกรามบ้านช่องประดับประดาไปด้วยไฟกระพริบ ร้านรวงต่างตกแต่งกันอย่างเต็มที่ช่วยทำให้คืนและวันอันหนาวเหน็บดูอบอุ่นใจอย่างประหลาด
ขอขอบคุณ: พ’รภูม‘ วรสัตย“ภรณ์

- Advertisement -