Sweet Smile + Sharp Attitude = Love Potion Number Nine
ไม่ต้องแปลกใจเลยที่ใครต่อใครต่างตกหลุมรักนาย – ณภัทร เสียงสมบุญ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
ของแม่หมู – พิมพ์ผกา เพราะหลังจากร่วมงานกับลอปติมัมกายคนนี้ ทีมงานเองก็อดตกหลุมรัก
ในความอ่อนโยน อ่อนน้อม และความคิดเกินวัยของหนุ่มน้อยหน้าหวานคนนี้ไม่ได้
เราเคยได้ยินกิตติศัพท์ความสุภาพอ่อนน้อม ความน่ารัก และเสน่ห์ของลอปติมัมกายบนปกของเรามาจากหลายสื่อ หลายสำนัก ทุกคนที่เคยได้ร่วมงานกับณภัทร เสียงสมบุญต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นอกเหนือไปจากใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์แล้ว ความคิดความอ่านและจิตใจของผู้ชายคนนี้ก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน
เสน่ห์สไตล์ลอปติมัม
“ดีใจมากเลยครับที่ลอปติมัมติดต่อมา” นายพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกปิดความดีใจไว้ไม่มิดในขณะที่จับจ้องจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังโปรเซสภาพที่เขาเพิ่งถ่ายเสร็จไปเมื่อสักครู่อย่างไม่วางตา เขาดูตั้งอกตั้งใจกับการถ่ายแบบครั้งนี้มากจนทีมงานประทับใจไปตามๆกัน “ผมชอบหนังสือลอปติมัมมากครับ ชอบสไตล์ลิ่งแบบนี้ ชอบความโดดเด่น ชอบการใช้กระดาษ ชอบสัมผัส ชอบไปหมดเลย ผมรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้มีความเป็นสุภาพบุรุษที่มีเสน่ห์สูง ผมเลยชอบตรงนี้ครับ” เราอมยิ้ม ก่อนถามว่าคิดว่าตัวเองเหมาะกับลอปติมัมไหม “เหมาะครับ เหมาะมากเลยครับ ผมไม่ปฏิเสธเลยแม้แต่นิดเดียว” นายรีบตอบทันที “ผมว่าผมคล้ายกับบุคลิกของหนังสือลอปติมัมตรงความเป็นสุภาพบุรุษแบบนิ่งๆ แต่ซ่อนความสนุกไว้อยู่ คือ ถ้าใครรู้จักผมจะรู้ว่าผมเป็นคนขี้เล่น ขัดกับภาพภายนอกของผมที่ดูนิ่งๆ เจอใครก็จะนิ่งไว้ก่อน ถ้าอยู่กับเพื่อนสนิท ก็มีแกล้งบ้าง ถือว่าขี้เล่นพอสมควรทีเดียว”
ความประทับใจของทีมงานที่มีต่อนายเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ก้าวแรก ที่เขาก้าวเข้าสตูดิโอมาพร้อมกับแม่หมู กิริยามารยาทอันอ่อนน้อม ทักทายทีมงานอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ถือตัว ตอบคำถามอย่างฉะฉานขัดกับบุคลิกที่เจ้าตัวออกตัวว่าขี้อายโดยสิ้นเชิง “ผมเป็นคนชอบทำกิจกรรมหลากหลายมากเลยครับ ทั้งเรื่องเรียนและหน้าที่การงาน เวลามีโอกาสเข้ามา ผมจะตั้งใจเต็มที่ ทุกอย่างที่ผมเลือกทำคือผมมีความสุขหมดเลยครับ ไม่มีใครบังคับให้ผมทำ พอผมต้องทำหลายอย่างพร้อมๆกัน เราก็จะโตกว่าคนอื่นในแง่ของความรับผิดชอบ ต้องทำ ทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังว่าตอนนั้นน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ดังนั้น เวลาทำงานผมจะตั้งใจมาก ไม่เล่นโทรศัพท์เลย ตั้งใจให้ออกมาดีที่สุดครับ ดังนั้น น่าจะเป็นเรื่องความรับผิดชอบ น่ะครับ ที่ทำให้ผมดูโตกว่าคนอื่น”
ชีวิตที่อยู่กับปัจจุบัน
นายเลือกเรียน Communication Design ที่วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ในวันที่เราได้สัมภาษณ์เขา เขาเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะแสดงงานธีสิสตัวจบของเขาที่ทุ่มเททำอย่างต่อเนื่องมากว่าปีเต็มที่สยามเซ็นเตอร์ แม้ว่านายจะเรียนและทำงานจนกระทั่งแทบไม่มีเวลาพักผ่อน แต่สีหน้าและแววตาของเขาก็มิได้ดูเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย “โปรเจ็กต์จบของผมเป็นโปรเจ็กต์ซีเอสอาร์ที่เราตกลงกันว่าจะทำเรื่องดีๆคืนสู่สังคม เป็นคำปฏิญาณของพระบิดามหิดล ที่จะนำความรู้ของตัวเองไปทำประโยชน์ให้ส่วนรวม นั่นเป็นคอนเซ็ปต์หลักของโปรเจ็กต์ จึงเกิดเป็นแคมเปญรณรงค์ให้คนรู้จักกฎไตรลักษณ์ นั่นคือ อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา” นายเล่าถึงธีสิสของตัวเองอย่างกระตือรือร้น แต่แววตากลับสงบนิ่งเกินวัยยี่สิบเอ็ดปี “กฎไตรลักษณ์คือธรรมชาติของชีวิต คือการเปลี่ยนแปลง เหรียญมีสองด้านเสมอ ความทุกข์เป็นเรื่องที่เราต้องเจออยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เราปรุงแต่งขึ้นมา จงอย่าไปยึดติดกับมันมากนัก ตายไปเราเอาอะไรไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเราเข้าใจและยอมรับสิ่งต่างๆเหล่านี้ เราจะรับมือกับปัญหาในชีวิตได้ดีขึ้นครับ”
หลังจากนั่งคุยกับนายได้สักพัก เราพบว่าคุณสมบัติอันโดดเด่นทะลุหน้าหล่อๆของเขา นอกเหนือไปจากความสุภาพอ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตนแล้ว การมองโลกในแง่บวกแบบตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริงฉายแสงผ่านทั้งสีหน้า แววตา และคำพูดเรียบนิ่งของเขา “คุณแม่ปลูกฝังเรื่องกฎไตรลักษณ์ให้ผมตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ผมเป็นคนค่อนข้างคิดบวก ผมเลยคิดว่าคงจะดีถ้าสามารถทำให้คนอื่นได้รู้เรื่องแบบนี้มาก แต่ถ้าเรานำเสนอแบบพุทธศาสนามากๆ คนอาจจะเบื่อ ผมจึงหาวิธี สื่อทางอ้อมผ่านคอนเซ็ปต์หนังสือสามเล่ม มีภาพถ่ายที่ผมถ่ายเอง เขียนเรื่องราวต่างๆที่สื่อถึงกฎไตรลักษณ์ด้วยตัวเอง ทำให้คนไม่นึกว่า นี่คือเรื่องของพุทธศาสนา ผมมีคอนเซ็ปต์แต่ละเล่มครับ ถ้าเล่าคงจะยาวมากแน่ๆ แต่เข้าใจง่ายๆคือผมเอาคำสอนมาตัดทอนให้สื่อสารได้ในสไตล์ของผม ออกแบบดีไซน์แบบโปรเกรสซีฟ จากมากไปหาน้อย เพราะผมมีภาพหนึ่งอยู่ในหัวคือ ถ้าคนเราหลงทาง จะเดินเป็นวงกลม แต่ถ้าเดินทางและใช้ชีวิตอย่างมีสติ เราจะเดินเป็นเส้นตรง ดังนั้น แต่ละเล่มจะถูกย่อยให้เข้าใจง่าย ดูสบายตา ในที่สุดก็ไปจบที่เนื้อหาแห่ง การให้กำลังใจครับ เพราะกฎไตรลักษณ์สอนให้เราอยู่กับปัจจุบันครับ ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดในตอนนี้ เราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ อนาคตก็ยังมาไม่ถึง เราไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยู่กับปัจจุบันดีที่สุดครับ”
คำพูดง่ายๆกับความเป็นจริงง่ายๆที่พวกเราอาจจะหลงลืมกันไประหว่างการใช้ชีวิตที่หลุดออกจากปากของนายทำให้เราเชื่อได้ไม่ยาก เพราะเขาจดจ่ออยู่กับการทำงานตรงหน้ากับเราโดยไม่มีทีท่ากังวลถึงเรื่องงานโชว์ธีสิสที่กระชั้นเข้ามา หรือแม้แต่มีทีท่ากังวลจะรีบกลับไปเรียนต่อแต่เช้าวันรุ่งขึ้นแต่อย่างใด
ความหลงใหลอันหลากหลาย
“หลังจากเรียนจบ ผมวางแผนไว้ว่าจะทำสิ่งที่ตัวเองชอบต่อไปครับ” นายยอมรับว่าเขาโชคดีกว่าคนอื่นที่รู้ตัวเร็วว่าตัวเองชอบอะไร ทำให้เขาไม่หลงทางในชีวิต แต่เดินตรงดิ่งเข้าไปเรียนคณะที่เขาชอบได้ทันที “เพราะสิ่งที่ผมชอบจะทำให้ผมมีความสุขในการทำงาน และทำให้ผมทำงานได้ดี สิ่งที่ผมชอบก็มีทั้งการแสดง ดนตรี กีฬา และกราฟิกดีไซน์ครับ ผมคงทำเรื่องพวกนี้ต่อไป แบ่งเวลากันไป แล้วแต่โอกาสของชีวิตครับ โอกาสคงไม่ได้เข้ามาบ่อยๆนัก ถ้าผมปล่อยอย่างใดอย่างหนึ่งผ่านไปก็คงจะน่าเสียดาย”
นายยืนยันว่าความชอบอันหลากหลายของเขานั้นเลือกไม่ได้เลยจริงๆ “ผมชอบกีตาร์เพราะคิดว่ามันเซ็กซี่ครับ ชอบทุกอย่างที่เป็นกีตาร์ รูปร่าง เสียง แต่ละตัวให้เสียงไม่เหมือนกัน กลิ่นของไม้ก็ต่างกันครับ ส่วนกอล์ฟนี่ผมชอบออกรอบตอนเย็นเป็นพิเศษ ช่วงเวลาใกล้พระอาทิตย์ที่ผมเรียกว่าเป็น Magic Moment ชอบกลิ่นหญ้า ชอบจังหวะที่หน้าไม้แฉลบดินขึ้นมา มีเสน่ห์มากเลยครับ” นายบรรยายภาพต่างๆในจินตนาการของเขาออกมาอย่างงดงามจนเราอดอมยิ้มตามไม่ได้ เราจึงกระเซ้าเขาว่าเคยคิดอยากจะเป็นนักเขียนบ้างไหม เพราะเขามีความสามารถในการเล่าเรื่องราวได้สุดแสนจะน่ารัก “ผมไม่ค่อยเก่งภาษาไทยครับ แต่ผมถนัดการคิดเป็นภาพ ดังนั้นผมจะสื่อสารออกมาในรูปแบบคอมมิวนิเคชั่นดีไซน์ หรือกราฟิกดีไซน์ที่ผมถนัดมากกว่าครับ”
อีกหนึ่งคุณสมบัติในตัวของนายคงจะส่งให้เขาประสบความสำเร็จทั้งในชีวิตและหน้าที่การงานอย่างแน่นอนคือความมุ่งมั่นตั้งใจจริง “ผมชอบอะไรที่มีเรื่องราวครับ เวลาจะทำอะไรสักอย่างนี่จะหาข้อมูลหนัก จนกระทั่งอินมาก พอทำงานจบ ก็เปลี่ยนไปอินเรื่องอื่นต่อ ทำให้ผมมีแรงบันดาลใจใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา เวลาผมทำอะไรผมทำจริง ทำทุกอย่างที่สุดไว้ก่อน แต่ที่สำคัญ ผมไม่กดดันตัวเองครับ เพราะความคาดหวังจะทำให้ทุกอย่างที่เราตั้งใจทำมาพังหมด ดังนั้น ผมจึงทำทุกอย่างเต็มที่สนุกกับทุกอย่าง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องยืดหยุ่นและให้อภัยตัวเองได้ด้วยครับ”
ส่งต่อแรงบันดาลใจ
“ผมชอบเพลงของพี่เล็ก ฮิวโก้ครับ เพราะเพลงของเขาไม่เกี่ยวกับความรักฟูมฟายทั่วไป แต่เป็นเพลงที่มีความหมายในแง่บวก เป็นคำสอนที่ดีมาก ส่วนคำพูดของเขาก็วิเศษมากเลยครับ” นายตอบเมื่อเราถามถึงไอดอลในใจของเขา “ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนตรงๆ รักในสิ่งที่เขาทำ เวลาเขา
อยู่บนเวที เขามีเสน่ห์มาก เป็นตัวของตัวเอง เขาเป็นแรงบันดาลใจ
ให้กับผมเลยครับ”
แล้วคิดว่าตัวเองจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครได้ไหมล่ะ เราถามต่อ “ถ้าเป็นได้ ผมจะดีใจมากเลยนะครับ เพราะผมได้ส่งต่ออะไรบางอย่างให้กับใครบางคน แต่ผมว่าคนที่เป็นไอดอลเขาไม่ได้คิดหรอกครับว่าเขาจะเป็นไอดอลอะไร เขาก็แค่ทำหน้าที่ของเขา พี่เล็กก็แต่งเพลง ทำให้คนฟังมีความสุข หลุดจากความทุกข์ นั่นคือการให้ในรูปแบบหนึ่ง เวลาผมเจอเขา ผมก็คือคนธรรมดาที่แสดงออกเลยครับว่าผมชอบเขา สั่นไปหมดเลย ถ้าสมมติว่าผมสามารถทำอะไรสักอย่าง แล้วส่งต่อสิ่งนั้นให้กับคนที่มีปัญหา มีกำลังใจในการใช้ชีวิตได้ ผมจะรู้สึกดีมากๆเลยนะครับ แต่ผมไม่เคยคิดหรอกว่าตัวเองจะเป็นไอดอล หรืออะไรอย่างนั้น ผมแค่อยากจะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดเท่านั้นเองครับ”
แต่นั่นคือความเป็นไอดอลนะ เราแย้งยิ้มๆ นายหัวเราะเขินๆ แล้วตอบว่า “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แต่ผมคิดเพียงว่า ผมนี่เป็นผู้รับ มาเยอะมาก ทั้งคุณแม่ ทั้งแฟนคลับ เวลาพวกเขามาหาผม ผมไม่สามารถให้อะไรพวกเขาได้เลยนอกจากรอยยิ้ม หลังๆผมเลยตั้งใจทำที่คั่นหนังสือ เขียนข้อความให้กำลังใจต่างๆไปให้แฟนคลับ เวลามีแฟนมีตติ้ง เพราะผมเองไม่สามารถไปให้กำลังใจเขาในตอนที่เขาต้องการได้ แต่พวกเขามาให้ผมได้ไง ผมเลยอยากจะตั้งใจทำอะไรบางอย่างให้พวกเขา และพอพวกเขาเอาสิ่งที่ผมทำไปโพสต์ แท็กผมมา ผมรู้สึกดีมาก ทำไมรู้สึกดีอย่างนี้ล่ะ ผมก็ค่อยๆเรียนรู้จากความรู้สึกนี้ ก็ต่อยอดมาเป็นโปรเจ็กต์จบของธีสิส ช่วยให้คนหลุดพ้นจากปัญหาที่อาจจะเจอ พอคนเข้าใจ ผมก็รู้สึกดี นี่คือสิ่งดีๆที่ผมเจอครับ”
เราจบการทำงานถ่ายแฟชั่นพร้อมสัมภาษณ์ด้วยรอยยิ้ม ทุกคน มีความสุขกับการทำงานในครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่พวกเราเรียนรู้อย่างชัดเจน ในชั่วโมงการทำงานสั้นๆนี้ก็คือ ทัศนคติที่ดีและการมองโลกในแง่ดีนี่สามารถติดต่อได้จริงๆ นายได้พิสูจน์ความจริงข้อนั้นแล้ว และพวกเรา ก็ดีใจที่ได้มีโอกาสรู้จักและซึมซับทัศนคติดีๆของนาย พวกเราหวังว่าทัศนคติเหล่านั้นจะสามารถส่งต่อถึงผู้อ่านลอปติมัมได้ผ่านทั้งภาพถ่ายและบทสัมภาษณ์ชุดนี้