Will the Formula One finally become exciting again?
การวางมือของ Bernie Ecclestone (เบอร์นี เอเคลสโตน) ซึ่งเป็นกูรูและผู้สนับสนุนรายใหญ่มากว่า 35 ปี ถือเป็น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการแข่งขันรถ F1 ในส่วนของการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ ผู้ชมจะได้พบกับรถแข่งที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่าที่เคยมีมาด้วยยางล้อหลังขนาดใหญ่ สปอยเลอร์ท้ายที่ต่ำลงและตัวรถที่มีลวดลายดึงดูดใจมากขึ้น การปรับลุคใหม่แบบนี้จะทำให้การเข้าโค้งรวดเร็ว และมีรสชาติยิ่งขึ้นเนื่องมาจากกติกาทางเทคนิคอันใหม่ที่มีการอนุโลมเพื่อให้การแข่งขันรายการ กรังด์ปรีซ์เร้าใจมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปรับภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่การจำลองการแข่งขันยังทำให้เห็นว่าระยะเวลา ต่อรอบจะมีการพัฒนาขึ้นโดยเฉลี่ย 4-5 วินาทีในฤดูกาลนี้ บรรดานักแข่งเฝ้ารอคอยที่จะฝ่าความเจ็บปวดทางกายจากการขับขี่รถแข่งของพวกเขาพอๆกับที่ช่างเครื่องยนต์พยายามที่จะให้กลไกเครื่องยนต์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ในช่วงฤดูหนาว ต่างคนต่างจะประชันเครื่องยนต์เกือบ 1,000 แรงม้า ยางรถและ สปอยเลอร์ขนาดใหญ่ขึ้นทำให้เพิ่มแรงต้านความลู่ลมและลดความเร็วในจุดปล่อยตัว 18 – 24 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง การเข้าโค้งจะเป็นช่วงที่นักแข่งจะรู้สึกถึงสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น พวกเขาจะต้องทนกับแรงต้านจากด้านข้างมากกว่าที่เคยเป็น (5 เท่าของน้ำหนักตัว) จะเกิดลักษณะเดียวกันในขณะเบรกซึ่งจะใช้เวลาน้อยลงเนื่องจากการเกาะยึดเชิงกลที่ดีขึ้น นักแข่ง 20 คนที่จะเข้าแข่งขันชิงแชมป์โลก F1 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมเป็นต้นไป ต้องเข้าโปรแกรมฝึกความแข็งแกร่งทางร่างกายในช่วงหน้าหนาวนี้ที่แทบจะเข้มข้นราวกับฝึกทหารเพื่อเตรียมความพร้อมกล้ามเนื้อโดยเฉพาะส่วนคอและแขน สำหรับคนที่ยังไม่ฟิตเต็มที่ก็จะได้เผชิญกับวันอาทิตย์อันยากลำบาก ด้วยช่วงของการเบรกที่ลดน้อยลงจะทำให้นักแข่งรถแซงกันได้ยากขึ้นถึงกระนั้น การขับเคลื่อนรถได้อย่างมีทักษะเช่นนั้นไม่เพียงแต่จะสร้างความโดดเด่นเท่านั้นหากแต่ยังทำให้เกิด แรงเสียดทาน ข่าวดีอีกข้อหนึ่งคือกรรมการการแข่งขันจะลดความเข้มงวดลงและยกเลิก บางจุดโทษที่เคย เอาโทษผู้แข่งขันในหลายๆ ฤดูกาลที่ผ่านมาเอาใจผู้ชมในด้านธุรกิจ ภายหลังการวางมือของเบอร์นี เอเคลสโตน ผู้ครองรายการ F1 มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1980 กลุ่มนายทุนอเมริกันเจ้าของ Liberty Media ที่ซื้อรายการนี้มาในราคา 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยใช้เงินกองทุนลงทุนของ CVC Capital Partners ตั้งใจจะปรับ การแข่งขันให้ทันสมัยมากขึ้น และขยายกลุ่มผู้ชมให้กว้างขึ้น ในลำดับแรก Liberty Media มีเป้าหมายที่จะให้ผู้ชมหันมาติดรายการแข่งรถ F1 โดยการถ่ายทอดรายการทางโทรทัศน์ซึ่งหยุดไปเมื่อหลายปีมาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นักธุรกิจที่บริหารจัดการการแข่งรถระดับโลกนี้ต้องการมองหาแหล่งเครือข่ายทางสังคมซึ่งเจ้าของและผู้บริหารชุดเก่าไม่เคยคำนึงถึง พวกเขาหวังที่จะดึงดูดผู้ชมวัยหนุ่มสาวกว่ากลุ่มเดิมให้หันมาสนใจการแข่งขันเช่นกันในขณะที่มีการแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ทางอินเตอร์เน็ต การขยาย และทำให้กลุ่มผู้ชมมีความหลากหลายขึ้นมีวัตถุประสงค์ สำคัญที่จะโน้มน้าวเชิญชวนให้ผู้ผลิตยานยนต์รายใหม่ๆ หันมาลงทุนในรถ F1 ซึ่งคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่ยังกล้าเนื่องจากการทำทีมนั้นใช้เงินลงทุนสูง ในขณะเดียวกัน Liberty Media ก็กำลังศึกษาหาวิธีในการกระจายรายได้ ที่ดีขึ้น ด้วยความช่ำชองด้านการตลาดในวงการกีฬาและประสบการณ์อันโชกโชนในโลกธุรกิจ ทีมงาน ชาวอเมริกันชุดใหม่นี้เชื่อมั่นว่าพวกเขาจะสามารถ ตรึงเสน่ห์และความน่าดึงดูดใจของการแข่งขันรถ F1 ไปตลอดศตวรรษที่กำลังมาถึง