คุณรู้อะไรเกี่ยวกับหนุ่มเจมส์คนนี้บ้าง? เขาปรากฏตัวบนจอแก้วเป็นครั้งแรกในบทบาทของหม่อมราชวงศ์พุฒิภัทร จุฑาเทพในซีรีส์ชุด ‘สุภาพบุรุษจุฑาเทพ’ กับบทบาทคุณหมอสุดน่ารัก คุณจำเขาได้จากบทบาทนั้นใช่ไหม? เรารู้น่ะ บอกได้เลยว่านั่นคือบทบาทที่ทำให้เขาแจ้งเกิดในวงการบันเทิงไทยอย่างเป็นทางการ เรียกได้ว่าดังเปรี้ยงปร้างยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ ต่อมา เขาก็ปรากฏตัวบนจอภาพยนตร์ด้วยบทของแทนจากเรื่อง ‘Timeline จดหมาย ความทรงจำ’ และเราคุ้นหน้าคุ้นตาเขาจากการเป็นพรีเซนเตอร์และแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้สินค้าหลากหลายประเภท ปฏิเสธไม่ได้ล่ะสิว่าคุณเองก็ซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย
ขึ้นปกลอปติมัมอีกครั้ง
ในวันที่เราได้รับคำยืนยันว่าเจมส์ – จิรายุ ตั้งศรีสุข ผู้ที่รับบทบาทเป็นบรรณาธิการคอลัมน์ Journey ให้กับลอปติมัม (ติดตามผลงานของเจมส์ได้ในลอปติมัมฉบับเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ – มีนาคม 2017) จะมาขึ้นปกนิตยสารลอปติมัมให้เราอีกครั้ง (เจมส์เคยขึ้นปกเราไปแล้วเมื่อเล่มเดือนตุลาคม 2015) ทีมงานรู้สึกดีใจที่จะได้ทำงานร่วมกับซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของเมืองไทยคนนี้อีกครั้งหนึ่ง และในครั้งนี้ เราเลือกที่จะถ่ายภาพชุดนี้ที่เยาวราชยามค่ำคืนและโรงแรม Shanghai Mansion กลางเยาวราชเป็นโลเคชั่นหลัก แค่คิดล่วงหน้าถึงความวุ่นวายของเหล่าแม่ยกและคนเดินถนนเยาวราชที่จะเห็นเจมส์ทำงานเราก็อดที่จะทั้งหวั่นใจและตื่นเต้นไปล่วงหน้าไม่ได้
ก่อนวันถ่ายทำ สไตล์ลิสต์ของเราเตรียมหาชุดตามคอนเซ็ปต์ I am B(l)ack! ของโทรศัพท์มือถือ OPPO รุ่น R9s Black Edition ที่เจมส์จะใช้เป็นพร็อพสำคัญของเล่มนี้ เน้นที่ตัวตนอีกด้านของเจมส์ แต่เราก็ไม่ลืมหยอดด้านน่ารักน่าเอ็นดูที่พวกเราคุ้นชิน (ทั้งจากหน้าจอ และจากประสบการณ์การทำงานร่วมกับเจมส์ในครั้งที่แล้ว) เข้าไปในแฟชั่นเซ็ตครั้งนี้ด้วย พวกเราไปถึงโรงแรม Shanghai Mansion ตั้งแต่แดดยังไม่ร่มเพื่อเตรียมตัวรอถ่ายแสงกลางคืน เจมส์ปรากฏตัวตามเวลานัดเป๊ะ เขาไหว้ทุกคนที่เขาเดินผ่าน (นี่คืออีกหนึ่งคุณลักษณะ น่ารักที่พวกเราจำเขาได้ ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้งแล้ว) และขอตัวเข้าไปล้างหน้าล้างตัวสักพัก ก่อนจะออกมานั่งแต่งหน้า พร้อมให้พวกเราสัมภาษณ์และแต่งตัวให้อย่างรวดเร็ว
ก่อนที่เจมส์จะมาที่กองของเรา เขามีงานตั้งแต่เช้า และเหตุผลที่เขาขออนุญาต(ด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจทีมงานที่นั่งอยู่)ไปล้างหน้าล้างตัวก่อนนั้น เพราะเขาเพิ่งจะฝึกซ้อมเต้นเสร็จมาหมาดๆนั่นเอง เรามองเขาที่กำลังนั่งแต่งหน้าทำผม พร้อมหยอกล้อกับทีมงานที่เขาคุ้นเคยอย่างเป็นกันเองแล้วแอบอดทึ่งและชื่นชมกับความเป็นมืออาชีพของดาราหนุ่มวัยยังไม่เบญจเพศคนนี้ไม่ได้
“ผมไม่ได้หายไปจากวงการหรอกครับ” เจมส์ตอบอย่างอารมณ์ดีเมื่อเราถามไถ่ถึงสารทุกข์สุกดิบ “แต่ผมหายไปถ่ายละคร เลยอาจจะไม่ค่อยเห็นผมอยู่หน้าเวทีบ่อยนัก แต่ก็มีละครเรื่องบ่วงหงส์ที่เพิ่งจบไปไงครับ ก่อนหน้านั้นก็มีละครเรื่องปดิวรัดา และกำลังจะมีละครอีกสองเรื่องที่ถ่ายทำอยู่ครับ”
คอนเซ็ปต์ I am B(l)ack! ในครั้งนี้กินความหมายหลากหลายมาก ทั้งการกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งบนหน้าปกลอปติมัมของเจมส์ด้วยลุคที่นิ่ง สุขุมมากขึ้น เป็นผู้ชายที่มีดาร์กไซด์ ดูสุขุมและคูลขึ้น และการประกาศตัวเป็นพรีเซนเตอร์คนไทยให้กับแบรนด์มือถือระดับโลกอย่าง OPPO รุ่น R9s Black Edition เมื่อเราถามเขาถึงความรู้สึกที่ได้รับเลือกให้เป็นพรีเซนเตอร์คนไทยให้กับ OPPO เจมส์ก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “โอ้โห … ตอบได้เลยครับว่าดีใจมาก คือ ดีใจจริงๆเลยล่ะครับ เพราะก่อนหน้านี้ ผมนั่งดูทีวี เห็นพี่ลี มิน โฮ (พรีเซนเตอร์ชาวเกาหลีที่รับหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ในประเทศไทยมาก่อนหน้านี้) เดินไปเดินมา เดินออกทีวีตลอดเวลา ถือมือถือ OPPO มาวันนี้ ผมได้เป็นพี่ลี มิน โฮบ้าง ผมก็ต้องดีใจใช่ไหมครับ” เขาจบบทสนทนาด้วยเสียงหัวเราะ และแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ เราจับได้ไม่ยากว่าเขารู้สึกดีใจและภูมิใจในตัวเองไม่น้อยทีเดียว
หลากตัวตน หลายบทบาท
เมื่อการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอเบื้องหลังเริ่มต้น เจมส์ก็ทำให้ทีมงานประทับใจอีกครั้งหนึ่งกับความเป็นมืออาชีพของเขา การทำงานกับเจมส์ไม่ใช่เรื่องยากเลย เจมส์รู้ตัวดีว่าเสน่ห์ของตัวเองอยู่ตรงไหน บทบาท ณ ขณะที่ทำงานอยู่คืออะไร และสามารถถ่ายทอดและนำเสนอตัวตนและมุมมองของตัวเองออกมาได้อย่างน่ารักเปี่ยมเสน่ห์ เมื่อเราเข้าไปแทรกถามถึงคาแรกเตอร์ของโทรศัพท์รุ่นที่เขาถือระหว่างถ่ายแบบ กับตัวตนของเขา เขาตอบยิ้มๆ “จริงๆแล้ว โทรศัพท์เครื่องนี้น่าจะถ่ายทอดอีกมุมหนึ่งในชีวิตของผมที่ดาร์กๆหน่อย เท่ๆ คูลๆ แต่ผมอาจจะไม่ค่อยได้แสดงออกมุมนี้มากนักน่ะครับ”
เราอมยิ้มพลางนึกไปถึงตอนที่ได้ร่วมงานกับเจมส์ในฐานะบรรณาธิการรับเชิญคอลัมน์ Journey ที่ทีมงานส่วนหนึ่งของเรา ร่วมเดินทางไปถ่ายทำคอลัมน์กับเขาไกลถึงเมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทุกคนประทับใจกับความกระตือรือร้น และความสดใสของเจมส์ รวมไปถึงความตั้งใจจริงที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองให้กับผู้อ่านลอปติมัมกันทั้งนั้น “บทบาทบรรณาธิการรับเชิญเป็นบทบาทที่น่าตื่นเต้นมากเลยครับ ผมชอบเที่ยวและถ่ายรูปอยู่แล้ว ผมคิดว่าชีวิตหนึ่งคงไม่ได้มีโอกาสได้ไปทริปแบบนี้แน่ๆ เพราะประเทศนี้ไม่น่าจะอยู่ในรายชื่อของประเทศที่อยากไป แต่พอได้ไปสัมผัสจริงๆแล้วพบว่าคนที่นั่นใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง เป็นชีวิตที่หรูหรา ใครได้ไปใช้ชีวิตในที่แบบนี้นี่ต้องเท่มากๆเลยนะครับ ผมว่า”
ไหนๆเจมส์ก็เอ่ยถึงความเท่มาแล้ว เราขอให้เจมส์นิยามความเท่ในแบบเจมส์ให้เราฟังหน่อย “ผมว่าคนที่เท่ในสายตาของผม คือคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และมีความเป็นสุภาพบุรุษสูงมากๆครับ เมื่อเขามีลักษณะแบบนั้น เขาจะเป็นคนที่น่ารัก น่าค้นหา และน่า เข้าใกล้ครับ” แล้วคิดว่าตัวเองเท่ตรงไหนล่ะ เรายิงคำถามต่อ เจมส์หัวเราะเขินๆ พลางตอบว่า “นี่ยากที่สุดแล้วครับ เป็นคำถามที่ตอบยากมากจริงๆ ผมอาจจะตอบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ในความคิดของผม สิ่งที่ผมชอบตัวเองมาก และชอบชมตัวเองว่าเท่คือ … ปกติไม่ค่อยมีคนเขาชมตัวเองใช่ไหมครับ แต่ผมชอบชมตัวเองในเรื่องนี้จริงๆคือเรื่องที่ผมชอบและรักที่จะทำให้คนอื่นมีความสุขครับ ผมเห็นคนอื่นมีความสุข ผมก็ดีใจแล้ว เท่านี้ผมก็เท่มากแล้วครับ ในสายตาตัวเอง”
เราฟังแล้วอดอมยิ้มตามเจมส์ไปด้วยไม่ได้ แต่เราก็อยากฟังตัวอย่าง ‘ความเท่’ ที่เจมส์แสดงออกต่อคนรอบข้างอย่างเป็นรูปธรรม ดูสักครั้ง เจมส์ตอบโดยไม่ต้องคิดเลย “ผมไม่ค่อยได้ทำอะไรเซอร์ไพรส์ให้ใครหรอกครับ แต่สิ่งที่ผมทำแล้วเห็นว่าคนอื่นมีความสุขคือ เด็กผู้ชายอย่างเราไม่ค่อยจะกล้าแสดงความรักต่อพ่อแม่ใช่ไหมครับ คือ แสดงกับคุณแม่ยังพอได้บ้าง แต่กับคุณพ่อนี่มีเขินอายครับ เพราะเราเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ล่าสุด เทศกาลสงกรานต์ ผมกลับบ้าน ไปรดน้ำดำหัวคุณพ่อกับคุณแม่ ดูท่านมีความสุขมาก ดูภูมิใจในตัวเรามาก ผมก็รู้สึกดีมากเลยครับ และการทำอะไรบางอย่างให้แฟนคลับ อย่างเช่นการเอาใจใส่พวกเขา ใส่ใจว่าพวกเขาอยากเห็นเราในบทบาทไหน ผมว่านี่ก็เพียงพอแล้ว เท่านี้ผมก็มีความสุขมากแล้วครับ”
เจมส์ย้ำหลายครั้งว่าเขาชอบงานทุกอย่างที่เขาทำอยู่ ทั้งงานแสดง งานดนตรี เดินสายโชว์ตัว เขียนหนังสือและถ่ายรูป เพราะสิ่งที่เขาทำอยู่คือสิ่งที่เขารักและถนัด “พอโตขึ้น ผมก็ยิ่งอยากจะทำให้ดีที่สุดในทุกๆด้าน ทุกๆงานที่ผมทำออกไป ผมอยากให้ทุกคนมีความสุขครับ”
จังหวะชีวิตผ่านเสียงดนตรี
“เครื่องดนตรีที่ผมเล่นเป็นมีเบสกับกีตาร์ครับ เปียโนเล่นได้นิดหน่อย” เจมส์หัวเราะเสียงใสพร้อมทั้งฮัมเพลง Somewhere Over the Rainbow ให้เราฟังเบา “ผมชอบเล่นกีตาร์และร้องเพลงไปด้วยครับ เพลงที่ชอบร้องจะเป็นเพลงง่ายๆ ผมชอบร้องเพลงทุกแนวเลยนะครับ ไล่มาตั้งแต่ไทยสากล เพลงสากล สตริง ไปจนถึงเพลงลูกทุ่งเลยครับ”
นั่นทำให้เราย้อนนึกถึงภาพความประทับใจครั้งที่เจมส์รับหน้าที่ปฏิบัติภารกิจเป็นบรรณาธิการรับเชิญให้กับลอปติมัมที่อาบูดาบี คืนหนึ่งกลางทะเลทราย ทุกคนพูดคุยกันอย่างออกรส เจมส์ขับกล่อมทีมงานของเราด้วยกีตาร์โปร่งและเสียงหวานใสของเขา ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะต้องถ่ายวิดีโอกลับมาเพื่อแบ่งปันความน่ารักและอบอุ่นในคืนนั้นให้แฟนคลับของเจมส์ได้เห็นบ้าง
นอกเหนือไปจากกีตาร์แล้ว มีคนแอบกระซิบมาว่า แท้จริงแล้ว เจมส์เล่นเบสเก่งมาก “ครับ ผมเคยเล่นเบสในวงมาสมัยเด็กๆครับ เล่นตั้งแต่มัธยมหนึ่งจนจบมัธยมปลาย คือ ผมกับเพื่อนๆตั้งวงด้วยกัน แล้วไม่มีใครเล่นเบส ผมเลยได้เล่นไป แต่จริงๆอยากเล่นกีตาร์มากกว่า ตอนเล่นใหม่ๆไม่ค่อยชอบหรอกครับ ยังตัดใจจากกีตาร์ไม่ได้ แต่พอเล่นไปเล่นมา รู้สึกสนุกดี และรู้สึกว่าตัวเองเท่ดีครับ เลยเล่นกับวงมาเรื่อยๆ แต่ยังไงๆผมก็ชอบเล่นกีตาร์และร้องเพลงมากกว่าอยู่ดีครับ รู้สึกเป็นกิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุขครับ”
นอกเหนือไปจากเสียงดนตรีที่ควบคุมจังหวะชีวิตของเขาแล้ว เจมส์ยังบอกว่า ถ้าหากเขามีเวลาว่าง เขาอยากจะไปเที่ยวแบบลุยๆ อย่างไปปีนเขา ไปถ่ายรูป มีเพียงเขากับกล้องหนึ่งตัวเท่านั้น “ผมอยากไปประเทศอินเดียครับ เป็นประเทศที่ไม่เคยไปเลย แต่ถ้าเป็นแพลนใกล้ๆ ผมอยากจะไปปีนภูเขาไฟฟูจิภายในปีนี้ให้ได้ครับ”
เราเห็นแววตาและความมุ่งมั่นของเขาที่สื่อผ่านออกมาหาเรา ทั้งระหว่างการสัมภาษณ์ และการถ่ายแบบท่ามกลางความวุ่นวายของเยาวราชยามค่ำคืนแล้ว เรารู้ได้เลยว่าจะกี่ปีต่อกี่ปี เด็กหนุ่มคนนี้น่าจะยืนหยัดอยู่คู่กับวงการบันเทิงไทยไปได้ดีด้วยความเป็นมืออาชีพ ทัศนคติอันดี และความตั้งใจดีของเขา ดังนั้น เราจึงไม่แปลกใจเลย ที่วันนี้ James is B(l)ack! อย่างสวยงามและคูลกว่าเดิม