ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสเป็นไปตามคาด ไม่หักมุมพลิกโผเหมือนมหาอำนาจฝั่งอเมริกาที่ทำเอาคนครึ่งโลกอึ้ง ทึ่ง เสียว แต่นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีคนใหม่ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสก็มาพร้อมกับนโยบายและเรื่องซุบซิบที่เผ็ดร้อนพอดู ณ ตอนนี้คุณอาจรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับภรรยาที่แก่กว่าถึง 20 ปี มากกว่าเคมเปญหาเสียงและนโยบายของเขาเสียอีก ทันทีที่ประกาศว่า มาครงได้ชัยชนะ ทีมงานลอปติมัมก็เร่งหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาทั้งเชิงตื้นเชิงลึกเพื่อสรุปมาให้คุณผู้อ่านได้ทำความเข้าใจ และพอเห็นภาพฝรั่งเศสในอีก 5 ปีต่อจากนี้
ชายหนุ่มรูปหล่อ
หลายสำนักกล่าวว่า หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้มาครงชนะก็เพราะเสน่ห์ส่วนตัวของเขา เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างครูและลูกศิษย์จนก่อเกิดเป็นรักแท้สร้างภาพให้นายมาครงกลายเป็นนักการเมืองหนุ่มอายุน้อยแสนโรแมนติกที่ปักใจรักผู้หญิงคนเดียวมาหลายสิบปี เขาและภรรยาพบกันในวิชาการละคร นอกจากจะหลงรักอาจารย์สาวแล้ว มาครงยังหลงรักการแสดงถึงขั้นที่เคยไปคัดตัว ด้านประวัติการศึกษา นายมาครงจบปริญญาตรีสาขาวิชาปรัชญา และรักการเขียนกาพย์กลอนเป็นชีวิตจิตใจ แล้วมันส่งผลต่อการเป็นประธานาธิบดีอย่างไร ? แน่นอนว่าเขาใช้ทักษะการแสดงและวรรณศิลป์เพื่อปราศรัยหาเสียง จนกินใจคนหมู่มากในฝรั่งเศส แต่ทักษะเหล่านี้จะเพียงพอหรือไม่ยามต้องลงมือบริหารประเทศ ไม่มีใครตอบได้
สนับสนุนสหภาพยุโรป
นโยบายของมาครงสนับสนุนให้ฝรั่งเศสยังคงอยู่ในสหภาพยุโรป และกระชับความสัมพันธ์ในเชิงเศรษฐกิจกับประเทศสมาชิกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แนวคิดนี้สร้างความไม่มั่นใจแก่หลายภาคส่วน เพราะความอ่อนแรงของสหภาพยุโรปในขณะนี้ จุดแตกหักแรกเริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2007 ที่ประเทศกรีก หนึ่งในสมาชิกสหภาพยุโรปติดหนี้จนต้องขอความช่วยเหลือจากสหภาพฯ ก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างสมาชิกว่า จำเป็นจะต้องเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือกรีกหรือไม่ อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบมากคือการที่สหราชอาณาจักร หนึ่งในมหาอำนาจ ประกาศถอนตัวจากสหภาพยุโรป ในขณะที่นางแองเจลา เมอร์เคิลนายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวสนับสนุนว่า “เขา (มาครง) นำเสนอนโยบายที่สนับสนุนสหภาพยุโรปอย่างกล้าหาญ และยืนหยัดเพื่อความเปิดกว้าง” ซึ่งแน่นอนว่า จะส่งผลดีต่อสหภาพยุโรปโดยรวม นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า มาครงปรารถนาจะกระชับความสัมพันธ์กับเยอรมนี ที่บัดนี้แข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่สุดในสหภาพยุโรป เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงของฝรั่งเศส
สัญญะแห่งความหวัง
เคมเปญหลักที่เขาใช้หาเสียงมีชื่อว่า En Marche แปลเป็นไทยคร่าวๆว่า ก้าวต่อไปข้างหน้า เขานำเสนอนโยบายที่สร้างความหวังให้แก่คนรุ่นใหม่ และมีลักษณะประนีประนอมไม่สุดโต่งเหมือนคู่แข่ง อาทิ การเพิ่มชั่วโมงทำงานให้ประชาชนเพราะ “หากคุณยังเด็ก ทำงานแค่ 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ไม่พอเลี้ยงชีพหรอก” หรือการลดขนาดห้องเรียนชั้นประถมศึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน ด้านปัญหาคนอพยพ มาครงไม่สนับสนุนการปิดพรมแดน แต่เชื่อในการเปิดประเทศให้ผู้อพยพ โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องศึกษาภาษาและวัฒนธรรมฝรั่งเศส และนำเสนอโครงสร้างนโยบายที่สร้างความสะดวกแก่แรงงานผู้มีทักษะให้สามารถทำงานในฝรั่งเศสได้ง่ายขึ้น