Ludwig Mies van der Rohe สถาปนิกและดีไซเนอร์คนสำคัญของโลกใบนี้

Share This Post

- Advertisement -

Less is Mies (van der Rohe)

หนึ่งในสถาปนิกและดีไซเนอร์คนสำคัญของโลกใบนี้คงจะขาดชื่อ Ludwig Mies van der Rohe (ลุดวิก มีส ฟาน เดอร์ โรห์) ไปไม่ได้ คุณอาจจะคุ้นเคยกับงานเฟอร์นิเจอร์สุดคลาสสิกของเขาอย่าง Barcelona Chair รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ในไลน์เดียวกัน

miesvanderrohe-ludwig

สำหรับผมแล้ว มีสถือเป็นสถาปนิกคนสำคัญของยุคนั้น (ช่วงปลายยุค ’20s เป็นต้นมา) และมีอิทธิพลต่อเนื่องยาวนานมาถึงยุคนี้ เพราะช่วงที่เขามีอิทธิพลนั้นเป็นยุคที่คนเริ่มจะหันมาปฏิวัติความคิดของการผลิตงานศิลปะ โดยเห็นความงาม และคุณค่าทางศิลปะในสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อาจจะเป็นเพราะว่าคนในยุคนั้นเริ่มเบื่อกระแสงานศิลปะทั่วๆ ไปที่ยกย่องคุณค่าเหนือจริง จึงสร้างสรรค์ผลงานศิลปะแบบธรรมดาขึ้นมา โดยมีแนวความคิดว่า คุณต้องเห็นคุณค่าในของปกติธรรมดา และของปกติธรรมดานั้นก็กลายมาเป็นงานศิลปะได้ ตัวอย่างที่โด่งดังสุดๆ ก็เห็นจะเป็นศิลปะ จัดวาง ‘Fountain’ ของ Marcel Duchamp (มาร์แซล ดูว์ช็อง) ที่นำเอาโถปัสสาวะชาย (Urinal) มาวางกลับด้านแสดงเป็นชิ้นงานศิลปะ และถึงกับทำให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องประเด็นทางสุนทรียะอันเกิดจากชิ้นงานศิลปะกันเป็นวงกว้าง

knoll_pfister-sofa

มีสเป็นสถาปนิกที่เติบโตและพัฒนาตนเองมาในช่วงเวลาที่สังคมมีแนวคิดแบบนั้น ความประทับใจแรกของผมที่มีต่อมีสคืองาน Barcelona Pavilion ของเขาที่จัดแสดงที่ International Exposition ปี 1929 ณ กรุงบาเซโลนา ประเทศสเปน ถึงแม้ว่าชื่อจะเป็นแบบนี้ แต่พาวิลเลียนนี้คืออาคารจัดแสดงที่เป็นตัวแทนของประเทศเยอรมนี และได้กลายมาเป็นตึกสำคัญในประวัติศาสตร์ของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ โดยจุดเด่นคือรูปแบบของตัวอาคารที่เรียบง่าย และลื่นไหลใช้วัสดุที่หรูหราอย่างหินอ่อน หินแกรนิต และแร่ไลม์สโตน เป็นสไตล์มินิมัลลิสต์แบบเต็มตัว และสถานที่นี้เองก็เป็นที่โชว์เคสของเฟอร์นิเจอร์ตัวสำคัญที่ออกแบบโดยมีส อย่าง Barcelona Chair ซึ่งเป็นเก้าอี้ที่นั่งสบายมากนะครับ ผมเชื่อว่าสถาปนิกที่สามารถออกแบบเฟอร์นิเจอร์ได้นั้นต้องไม่ธรรมดา ต้องเป็นคนชอบออกแบบรายละเอียด เพราะเขาจะต้องเข้าใจสรีระคนในการออกแบบความกว้าง ความยาว ความนุ่ม รวมไปถึงองศาความเอียงของเก้าอี้แต่ละรุ่น เพื่อให้ได้นั่งสบายมากที่สุด ซึ่งผมคิดว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ที่ทำจากโลหะและหนังชิ้นนี้นั้นถือเป็นการออกแบบที่ไร้กาลเวลา และขึ้นหิ้งเป็นชิ้นคลาสสิกของวงการไปแล้ว … อ้อ … คำว่าไร้กาลเวลานั้นไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ปรับปรุงนะครับ เพราะในปีค.ศ. 1950 ได้มีการหยิบเก้าอี้ไลน์นี้มารีดีไซน์อีกครั้งหนึ่ง โดยมีสีของหนังเพิ่มเป็นสี Ivory และมีการเปลี่ยนวัสดุโครงเป็นสเตนเลสสตีลที่ไม่มีรอยต่อ หรือขัดความเรียบลื่นของดีไซน์โดยรวมก็ยิ่งทำให้เก้าอี้ชุดนี้ดูโดดเด่นกว่าเดิมเสียอีก

knoll_ed-06-2015

แนวทางการออกแบบของมีสนั้นอยู่บนแนวคิดสำคัญที่กลายมาเป็นโคว้ตอันลือลั่นของวงการไปตลอดกาลอย่าง ‘Less is more.’ และ ‘God is in the details.’ ซึ่งก็อธิบายได้ดีว่าการทำอะไรที่ดูเรียบง่ายนั้นจะดูดีได้มากกว่าการทำอะไร ที่เยอะหรือฟุ่มเฟือยเกินไป จะเรียกได้ว่าการออกแบบของเขานั้นจะลดทอนจนกระทั่งเหลือโครงที่มีคุณค่า แต่ก็ยังลงรายละเอียดทุกอย่าง เพราะความเจ๋งนั้นอยู่ที่การเห็นรายละเอียด หรือเห็นพระเจ้า (ความสมบูรณ์แบบ) ในทุกอย่างที่เขาทำ และสิ่งที่น่าสนใจก็คือ มีสไม่ได้เป็นดีไซเนอร์หรือสถาปนิกที่ร่างแบบโดยการทำดรอว์อิ้งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขายังใช้เทคนิคต่างๆ เช่น Collage และ Photomontage ในการสร้างสรรค์งานออกแบบของเขาอย่างมากมาย

foto-01-040

ซึ่งในช่วงนี้ ที่เมืองอาเค่น ประเทศเยอรมนี บ้านเกิดของเขาก็กำลังจัดนิทรรศการ Mies van der Rohe. The MoMA Collages ซึ่งเป็นนิทรรศการรวบรวมภาพผลงานสไตล์คอลลาจและโฟโต้มอนทาจ หรือเทคนิคตัดแปะที่เขาทำในช่วงปีค.ศ. 1910 – 1965 ซึ่งผมว่าก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาเป็นคนที่ชอบทดลองอะไรใหม่ๆ เพื่อสร้างสรรค์ผลผงานของเขาถือเป็นการทำ Experiment Design ที่ต่อมาก่อให้เกิดผลงานไอคอนิกหลายต่อหลายชิ้น เชื่อกันนะครับว่าเขาได้รับอิทธิพลมาจากศิลปินจากยุค Dadaism รวมทั้ง Paul Klee (พอล คลี) ที่ทำงานสไตล์ Expressionism และ Surrealism ด้วยซึ่งถ้าได้มีโอกาสแวะไป ก็ควรจะไปดูผลงานช่วงแรกๆ ในชีวิตของเขาให้เห็นกับตาสักครั้งนะครับ

barcpavilion

ถ้าจะถามผมว่ามีสเป็นสถาปนิกที่มีความสำคัญและส่งอิทธิพลกับวงการนี้มากแค่ไหน ก็ลองจินตนาการดูว่า สมัยก่อนนั้น ผลงานศิลปะนั้นจะถูกจัดให้อยู่ในหมู่ชนชั้นสูง และเป็นนอร์มหลักของสังคมที่จับต้องยาก ไม่สามารถนำเอาดีไซน์และศิลปะมาใช้ในชีวิตได้ แต่หลังจากที่มีสและกลุ่มดีไซเนอร์ยุคนั้นมาปฏิวัติวงการ ผลงานศิลปะประเภท Dadaism หรืองานศิลปะที่ดูไม่เหมือนจะเป็นงานศิลปะ รวมไปถึงงานศิลปะประเภท Minimalism นั้นก็มีที่ทางและบทบาทในสังคม และกลายมาเป็นอิทธิพลและแรงบันดาลใจอย่างยาวนาน ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้เลยทีเดียว

barcelona_0094

ซึ่งก็คงจะเป็นความฝันของสถาปนิกทุกคนล่ะครับที่จะสามารถสร้างมูฟเม้นต์ใหม่ๆ ที่จะเป็นแรงบันดาลใจ  ให้กับคนร่วมอาชีพรุ่นน้องได้ต่อไปในอนาคต

12206

*นิทรรศการ Mies van der Rohe. The MoMA Collages’ จัดขึ้นที่ Ludwig Forum เมืองอาเค่น ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2016 – 12 กุมภาพันธ์ 2017

240_high

**เฟอร์นิเจอร์ Knoll มีจำหน่ายที่ www.boundarycollection.com

- Advertisement -