เรื่องราวรักสามเส้าเราสามคนวุ่นๆ จากภาพยนตร์เรื่อง ‘จำเนียร วิเวียน โตมร’
ภาพยนตร์เรื่อง ‘จำเนียร วิเวียน โตมร’ ของยอร์ช – ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ ผู้กำกับอารมณ์ดีเจ้าของผลงานคอมเมอดี้ ‘สุดเขตสเลดเป็ด’ และ ‘คุณนายโฮ’ ถูกถ่ายทอดผ่านนักแสดงมากฝีมือทั้งชมพู่ – อารยา เอ. ฮาร์เก็ต บอย – ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ และอาเล็ก – ธีรเดช เมธาวรายุทธ เล่าเรื่องราวของวิเวียน หญิงสาวนิสัยลังเลที่เอาชีวิตและการตัดสินใจไปฝากไว้กับศาลพระภูมิโดยอธิษฐานขอให้ได้ผู้ชายดีๆ มาแต่งงานด้วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงเล่นตลกโดยการส่งจำเนียรและโตมร สองอันธพาลจากแก๊งอันธพาลใหญ่มาหลงรักเธอพร้อมๆ กัน และเพื่อเป็นการพิสูจน์ความรักที่แท้จริงที่ทั้งคู่มีให้กับวิเวียน จำเนียรและโตมรจึงต้องกลับตัวเป็นคนดีเพื่อเอาชนะใจเธอให้ได้ และวันนี้ ลอปติมัม ก็ชวนจำเนียร วิเวียน และโตมรมาแปลงโฉมถ่ายภาพแฟชั่นให้ได้อารมณ์รักสามเส้าแบบเท่ๆ พร้อมจับเข่าคุยกันถึงเรื่องราวสนุกๆ จากภาพยนตร์
คุยกับจำเนียร
บอยลงนั่งให้สัมภาษณ์กับเราอย่างกระตือรือร้น ขัดกับคาแร็กเตอร์อันแสนสุขุมที่เขาได้รับในภาพยนตร์อย่างสิ้นเชิง “จำเนียรเป็นเพื่อนสนิทกับโตมรครับ ทั้งสองคนมีนิสัยที่ทั้งเหมือนและต่างกัน คือ เหมือนกันในแง่ที่เป็นคนเจ้าชู้ รักสนุก แต่ต่างกันตรงที่จำเนียรจะเป็นฝั่งนิ่ง ส่วนโตมรจะเป็นฝั่งโผงผาง จำเนียรจะเป็นคนที่แสดงออกน้อยๆ ยกตัวอย่างเวลามีคนเรียก เขาจะไม่หันทั้งตัว แต่จะเหล่ตามองเอา” บอยลดท่าทีกระตือรือร้น ของตัวเองลง พลางเหลือบตาตามบทที่เขาพูดถึงให้เราดู “อะไรประมาณนี้ครับ และเขาก็เป็นคนช่างสังเกต และทำอาหารเก่งด้วยนะ”
ตามบทที่ต้องแข่งกับโตมรเพื่อจีบวิเวียน แต่ก็มักจะขยับตัวช้ากว่าเพื่อนสนิทเสมอ จำเนียรจึงต้องมีคาแร็กเตอร์ที่โดดเด่นกว่าโตมรแบบเห็นได้ชัดเจน “จำเนียรเต้นรำเก่งมากครับ ผมถึงขั้นต้องไปเรียนเต้นโดยเฉพาะเลยนะครับ นอกเหนือไปจากเรียนบทบู๊แล้ว ก็มีเรียนเต้นนี่ล่ะครับ เพราะจำเนียรเขาบู๊ไม่เท่าโตมร” ระหว่างให้สัมภาษณ์ เราเห็นว่าบอยมีอาการอยู่ไม่สุขตลอดเวลา “ใช่ครับ” เขาตอบกลั้วหัวเราะเมื่อเราทัก “ผมเป็นคนไม่ค่อยอยู่นิ่ง เป็นประเภทเล่นใหญ่ เวลาพูดจาก็ออกท่าออกทางใหญ่ แต่จำเนียรจะเป็นประเภทแสดงออกน้อยๆ ก็ถือว่าเป็นคนละคนเลยครับ”
“ผมคิดว่าภาพยนตร์ประเภทแอ็กชั่นคอมเมอดี้ไม่ค่อยมีในเมืองไทยนะครับ และเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่จากพวกเราให้กับคนไทยแล้วกันเนอะ เป็นของขวัญที่จะส่งความสุขให้ทุกๆ คน ทีมงานทุกคนตั้งใจมากที่จะให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาดีที่สุด ก็ไปดูกันนะครับ” บอยทิ้งท้าย
คุยกับวิเวียน
เรื่องราวป่วนๆ ในภาพยนตร์นี้เกิดขึ้นเมื่อวิเวียนตัดสินใจไปขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ได้ผู้ชายดีๆ มาแต่งงานด้วย “เป็นผู้หญิงที่ลังเลทุกอย่าง ตัดสินใจอะไรไม่ได้เลย กลัวไปทุกอย่าง เอาชีวิตไปผูกกับอย่างอื่นหมด ซึ่งไม่ใช่คาแร็กเตอร์เราเลยนะ” ชมพู่เปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงมาดมั่น “แต่เล่นบทนี้ไม่ยากมากหรอกนะ ด้วยความที่เราเคยทำงานกับพี่ยอร์ช มาก่อนหน้านี้แล้ว ก็รู้สไตล์กัน พอพี่ยอร์ชบรีฟมา เราก็เล่นไปตามนั้น โจทย์มีแค่ลังเลทุกอย่าง เราก็เล่นไปตามนั้น ออกมาเป็นวิเวียนจอมลังเล” ลังเลแค่ไหน … ก็คิดดูว่า พอมีผู้ชายมาจีบพร้อมกันสองคน วิเวียนก็ไม่ตัดสินใจอะไรเลย ปล่อยลากยาวอิรุงตุงนังจนเกิดภาพยนตร์ขึ้นมาหนึ่งเรื่องเลยทีเดียว
“บทของเราไม่ได้บู๊มากมายขนาดนั้นหรอกนะ เป็นบทตลกมากกว่า ซึ่งเป็นบทที่เราสบายใจที่จะเล่นอยู่แล้ว บทอารมณ์ดีแบบนี้ แต่ก็ต้องมีไปฝึกมวยหย่งชุนเพื่อเข้าฉากด้วยนะ พอฝึกแล้วก็ชอบ เพราะเป็นศิลปะป้องกันตัวที่สอนเรื่องทิศทางของแรง เป็นความเข้าใจเรื่องสรีระ ยากนะ แต่เราชอบ อยากฝึกต่อ” ชมพู่เล่าต่อด้วยน้ำเสียงแจ่มใส “เล่นไปตลกไป เราก็ชอบนะ แต่เรารู้ว่าคนดูชอบดูเราเล่นบทดราม่ามากกว่า เหมือนกลายเป็นภาพลักษณ์ประจำตัวเราไปแล้วว่าชอบเห็นเราเล่นบทร้ายๆ ซึ่งเราก็ชอบเล่นนั่นล่ะ เพราะเวลาเล่นบทที่เป็นฝ่ายถูกกระทำมากๆ ก็รู้สึกเหมือนกันว่าไม่ใช่ทางเรา”
“เรื่องนี้เป็นนักตลกแบบสะอาดนะ ดูได้ทั้งครอบครัว” ชมพู่เอ่ยปากเชิญชวน “อยากให้ทุกคนไปหัวเราะกัน มีความสุขต้อนรับปีใหม่ด้วยกัน จะได้ยิ้มได้เนอะ”
คุยกับโตมร
“รู้ไหมครับว่า โตมรแปลว่าหอก” อาเล็กเริ่มต้นบทสนทนากับเราอย่างอารมณ์ดี “ตามบทก็จะเป็นคนใจร้อนมาก อยู่แก๊งเดียวกับจำเนียร นี่ล่ะ แต่เป็นคนละสไตล์กันเลย คนหนึ่งทำอะไรช้าๆ อีกคนคิดเร็วทำเร็วไปเร็ว อย่างตอนแข่งกันจีบวิเวียน โตมรก็จะไปถึงก่อน ทำคะแนนก่อน ประมาณนั้นล่ะครับ”
หลังจากที่ตกหลุมรักวิเวียนแล้ว โตมรที่เป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งอันธพาลก็ตัดสินใจที่จะหันหลังให้กับเส้นทางเดิม เนื่องจากวิเวียนต้องการ ‘คนดี’ มาแต่งงานด้วย เขาจึงตัดสินใจกลับตัวเป็นคนดี และเข้าไปขัดขวาง สมาชิกแก๊งรุ่นดั้งเดิมที่มีพฤติกรรมไม่ดี จึงถูกตามล่าจากทั้งหัวหน้าและสมาชิกแก๊งไปพร้อมกัน “โดนตามล่าอย่างเดียวไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่ต้องแข่งกันจีบวิเวียนไปด้วย มันเลยเกิดเป็นความวุ่นวายไป”
เพื่อให้การแสดงเป็นไปอย่างเนียนที่สุด อาเล็กจึงทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมบทบู๊อย่างมวยหย่งชุน ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่ใช้ในเรื่องเป็นส่วนใหญ่ และฝึกขี่มอเตอร์ไซค์วินเทจอย่างจริงจังเพื่อเข้าฉากได้โดยไม่ต้องอาศัยสตันท์ “ปกติผมเล่นแต่สไตล์โรแมนติกคอมเมอดี้ แต่เรื่องนี้ฉากบู๊เยอะมาก และเป็นฉากยาวๆ ด้วยครับ ต้องทวนท่ากันบ่อยๆ ไม่ให้ผิดคิว ต้องซ้อมเยอะจริงๆ วันถ่ายก็ตั้งใจมาก แสดงเองเกือบหมดครับใช้สตันท์แค่ฉากยากจริงๆ อย่างฉากตีลังกา อะไรพวกนั้นครับ”
“เล่นเป็นโตมรก็ค่อนข้างเป็นตัวเองนะครับ เขาอาจจะไม่ขี้เล่นเท่าตัวเรา แต่เขาไว เขาเร็ว เขากวน มีบางส่วนคล้ายผมอยู่พอสมควรนะครับ” อาเล็กพูดยิ้มๆ “เอาเป็นว่าช่วงนี้ใครที่เครียดๆ อยู่ ก็เข้าไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ แล้วจะมีรอยยิ้มกลับออกมาแน่นอนครับ”