The Man Who Cares for Your Car
เป๊ก – ฐกฤต พัวอาริยะ เจ้าของธุรกิจ ร้าน Garage Lounge คาร์แคร์สุดหรูแห่งเดียวใจกลางทองหล่อ เขาหลงใหลในรถยนต์ จึงตัดสินใจเปิดร้านคาร์แคร์เพื่อที่จะได้ดูแลรถยนต์อย่างจริงจัง เขาลงทุนบินไปเรียนรู้วิธีการขัดเคลือบสีรถจาก Car Beauty Pro ประเทศญี่ปุ่น ให้มีความรู้ ในเรื่องการทำความสะอาดรถยนต์ลงลึกถึงทฤษฎี และความซับซ้อนทางเคมีต่างๆ หลังจากเรียนจบเขาก็ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการว่าเป็น Professional Car Detailer และได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรถยนต์ก่อนงานเปิดตัว Tokyo Motor Show 2013 อีกด้วย
ช่วยเล่าเรื่องที่ไปเรียนดูแลรถยนต์ที่ประเทศญี่ปุ่น ให้ฟังหน่อย
ตั้งแต่แรกเลยคือ เราต้องการเปิดร้านคาร์แคร์แบบไฮเอนด์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงมากๆ เลยลองเลือกโลเคชั่นจากการทำแบบสำรวจคน 200 คนในย่านพร้อมพงษ์ ทองหล่อ และเอกมัย ซึ่งก็ได้ผลออกมาว่า 80% ของผู้ตอบแบบสอบถามยินดีที่จะลองใช้บริการ เราก็ฮึกเหิมสิ … บินไปเรียนการล้างรถด้วยตัวเองที่ญี่ปุ่นเลย ใช้เวลาเรียนประมาณเดือนกว่าๆ เสียค่าใช้จ่ายไปประมาณล้านกว่าบาท ถามว่าคุ้มไหม ผมว่าคุ้มสุดๆ เพราะผมได้เห็นเทคนิคทุกอย่างในการดูแลรถ ขัดรถและเคลือบแก้วกลับมาแบบไม่มีกั๊ก ทำให้ผมสามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้จริงๆ
ไปเรียนที่ Car Beauty Pro ใช่ไหมครับ
ผมไว้ใจสถาบันนี้ เพราะเขาสอนการดูแลรถทั้งระบบแบบครบวงจร ได้รับความไว้วางใจจากคนญี่ปุ่นทั่วประเทศ มีสาขาเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นก็ 600 สาขาแล้ว และเขาก็เป็นหนึ่งเดียวที่เข้ารับหน้าที่ขัดเคลือบรถในงาน Tokyo Auto Salon ทุกปี ดังนั้น ผมจึงไม่ลังเลเลยที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจากที่นี่เพื่อดูแลรถของลูกค้าผม
PROS and CONS
การเคลือบแว็กซ์: ก่อนเคลือบแว็กซ์จะต้องขัดพื้นผิวรถเดิมให้เรียบเสียก่อน เพื่อให้รถสวยงามที่สุด แว็กซ์แบ่งเป็นสองประเภท คือ แว็กซ์ธรรมชาติ ข้อดีคือเงางาม สีฉ่ำ แต่ติดไม่ทนนาน แค่โดนน้ำ ก็ลอกแล้ว และแว็กซ์ Synthetic ที่มีคุณสมบัติทนน้ำ แต่ก็ให้สี ไม่ฉ่ำเท่ากับแว็กซ์ธรรมชาติ
การเคลือบแก้ว: ต้องขัดพื้นผิวรถเดิมให้เรียบเช่นกัน เป็นการดูแลรถที่ค่อนข้างราคาแพง แต่ก็ทำให้รถเงา สวยงาม ดูแลรถได้ง่ายขึ้น การลงทุนเคลือบแก้วก็เหมือนกับการผูกปิ่นโตให้คนดูแลรถเราในระยะยาว เพราะส่วนมากก็จะมีการันตีเคลือบแก้วอยู่ที่ 3-5 ปี ดังนั้น จึงควรเลือกร้าน ที่ไว้ใจได้ว่าจะดูแลรถเราอย่างดีตลอดระยะเวลาการการันตีนั้น ถ้าถูกใจแล้ว ผมสนับสนุนเลยครับ
การติดฟิล์ม: เป็นการปกป้องรถ คือเน้นการป้องกันมากกว่าความสวยงาม ถ้าคุณใช้งานรถหนักมาก ผมแนะนำให้ติดฟิล์มมากกว่าเคลือบแก้ว เพราะฟิล์มสามารถป้องกันหินที่กระเด็นมาใส่รถได้ ในขณะที่เคลือบแก้วไม่สามารถป้องกันได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณภาพและความยืดหยุ่นของฟิล์มด้วย ส่วนข้อเสียที่ชัดเจนคือ เมื่อใช้งานไปนานๆ ฟิล์มจะลอกออก ทำให้สีรถซีดไม่เท่ากันได้ในระยะยาว
BASIC CARE
ขี้นก: ถ้าคุณโชคดีมีนกขี้ใส่สีรถ ห้ามใช้กระดาษทิชชู่เช็ดออกโดยเด็ดขาด เพราะกรดในมูลนกจะทำให้รถด่างเป็นรอย ถ้าเป็นสีดำจะเห็นได้ชัดเจน ควรใช้น้ำล้างออก หรือใช้ทิชชู่เปียกพอกไว้ก่อนจะเช็ดออก หลังจากนั้นต้องขัดบริเวณนั้นด้วยแลกเกอร์ เพื่อล้างค่าความเป็นกรดออกไป
ปูน: ห้ามขูดปูนออกโดยเด็ดขาด ถือเป็นสสารที่อันตรายมาก เพราะมีความเป็นด่างสูง ต้องใช้กรดมาล้างออก แต่ห้ามใช้น้ำส้มสายชูหรือน้ำมันสนเด็ดขาด ทางที่ดีควรจะรีบนำรถไปที่คาร์แคร์เพื่อใช้น้ำยาเฉพาะทางที่มีค่าเป็นกรด ถ้าปูนเกาะจำนวนมาก อาจจะถึงขั้นต้องทำสีใหม่เลยทีเดียว
ยางมะตอย: ไม่ใช่ปัญหาหนักแบบที่ทุกคนกลัวกัน สามารถล้างออกได้ง่ายๆ เพียงแค่พ่นน้ำมัน และเช็ดออกด้วยผ้านุ่มๆ ห้ามใช้ทินเนอร์เช็ดโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะถึงขั้นทำสีใหม่ทั้งคันได้
อาเจียน: อาจจะไม่ใช่ปัญหาที่สีรถ แต่ก็ถือเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว ถ้าเป็นเบาะหนัง เช็ดออกด้วยน้ำสะอาด แต่ถ้าเป็นเบาะผ้า คงต้องถอดเบาะออกมาซักสถานเดียวครับ ห้ามนำรถไปตากแดดเด็ดขาด เพราะแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีในอากาศร้อน ให้จอดรถในที่ร่ม เปิดประจกทิ้งไว้ และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคาร์แคร์ในการดูดเศษออกจากร่องเบาะ
Tips
ดูรถที่ขัดสีหรือเคลือบแก้วมาแล้วว่าสวยไม่สวยนั้น จะต้องดูตั้งแต่แสงตอนกลางวัน แสงก่อนดวงอาทิตย์ตก และ แสงไฟในตอนกลางคืน เส้นสายของแสงบนตัวรถนั้นจะ ต้องไปในทิศทางเดียวกัน ไม่คดเคี้ยวไปมา