Leave the World Behind
DAY 1
10.35 น. เครื่องบินลงแตะพื้นรันเวย์ที่สนามบินจังหวัดกระบี่ใช้เวลาเดินทางเท่าไรจำไม่ได้เพราะหลับตั้งแต่เครื่องขึ้น
10.50 น. ขึ้นรถที่ทาง Sofitel Krabi Phokeethra Golf & Spa เตรียมไว้ให้มาถึงที่แล้วขอจัดอาหารท้องถิ่นเป็นมื้อแรกดีกว่าว่าแล้วก็บอกให้พี่พนักงานที่มารับแนะนำให้สักร้านนึง
11.45 น. ขึ้นเรือที่ท่ามหาราช นั่งเรือต่อไปยัง ‘เกาะกลาง’ ผ่านปากน้ำที่มีป่าโกงกางขึ้นอยู่ทั้งสองฝั่ง พี่พนักงานที่มาส่งแอบกระซิบว่าร้านนี้เด็ดจริงต้องนั่งเรือมาเท่านั้น และเป็นที่รู้กันเฉพาะคนท้องถิ่น
12.00 น. ขึ้นท่าเรือที่ร้าน ‘มะหญิง’ จะรออะไร สั่งสิครับ จัดมาทั้งปูม้านึ่ง กุ้งเผา และที่เด็ดที่สุดคือสามารถเลือกช้อนปลาในกระชังมาปรุงเป็นเมนูพิเศษได้เฉพาะคุณคนเดียว ที่รับประกันความสดที่สำคัญพี่สาวเจ้าของร้านเป็นคนลงมือปรุงอาหารให้ด้วยตัวเอง
12.45 น. หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อนเป็นสัจธรรมของโลก หลังจากดื่มด่ำทั้งอาหารปากมื้อแรกที่กระบี่ และอาหารตาอาหารใจในบรรยากาศเย็นสบายของแม่น้ำและป่าโกงกาง ก็ได้เวลาเดินทางเข้าเช็กอินที่โรงแรม Sofitel Krabi Phokeethra Golf & Spa สักที
13.35 น. ลอบบี้ใหญ่ชะมัด เข้าเช็กอินห้องโอเปร่า สวีท ไม่ลืมส่งสายตาให้สาวฝรั่งผมทองคนสวยที่เข้ามาเช็กอินพร้อมกัน กลิ่นไอทะเลสะอาดนี่มันชื่นใจจริงๆ
14.00 น. เก็บของเสร็จเรียบร้อย เปลี่ยนกางเกงขาสั้น และไม่ลืมหยิบหนังสือเล่มโปรด แว่นตากันแดด ลงไปนั่งริมสระรับแสงแดดพร้อมดูสาวในชุดบิกินี ได้ข่าวมาว่าที่นี่มีสระว่ายน้ำใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
16.30 น. เดินกลับห้องผ่าน So Spa with L’Occitane กลิ่นน้ำมันหอมลอยโชยมาว่าแล้วก็จัดการนวดน้ำมันคลายเส้นสักชั่วโมง หลับเป็นตายจนต้องขอต่อเวลาอีกครึ่งชั่วโมงละกัน
20.00 น. นัดดินเนอร์กับสาวคนสวยที่ร้านอาหาร ‘White Lotus’ แอบกระซิบนิดว่าเฮ้าส์ไวน์ที่นี่เด็ด
23.05 น. แยกย้ายกลับห้องใครห้องมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
DAY 2
07.00 น. ตื่นเช้า ทำธุระส่วนตัว ออกมาหากาแฟ ขนมปัง สักชิ้นที่ Maya Restaurant ก่อนกลับห้องแวะออกกำลังกายเรียกเหงื่อสักครึ่งชั่วโมง
08.45 น. ออกมารอสปีดโบทที่เป็นบริการจากพิเศษจาก Sofitel Krabi Phokeethra Golf & Spa หน้าชายหาดโรงแรม เพราะเช้านี้มีนัดไปเที่ยวเกาะแก่ง ได้ข่าวมาว่าจากหาดไปถึงเกาะห้องใช้เวลาไม่เกิน 7 นาที
09.05 น. กัปตันเรือบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวเกาะไก่ เกาะปอดะ เกาะพีพี เกาะไผ่ หาดไร่เลย์ แล้วแวะทานอาหารเที่ยงที่เกาะห้อง ตื่นเต้นชะมัด ว่าแล้วก็เปิดเชมเปญที่สั่งมาด้วยบนเรือนั่งดื่มคลายร้อนไปพลางๆ
11.30 น. วันนี้โชคเข้าข้างอากาศดี ไม่มีฝนน้ำทะเลใส เลยได้แวะเพิ่มอีกหลายเกาะ หลังจากแวะดำน้ำดูปะการังว่ายน้ำกับปลาการ์ตูน ก็ได้เวลาไปทานอาหารกลางวันที่เกาะห้อง ได้ข่าวมาว่าเกาะนี้สวยและเป็นส่วนตัวมาก
12.00 น. ลงเรือที่เกาะห้อง นี่มันสวรรค์บนดินชัดๆ หาดทรายขาวสะอาดโอบล้อมด้วยภูเขาเข้ามาจนเหมือนกับเป็นสระว่ายน้ำธรรมชาติส่วนตัว น้ำทะเลใสจนมองเห็นปลาการ์ตูนว่ายชนขาเรา หลังจากทานข้าว กลางวันเสร็จเลยบอกกัปตันว่าขอนอนพักผ่อนอยู่ที่นี้ก่อนยาวๆ บ่ายแก่ๆ ค่อยกลับดีกว่า
16.50 น. ชาร์จแบตเตอรีชีวิตเต็มอิ่ม หลับไป 1 ตื่นกับแชมเปญอีกขวดและหนังสือเล่มโปรดอีกเล่ม พร้อมเตรียมตัวขึ้นเรือกลับโรงแรม
16.57 น. ถึงหน้าหาดโรงแรม 7 นาทีสมกับที่บอกไว้จริงๆ แล้วขอนอนดูพระอาทิตย์ตกที่หาดหน้าโรงแรมก่อนกลับห้องกับน้ำมะพร้าวเย็นๆ อีก 1 ลูก
20.00 น. มีนัดดินเนอร์พิเศษกับสาวผมทองคนเดิมที่ร้านอาหาร Ristorante Venezia แอบกระซิบพนักงานขอที่ที่ดีที่สุดกับอาหารเมนูพิเศษอย่างพิซซ่าเตาถ่านแบบดั้งเดิม
23.00 น. หมดไวน์ไป 1 ขวด พร้อมกับ แยกย้ายกลับห้องใครห้องมัน (เหมือนเดิม)
DAY 3
08.30 น. ออกมาหาอะไรทานรองท้องที่ Maya Restaurant ก่อนจะไปทวนวงสวิง ของตัวเองที่สนามกอล์ฟของโรงแรม ได้ข่าวมาว่าโปรกอล์ฟหลายคนเคยย้ำกรีนที่นี่มาแล้วซะด้วย
09.30 น. นอกจากจะหวดวงสวิงไป ดูวิวทะเลอันดามันไปแล้ว ยังได้ เคาะสนิมมืออีกด้วย ถือว่า ยังใช้ได้อยู่นะฝีมือเรา
11.30 น. ระหว่างที่เดินกลับไปที่ห้องเตรียมตัวเช็กเอาต์ เจอสาวผมทองคนเดินแวะทักทายสักหน่อย ว่าแล้วก็ชวนเธอไปทานอาหารเที่ยง ที่ร้าน Koh Poda’ ริมสระว่ายน้ำ
12.15 น. เปลี่ยนใจยังไม่กลับบ้านวันนี้ดีกว่า ยกหูโทรไปจองที่ที่ร้านอาหารค่ำสำหรับสองที่ พร้อมสั่งแชมเปญมาดับร้อนที่ห้องสักขวด เอาวะ! คืนนี้เรายังพอมีโอกาสนะ