Tristan “Somchai” Do
นักฟุตบอลทีมชาติไทย สังกัดทีม SCG Muangthong United
ฟุตบอลเป็นความฝันของผมตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ ผมบอกคนอื่นรอบตัว และบอกตัวเองว่าผมอยากจะเป็นนักฟุตบอล มันคือความฝันที่เป็นจริงชัดๆ ผมว่าผมเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เกิดเลยล่ะ”
ทริสตอง โด หนุ่มลูกครึ่งฝรั่งเศส-ไทย ผู้เล่นตำแหน่ง กองหลังขวาของทีมฟุตบอลทีมชาติไทย และทีมสโมสร เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดโผล่มาให้สัมภาษณ์ลอปติมัมด้วยอาการนิ่งๆ จนทีมงานแอบเกร็งไปเล็กน้อย แต่เมื่อเราลงนั่งสัมภาษณ์และแสดงความยินดีกับเขาที่นำทีมชาติไทยคว้าแชมป์ถ้วยคิงส์คัพครั้งที่ 44 ในปีนี้เพียงสองวันก่อนที่เขาจะมาขึ้นเป็นปกให้กับลอปติมัมของเรา ดวงตาของเขากลับเปล่งประกาย “ใช่ครับ มันเป็นแมตช์ที่เยี่ยมมาก เราไม่ได้ครองถ้วยนี้มาตั้งแต่ปี 2007 แล้ว ผมร่วมเล่น ทีมชาติได้แค่ปีครึ่ง และผมก็ได้เป็นหนึ่งในทีมที่ได้แชมป์ถ้วยนี้ เป็นประสบการณ์ที่ยอดจริงๆ ครับ” เราเลยถึงบางอ้อว่าเหตุผลที่เขาดูเนือยนั้นอาจจะเป็นเพราะว่าเขา เพิ่งจะผ่านแมตช์ใหญ่มาก็เป็นได้
“ฟุตบอลเป็นความฝันของผมตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ” ทริสตองเล่าต่อดูเหมือนจะลืมความเหนื่อยล้าจากแมตช์ เมื่อวันก่อนไปจนหมดสิ้น “ผมบอกคนอื่นรอบตัว และบอกตัวเองว่าผมอยากจะเป็นนักฟุตบอล มันคือความฝันที่เป็นจริงชัดๆ ผมว่าผมเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เกิดล่ะ” เขาหัวเราะและเมื่อเราถามถึงเหตุผลที่เลือกอาชีพนักบอลในปัจจุบัน เขาก็นิ่งคิด “ผมเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสไทยดังนั้นผมจึงมีโอกาสที่จะเล่นให้กับทีมชาติทั้งสองประเทศพอผมมาถึงเมืองไทย ผมก็ถูกเรียกไปคัดตัว และได้ติดทีมชาติไทยก็เป็นโอกาสดีที่ผมไม่สามารถปล่อยหลุดไปได้ ผมเลยได้มาเป็นส่วนหนึ่งในทีมชาติไทยใน วันนี้” นัดแรกที่ทริสตองเตะให้กับทีมชาติไทยคือนัด คัดเลือกฟุตบอลโลกกับอิรักที่สนามรัชมังคลากีฬาสถานที่จุคนได้ 45,000 คนและบัตรขายหมดเกลี้ยงเป็นนัดที่ ทริสตองบอกว่าเขาจะไม่มีวันลืมเลย “วันนั้นคนเยอะมากครับ ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี ทั้งตื่นเต้นและประหม่า เราเล่นกันเต็มที่จริงๆ”
ในวันที่ทริสตองให้สัมภาษณ์เรา เขาพูดภาษาอังกฤษ เราจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับคนในทีมหรือไม่ “ฟุตบอลคือภาษาสากลครับ” เขาหัวเราะ “ตอนมาใหม่ๆ ผมมีปัญหาเรื่องการพูดและฟังภาษาไทย แต่ตอนนี้ผมฟังภาษาไทยได้เกือบ 90% แล้ว และสามารถใช้ภาษาไทยในการสื่อสารเรื่องทั่วๆ ไปนอกสนามได้เกือบหมดแล้ว แต่ในสนามผมรู้สึกได้ว่าทุกคนพูดภาษาเดียวกันหมด เราสื่อสารกันได้โดยใช้ภาษาฟุตบอล ผมมีความสุขที่สุดเวลาได้อยู่บนสนามกับทีม เป็นความรู้สึกว่าเราเข้าใจกันและกันได้ ไม่ว่าเราจะพูดภาษาอะไรก็ตาม”
และเมื่อเราถามเขาถึงเรื่องอนาคตว่าเขาอยากจะทำอะไรต่อจากนี้ อยากเป็นโค้ชบ้างไหม เขาปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ถ้าคุณถามผมวันนี้ ผมตอบได้เลยว่า ผมไม่มีทางเป็นโค้ชเด็ดขาด แต่ถ้าผมจะอยู่ในวงการฟุตบอลต่อไป ผมอยากจะทำงานกับผู้เล่นรุ่นเยาว์มากกว่า อาจจะเป็นครูสอนเด็ก หรือทำงานในอะคาเดมีเกี่ยวกับฟุตบอล แต่ถ้าถามจริงๆ ผมอยากจะทำธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับฟุตบอลไปเลยมากกว่า” อย่างธุรกิจอะไรล่ะ เราถามต่อ “ผมก็มีโปรเจ็กต์ที่มันเพิ่งจะเริ่มจริงๆ ผมเป็นคนชอบอาหาร และผมชอบจัดการโน่นนี่ ผมอาจจะทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหาร หรือธุรกิจอะไรไปในทิศทางนั้นก็ได้ครับ” ไม่แน่นะเราอาจจะได้เห็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติหันมาสวมหมวกเชฟในอนาคตอันใกล้นี้ ก็เป็นได้ “ตอนนี้ผมยังไม่คิดเรื่องอื่นเลยนอกเหนือจากการเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพที่เก่งที่สุดเท่าที่ศักยภาพผมจะมี และเมื่อถึงวันที่ผมลาวงการแล้ว ผมก็จะไม่เสียใจเลย เพราะผมทำหน้าที่เต็มที่แล้วจริงๆ” ทริสตองทิ้งท้ายไว้ด้วยแววตามุ่งมั่น
Content by MAYA