พูดคุยภาษาฟุตบอลกับ “เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง” ฮีโร่ของทีมชาติไทย

Share This Post

- Advertisement -

Determined Player + Positive Attitude + Charming Character = Coach Zico

เราเคยรู้จักเขาในฐานะนักเตะศูนย์หน้าฝีมือดี ตอนนี้เรารู้จักเขาในฐานะโค้ชทีมชาติไทยที่พาทีมไทยคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี และแชมป์คิงส์คัพเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี และในวันนี้ ลอปติมัมจะมาทำความรู้จักกับเขามากยิ่งขึ้นอีกในฐานะฮีโร่ของทีมชาติไทย และในฐานะผู้ชายอารมณ์ดีนาม “โค้ชซิโก้ – เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง”

ZICO 04_036_w1

เป็นเวลาเกินทศวรรษที่วงการฟุตบอลไทยตกหลุมดำ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม แต่ในวันนี้ศรัทธาวงการฟุตบอลไทยกลับมาอีกครั้ง และนั่นไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะความมุ่งมั่นของโค้ชซิโก้คนนี้นี่เอง

มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทีมชาติไทยได้ฉลองชัยถ้วยพระราชทานคิงส์คัพในปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 70 ปี ซึ่งก็เป็นปีฉลองครบศตวรรษสมาคมฟุตบอลไทยพอดีเช่นเดียวกัน และมันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกที่ผู้กุมตำแหน่งกุนซือทีมชาติไทยชุดนี้มีชื่อว่า โค้ชซิโก้ – กิตติศักดิ์ เสนาเมือง

“ผมเป็นผู้เล่นประเภทครูพักลักจำ ชอบจำแทคติกของโค้ชที่คุมทีมเรา ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าจะได้นำมาใช้” ซิโก้เปิดบทสนทนาอย่างอารมณ์ดี “ช่วงสองปีสุดท้ายที่อยู่เวียดนาม จับพลัดจับพลูได้มาเป็นผู้ช่วยโค้ช และก็ขึ้นเป็นเฮ้ดโค้ชเพราะโค้ชคนเก่าโดนเด้งออกไป พอกลับมาเมืองไทยก็ว่างนะ ยังไม่ได้หางานใหม่ เลยได้มีโอกาสไปช่วยบิ๊กหอยคุมทีมจุฬายูไนเต็ดตอนนั้น เป้าหมายคือหนีตกชั้น เราก็ทำได้ เลยรู้สึกสนุกกับการเป็นโค้ช และเริ่มคิดจะเป็นโค้ชจริงจัง”

นับตั้งแต่นั้น ซิโก้ก็ได้คุมอีกหลายทีมทั้งในลีกไทยอย่างชลบุรีเอฟซี บีบีซียูจุฬายูไนเต็ด และบางกอกเอฟซี ซึ่งในระหว่างนั้นเขาก็ได้โอกาสได้เป็นผู้ช่วยโค้ชทีมชาติไทยที่คุมทีมชาติชุดซีเกมส์ 2009 ที่ประเทศลาว “มีเวลาเตรียมทีมห้าวันครับ” ซิโก้พร้อมหัวเราะขื่นๆ “ตกรอบแรกเลย เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยที่ทีมชาติไทยตกรอบแรก หลังจากนั้นคนก็ดูเหมือนจะเอือมระอาวงการฟุตบอลไปเลย หลังจากนั้นอีกสองปี ซีเกมส์ที่อินโดนีเซีย ก็ตกรอบแรกอีก คนเลยเลิกดูฟุตบอล ดิ่งลงเหวกันไปทั้งวงการ ช่วงนั้นมันก็เป็นยุคมืดน่ะนะ ผมก็คุมทีมลีกอยู่ แล้วก็มีแวะไปคุมทีมที่เวียดนาม แล้วก็กลับมาคุมทีมไทยต่อ โดยทีมสุดท้ายที่คุมก่อนที่จะถูกเรียกมาเป็นโค้ชทีมชาติคือบางกอกเอฟซี”

ZICO 01_238++_w1

ซิโก้เล่าว่า ตอนที่จะตัดสินใจรับตำแหน่งเฮ้ดโค้ชทีมชาติไทย ถือเป็นช่วงเวลาที่ลำบากใจที่สุดในชีวิต “ผมเคยเจ็บช้ำตอนซีเกมส์ที่ลาวมานะ ขนาดเป็นผู้ช่วยโค้ชเองนะ ยังปวดใจขนาดนั้น เพราะเวลาทีมไทยแพ้ มันไม่ได้แพ้เฉพาะตัวเรา มันแพ้ทั้งครอบครัว แต่ในตอนนั้น เราต้องตัดสินใจ เพราะสิบสามปีที่บอลไทยเข้าสู่ยุคมืด ไม่มีใครตั้งใจแข่ง ทั้งๆ ที่ทีมชาติไทยเป็นของพวกเรา สมัยเราเป็นนักเตะ เราเคยเป็นแชมป์ซีเกมส์สี่สมัยรวด ซูซูกิคัพสามสมัย และน้องๆ ทำต่อรวมเป็นแปดสมัย นั่นก็สิบหกปีเชียวนะ แล้วทำไมตอนนี้มันเป็นแบบนี้ ผมเลยตัดสินใจไปถามคุณเปิ้ล ภรรยาว่าถ้าผมเข้าไปเป็นโค้ช แล้วทีมชาติไทยแพ้ แม่รับได้ไหม ภรรยาผมก็ตอบสั้นๆ ว่า แล้วแต่พ่อแล้วกัน ผมก็เลยตาสว่างเลย ถ้าผมแพ้ ผมแพ้ของผมคนเดียว แต่ถ้าผมชนะ ทุกคนทั้งประเทศชนะไปกับผม ผมถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้ม นั่นก็เป็นจุดที่ทำให้ผมตัดสินใจเข้ามารับตำแหน่งเฮ้ดโค้ชทีมชาติไทย”

เป้าหมายของโค้ชซิโก้ต่อทีมชาติไทยไม่ใช่เป้าหมายระยะสั้น แต่เขามองไปอีกหลายสิบปี เพราะเขาเชื่อว่าการสร้างทีมก็เหมือนกับการเรียนจบปริญญาเอกที่ไม่สามารถทำได้ในระยะสั้นๆ แต่ต้องอาศัยเวลาในการสั่งสมประสบการณ์ ซึ่งเพียงแค่เริ่มต้นอาชีพการเป็นโค้ชทีมชาติไทยนั้น โค้ชซิโก้ก็สามารถนำทีมชาติไทยไปคว้าแชมป์กีฬาซีเกมส์ 2013 ที่ประเทศพม่า ต่อด้วยแชมเอเอฟเอฟซูซูกิคัพ 2014 และคิงส์คัพ 2016 เรียกศรัทธาในวงการฟุตบอลไทยกลับคืนมาได้อย่างสวยงาม

“การคุมทีมชาติไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกคนเป็นสตาร์จากสโมสรของตัวเอง ผมก็ต้องมาละลายพฤติกรรม ทำให้พวกเขาภูมิใจให้ได้ว่าพวกเขาเป็นคนไทยเหมือนกัน มีธงไตรรงค์อยู่ที่หน้าอกเหมือนกัน ทุกคนต้องตั้งใจเล่น ห้ามเหยาะแหยะ ผมตัดสินใจเอาเด็กวัยรุ่นไฟแรงมาเป็นทีมชาติทั้งหมดอายุไม่เกิน 23 กันทั้งนั้น ผมอยากดันให้พวกเขาเล่นให้ได้นานที่สุด สักสิบปี” และเมื่อเราถามว่าเขามีเทคนิคอย่างไรในการคุมทีมเด็กวัยรุ่นขนาดนี้ มันก็เหมือนการจับปูใส่กระด้งดีๆ นี่เอง “เด็กเราต้องมีวินัย พี่โก้ให้กฎเหล็กสี่ข้อคือ ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามดื่มเหล้า ห้ามเล่นการพนัน และห้ามหนีเที่ยวระหว่างช่วงเก็บตัว ทุกคนต้องรู้หน้าที่ว่ามีแฟนบอลรออยู่ ห้ามเสียสมาธิระหว่างการฝึกซ้อม ผมใช้ยาแรงน่ะ เด็กทุกคนเข้าใจ เพราะถ้าใครทำผิดปุ๊บ ผมไม่พูดอะไรเลย เก็บเสื้อผ้า ยัดใส่กระเป๋า กลับบ้านไปเลย”

ZICO 01_238++_w1

ยาแรงของโค้ชซิโก้ดูเหมือนจะได้ผล เพราะทั้งทีมเห็นตรงกันว่า ถ้าหากไร้วินัย ก็จะเสียโอกาสในการเป็นทีมชาติไป เพราะสายน้ำไม่มีวันไหลกลับ “ผมก็พยายามประคบประหงมพวกเขาไปพร้อมๆ กัน พยายามให้พวกเขาเล่นด้วยความสามัคคี ให้ทุกคนเปิดใจ เพราะเวลาทีมแพ้ ไม่มีใครเป็นสตาร์หรอก แต่ถ้าเวลาเป็นแชมป์ ทุกคนเป็นสตาร์เหมือนกันหมด ดังนั้น ทีมชาติที่พี่คุมจะไม่เห็นแก่ตัว ทุกคนรักกัน จะเห็นได้ชัดเจนว่าเด็กๆ ในทีมของพี่จะดังเท่ากันทุกตำแหน่ง เพราะทุกตำแหน่งในทีมพี่มีความหมาย พี่จะทำให้ทุกคนรู้ว่าฟุตบอลคือทีมเวิร์ก ทีมสปิริตต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ทุกคนรู้ดีว่าเราไม่จำเป็นต้องยิงประตูก็ได้ แต่ขอให้ทีมชนะก็พอ”

ความมุ่งมั่นและความตั้งใจจริงของโค้ชซิโก้นั้นกำลังทำให้วงการฟุตบอลผลิดอกออกผลอย่างเห็นได้ชัดเจน ซิโก้เชื่อมั่นว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นคือต้นแบบของเยาวชนในวันนี้ เขารู้สึกภูมิใจที่เห็นเด็กไทยเล่นฟุตบอลอย่างสมัครใจโดยไม่มีใครบังคับ เราอดใจไม่ได้จริงๆ ที่จะหลงรักและชื่นชมผู้ชายใจดีและทัศนคติดีเยี่ยมคนนี้ “ผมบอกเด็กๆ ทุกคนเสมอว่า จะทำอาชีพอะไรก็ตาม ห้ามเป็นแค่เบอร์สอง และสำหรับอาชีพนักฟุตบอล การขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งคือการติดทีมชาติ และสำหรับผมเอง การได้เป็นเฮ้ดโค้ชทีมชาตินั้นถือเป็นเป็นหมายในการขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของผม และคุณก็ต้องพยายามถีบตัวเองให้เป็นเบอร์หนึ่งในสายงานของคุณให้จงได้”

Content by Maya, Photography by Sompoch Tuamcharoen, Style by Chanond Mingmit

- Advertisement -