เบื้องหลังเมนูอาหารสุดสร้างสรรค์ ของเชฟเชื้อสายอินเดีย Gaggan Anand

Share This Post

- Advertisement -

Edible Innovation

เบื้องหลังเมนูอาหารสุดสร้างสรรค์ ที่เป็นส่วนผสมระหว่างและเทคโนโลยี นวัตกรรม และวัฒนธรรมการกินข้ามพรมแดน ของเชฟเชื้อสายอินเดีย Gaggan Anand เจ้าของคว้ารางวัลอันดับหนึ่ง Asia’s 50 Best Restaurants สองปีซ้อน

Red Matcha w1

สำหรับนักกิน หรือ Foodie กรุงเทพฯ นั้นเป็นถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองสวรรค์ เพราะมีอาหารอร่อยให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ระดับมิชลินสตาร์ ไปจนถึง สตรีทฟู้ด อาหารนานาชาติ จีน ญี่ปุ่น อิตาเลียน ก็หาร้านที่มีคุณภาพระดับโลกได้ไม่ยากเย็น รวมถึงร้านอาหารอินเดียอันดับท็อปของโลกก็อยู่ในกรุงเทพเช่นกัน นั่นก็คือ Eat at Gaggan ร้านอาหารแนวโปรเกรสซีฟของเชฟ Gaggan Anand (กากั้น อันนัน)

Gohgan0167 w1

Eat at Gaggan เปิดครัวครั้งแรกเมื่อปี 2009 ตั้งอยู่ในซอยหลังสวน เป็นบ้านไม้สองชั้นสีขาว บรรยากาศอ่อนหวาน มันช่างดูตัดกับโลโก้ของร้านที่ใช้ไทป์เฟซดุดันราวกับปกอัลบั้มวงเมทัลร็อคจากยุค 70

ขณะที่เราไปเยือนร้านอาหารแห่งนี้เชฟ Gaggan กำลังสาวะวนอยู่กับการก่อสร้างต่อเติมอาคาร เขาต้องการเพิ่มพื้นที่เพื่อทำเป็น ‘แล็ป’ ห้องครัวสำหรับทดลองไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆ ที่คาดว่าจะเต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำยุค อย่างเครื่องพิมพ์สามมิติที่สามารถพิมพ์อาหารออกมาได้วัตถุรูปทรงสารพัด หรือเครื่องทำแห้งแบบเยือกแข็ง (Freeze Dryer) ที่มีสนนราคากว่าหกหลัก และอุปกรณ์ไฮเทคอย่างไนโตรเจนเหลวที่บรรดาร้านอาหาร Molecular Gastronomy นิยมใช้กัน

Papadum Uni w1

แม้ว่าจะเป็นอาหารเชิงทดลองที่ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยปรุงเหมือนอาหารแนวโมเลคูลาร์ แต่ Gaggan ขนานนามสิ่งที่เขาสร้างสรรค์ว่า เป็นอาหารแบบก้าวหน้า (Progressive Cuisine) เขาเคยได้ไปฝึกงานกับสุดยอดเชฟ Ferran Adria ที่ร้านอาหาร El Bulli ในประเทศสเปน ก่อนจะมาเปิดร้านของตัวเองที่กรุงเทพฯ

ทีแรก Gaggan เดินทางมาเมืองไทยเพียงเพื่อฝึกงานในร้านอาหารเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจว่าจะลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ เขาให้เหตุผลว่า เมืองไทยมีพร้อมทุกอย่าง วัตถุดิบสดใหม่  มีคุณภาพ นอกจากนี้ผู้คนยังเปิดกว้างรับสิ่งใหม่ๆ

story of fish called Kin -midai A w1

แม้ว่า Gaggan จะเกิดและโตที่อินเดีย แต่กว่าที่คนในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนจะยอมรับไอเดียการทำอาหารอินเดีย    ที่แปลกแหวกแนวของเขานั้นใช้เวลาพอสมควร อาจเพราะวัฒนธรรมอาหารการกินของอินเดียนั้นเก่าแก่นับพันปี และแนวคิดอนุรักษ์นิยมของสังคมอินเดียนั้นยากที่เปิดรับของแปลกใหม่

เส้นทางการเป็นเชฟมือหนึ่งของเอเชียไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาเล่าถึงความทุลักทุเลตอนที่เริ่มต้นลงทุนทำร้านอาหารราวปี 2007 “ตอนนั้นใช้ชีวิตด้วยบัตรเครดิต กินมาม่าแทบทุกวัน ผมทำมาม่าได้กว่า 100 เมนูไม่ซ้ำกันเลยนะ” เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ระหว่างที่จะกำลังเปิดร้าน ก็ดันเป็นช่วงที่วิกฤติการเมืองกำลังร้อนแรง กรุงเทพฯ เต็มไปด้วยสารพัดม็อบ “ผมคิดว่าผมจบเห่แล้ว เลยเตรียมหางาน อื่นไว้เลย” แต่ในที่สุดกิจการของเขาก็ผ่านพ้นมาด้วยดี

Gaggan อาศัยการตลาดแบบแนะนำแบบปากต่อปาก การเชิญชวนกลุ่มเป้าหมายให้มาทดลองชิมอาหารอินเดียลูกผสมของเขาจากที่รู้จักในวงแคบก็เกิดการกระจายข่าว จนกระทั่งเป็นที่รู้จักในวงกว้าง แม้กระทั่งคนอินเดียยังต้องบินมากิน ‘อาหารอินเดีย’ ที่ดีที่สุด    ที่กรุงเทพฯ จนกระทั่งเขาได้รับรางวัลให้เป็นร้านอาหารอันดับหนึ่งของ Asia’s 50 Best Restaurants เมื่อปี 2015 ซึ่งนับเป็นอีก    จุดพลิกผันในชีวิต ร้านอาหารของเขาเป็นที่รู้จักทั่วโลก

07 magic Mushroom-140B w1

”แนวคิดเกี่ยวกับร้าน Eat at Gaggan  คือการทำอาหารด้วยทัศนคติแบบก้าวหน้า ก็เพราะอาหาร โดยเฉพาะอาหารเอเซียและอาหารอินเดีย เป็นอะไรที่เก่าแก่มาก แตะต้องได้ยาก เพราะเมื่อไหร่ที่เราเริ่ม จะเป็นอาหารแนวก้าวหน้า เราก็เข้าไปสู่ความเป็น  อาวองการ์ด นั่นคือการ ‘ทดลอง’ เราพยายามเล่นกับความทรงจำพยายามเล่นกับความคิดที่มีเกี่ยวกับ อาหาร และหาทางเล่นกับกรอบ และพวกเราชอบอยู่นอกกรอบ” Gaggan นั่งกับเราอยู่ในห้อง Chef’s Tabel ที่มีกระจกผืนใหญ่กั้นระหว่างห้องครัว มีเชฟทั้งชายและหญิงจากทั่วโลกกำลังขมีขมันเตรียมอาหารสำหรับแขกที่จองเต็มทุกโต๊ะในวันนั้น

“การสร้างสรรค์เมนูใหม่ หรือคอนเซ็ปต์ใหม่อะไรซักอย่าง เป็นเรื่องของการแยกส่วนแล้วประกอบขึ้นใหม่ (deconstruction)” Gaggan อธิบายถึงกระบวนการคิดสร้างสรรค์ อาหารที่กำลังเตรียมเสิร์ฟอยู่นี่  เป็นเมนูใหม่ล่าสุด ซึ่งโดยปรกติแล้ว Gaggan จะเปลี่ยนเมนูทุกๆ        3 เดือน และคราวนี้เขาเพิ่งกลับจากญี่ปุ่น Gaggan นำวัตถุดิบจากญี่ปุ่น มาผสมผสานกับอาหารอินเดียจนกลายเป็นเมนูประหลาด (แต่อร่อยสุดๆ) อย่าง Papadrum Uni เป็นไข่หอยเม่น เสิร์ฟบนข้าวตังแบบอินเดีย มีชัดนีย์อะโวคาโดและสตรอว์เบอร์รีช่วยตัดรส หรือสลัดที่ปรุงจากชาที่ทำจากมะเขือเทศ Gaggan นำเทคนิคการชงชาแบบญี่ปุ่นมาประยุกต์กับ การทำสลัด ต้องขอบคุณเพื่อนชาวญี่ปุ่นเจ้าของไร่ชาเก่าแก่ที่สอนให้เขาเข้าถึงจิตวิญญาณของการชงชาแบบต้นตำหรับ

02 Yogurt-036 w1

เมนูหลายอย่างตอนนี้ได้แรงบันดาลใจจากญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัด คงเป็นเพราะ Takeshi Fukuyama เพื่อนใหม่ ผู้ซึ่งเป็นเชฟจาก La Maison de la Nature Goh ร้านอาหารในเมืองฟุกุโอกะ ที่เข้าคู่กันสุดๆ ทั้งสองเพิ่งจะดวลการทำอาหารไปเมื่อไม่นาน สำหรับ Gaggan อาหารเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม “ผมเชื่อว่านวัตกรรมคือกุญแจ สู่การเป็นผู้นำไม่ใช่ผู้ตามการจะ เป็นผู้นำนั้นคุณต้องมีความสามารถในการสร้างสิ่งใหม่ๆ ”

เชฟนักคิด นักประดิษฐ์ผู้นี้ ไม่เคยหยุดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ล่าสุด Eat at Gaggan ได้รับรางวัลอันดับหนึ่งจาก Asia’s 50 Best Restaurants อีกครั้ง เป็นปีที่สองติดต่อกัน ดูเหมือนทุกอย่างอย่างกำลังไปได้สวย แต่ Gaggan ประกาศกร้าวขณะที่เรากำลังละเลียดไอศกรีมสาเกแสนอร่อย ว่าเขาจะปิดร้านอาหารแห่งนี้ในปี 2020! แน่นอนว่า   คนหัวครีเอทีฟ พลังงานล้นอย่างเขา คงไม่คิดเกษียณตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ แต่มีเตรียมโปรเจ็กต์ที่จะทำให้เราเซอร์ไพรส์ไว้แล้ว ส่วนจะเป็นอะไรนั้น Gaggan บอกว่าต้องติดตาม!

About Asia’s 50 Best Restaurants

รางวัล ’50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย’ จัดขึ้นโดย William Red Media บริษัททางด้านสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 150 ปี เป็นการสรุปผลการสำรวจของผู้เชี่ยวชาญในด้านธุรกิจร้านอาหาร ประกอบไปด้วยนักเขียน นักวิจารณ์อาหาร พ่อครัวแม่ครัว เจ้าของร้านอาหาร กว่า 300 ท่าน เพื่อคัดเลือกที่สุดของร้านอาหารแห่งปี

- Advertisement -