Never can Say Goodbye
ผมเคยเขียนถึง David Bowie (เดวิด โบวี) มาเเล้วในลอปติมัมฉบับแรกๆ ถ้าคุณผู้อ่านพอจำกันได้ โบวีในสายตาของคนฟังเพลง ในสายตาของคนรักดนตรี คือ นักคิดนักดนตรีที่มีความสร้างสรรค์สุดโต่ง นักวิจารณ์ นักเขียนและคอลัมนิสต์มากมายต่างเขียนถึงโบวีกับการจากไปของเขาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ส่วนมากโบวีจะถูกเขียนถึงในเเง่ของเเฟชั่นลีดเดอร์ในเรื่องการเเต่งตัว เเต่งหน้า น้อยคนนักที่จะเขียนถึง ที่สุดเเห่งความเป็นเดวิด โบวี นั่นคืองานดนตรีสุดฮิปของเขา ผมเคยบอกว่า ถ้าคุณอยากจะเสพเเละสะสมงานของโบวี ให้ลืมงานยุคแรกของเขาไปได้เลย (ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ เเต่มันยังไม่ถึงจุดที่สามารถใช้คำว่า “บรรลุโสดาบัน” ได้) ถ้าคุณเป็นเเฟนโบวีตัวจริง ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร เพศไหน งานไตรภาคของโบวีในยุคเบอร์ลิน ไตรโลจี (Berlin Trilogy) ที่โบวีได้ที่สุดของโปรดิวเซอร์อย่าง ไบรอัน อีโน (Brian Eno) มาเนรมิตสุดยอดงาน โพสต์พังค์ที่ลงตัวกับเสียงกีตาร์เเละอิเลคทรอนิคส์ซาวด์ ผลงานจากยุคไตรภาคที่มีทั้งอีโนเเละโทนี วิสคอนติ (Tony Visconti) มาเนรมิตให้นั้น ทำให้อัลบั้มทั้ง สามชุดเป็น Classic Experimental Pop ชั้นครูที่ กลายมาเป็นต้นเเบบของวงรุ่นน้องในยุคต่อๆ มา
เคยตั้งคำถามกับตัวเองไหมครับว่าคุณผู้อ่านรู้จักเดวิด โบวีดีเเค่ไหน สำหรับในบ้านเรา ผมเห็นนิตยสารมากมายเขียนถึงเขา ผู้คนในโลกโซเซียลต่างแสดงความคารวะ เเละโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปของโบวีมากมาย เเต่เราเคยถามตัวเองไหมว่า ถ้าให้พูดถึงเพลงของโบวี คุณฮัมตามได้ไหม คุณรู้จักเพลงอะไรอื่นอีกบ้างนอกจาก Space Oddity กับ Let’s Dance ถ้ามีมากกว่านั้น ถือว่าคุณเริ่มรู้จักโบวีมากขึ้นเเล้ว ผมสังเกตเสมอว่า ไม่ว่าจะเป็นสถานีวิทยุเอง หรือคลับที่เล่นเพลงสากลเอง เเทบจะไม่มีใครเล่นเพลงโบวีเลย ผมสงสัย เลยถามหาคำตอบจาก นักดนตรีรุ่นพี่ ก็ได้รับคำตอบว่าดนตรีของโบวีเล่นยาก เเกะคอร์ดยาก ผมเลยเข้าใจว่ารากฐานแฟนเพลงของโบวีในบ้านเราคงไม่แข็งแรงมาก แฟนจริงจังแบบไม่รวมพวกที่มองเขาเป็นผู้นำแฟชั่นด้าน Glam Rock บทเวทีคงจะมีไม่มากนัก แต่ถ้าคุณจะเริ่มศึกษา สะสม ผมก็แนะนำนะครับ เพราะมันช่วยพัฒนาการฟังดนตรีของเราขึ้นไปได้ เริ่มจากไตรภาคเบอร์ลินก่อนเลย อีกมุมของโบวีที่ผมชอบมากคือ ความสามารถ ในการทำซาวด์แทร็คของเขา คุณผู้อ่านเชื่อไหมครับว่าผมไม่เคยผิดหวังกับซาวด์แทร็คที่โบวีทำออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว อัลบั้มที่ชอบที่สุดคงจะเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Falcon and the Snowman กับเพลง This is Not America ถือเป็นที่สุดของเพลงประกอบภาพยนตร์ ถ้าได้ดูภาพยนตร์ จะยิ่งอินกับท่วงทำนองเข้าไปใหญ่ ถือเป็นเพลงที่เท่อีกเพลงหนึ่ง ซึ่งผมยังไม่เห็นนิตยสารหรือนักวิจารณ์ดนตรีท่านใด ในบ้านเราเขียนถึงอัลบั้มนี้หลังการจากไปของโบวีเลย
ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในปี 1985 ตัวภาพยนตร์ได้รับการยอมรับมากมายจากสื่อชั้นครูทั้งจากฝั่งยุโรปและอเมริกา เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มมีอนาคตสองคนที่ก้าวทางผิด หันมาแอบขายความลับทางการทหารของสหรัฐอเมริกาให้กับสหภาพโซเวียต (ในยุคสงครามเย็น) นอกจากจะได้ดาราคุณภาพอย่าง Sean Penn (ฌอน เพนน์) มาแสดงนำแล้ว ยังได้ผู้กำกับมือรางวัล ออสการ์อย่าง John Schlesinger (จอห์น ชเลซิงเงอร์) จาก Midnight Cowboy มาร่วมงาน พร้อมซาวด์แทร็คเมโลดี้สวยงามอย่าง This is Not America ฝีมือร่วมแต่งระหว่างโบวีกับมือกีตาร์สายฟิวชั่นแจ๊ซที่โด่งดังอย่าง Pat Metheny (แพท เมเธนี) เจ้าของรางวัลแกรมมี หลายตัว เพราะมากครับเพลงนี้ซาวด์แทร็คอีกเพลงที่ออกมาไล่เลี่ยกัน แต่อาจจะไม่โด่งดังเท่าได้แก่ The Absolute Beginners เป็นภาพยนตร์เพลงจากฝั่งเมืองผู้ดีที่ได้โบวีมาแต่งและขับร้องเพลงไตเติ้ลให้ ถือว่าเป็นป็อปร็อคที่ฟังง่าย ตัวโบวีเองก็ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ถือเป็นก้าวแรกของโบวีที่มาจับงานบนแผ่นฟิล์ม หลังจากนั้นเขาก็รับ งานแสดงเป็นคาแรคเตอร์ที่หลากหลาย ถือเป็นจุด ผิดพลาดของชีวิตโบวี เพราะนักวิจารณ์ต่างก็ไม่ปลื้มกับการแสดงของเขา แต่สำหรับผม ผมว่าเขาสอบไม่ตกนะ เขาแสดงดีกว่าดาราบ้านเราหลายคนเลยล่ะ
สำหรับงานฝั่งภาพยนตร์ของโบวีที่ผมประทับใจที่สุดนั้นเป็นตอนที่เขามารับงานแสดงของสุดยอดผู้กำกับแห่งทศวรรษอย่าง Christopher Nolan (คริสโตเฟอร์ โนแลน) ในเรื่อง The Prestige หรือศึกชิงรักหักเหลี่ยม ระหว่างแบทแมนและวูล์ฟเวอร์รีน (อันนี้ล้อเล่นนะครับ) ผมมองว่า ถ้าโบวีแสดงหนังห่วยตามที่นักวิจารณ์ว่าจริงๆ โนแลนคงไม่เลือกเขามารับบทหลักที่ผมเห็นว่าโดนที่สุดในชีวิตการแสดงของเขากับบท Nikola Tesla (นิโคลา เทสลา) นักวิทยาศาสตร์ผู้อาภัพ เขามีตัวตนใประวัติศาสตร์ เกิดในยุคเดียวกับ Thomas Edison (โทมัส เอดิสัน) ทั้งคู่มาตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกา ร่วมมือกันคิดค้น กระแสไฟฟ้า ทฤษฎีสนามแม่เหล็กไฟฟ้า รังสีเอ็กซเรย์ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่เทสลากลับถูกเอดิสันหักหลัง และขโมยไอเดียทั้งหมดไปเป็นชื่อตัวเอง คุณผู้อ่านไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้นะครับ เทสลาคือคนเก่งจริง เพียงแค่เขาไม่ทันคนเท่านั้น…พูดแล้วของขึ้นพาออกทะเลไปไกล…กลับมาเรื่องโบวีดีกว่า
ถ้าคุณผู้อ่านจะเริ่มฟังโบวี อย่าเริ่มที่อัลบั้มรวมเพลงฮิต เพราะจะไม่สามารถซึมซับตัวตนของโบวีได้เริ่มจากไตรภาคเบอร์ลินก่อนจากนั้นก็จงฟังชุด Let’s Dance อาจฟังดูป็อปจัด แต่ก็มีเพลงร่วมสมัยอย่าง Modern Love หลังจากนั้นก็ลองฟังแทร็คที่เขาร่วมงานกับ Pet Shop Boy อย่าง Hello Spaceboy ตบท้ายด้วยเพลงร็อคจัดเต็มที่เป็นโปรเจ็คพิเศษของตัวโบวีอย่าง Tin Machine
Content by Patrick C.