From the Roof to the Road
ประเทศอิตาลีถือเป็นแหล่งกำเนิดยนตรกรรมให้กับเหล่าซูเปอร์คาร์ที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกหลากหลายยี่ห้อไม่แพ้ประเทศอันดับหนึ่งเรื่องยานยนต์อย่างเยอรมนี หนึ่งในแบรนด์ดังที่แปะสัญลักษณ์ธงชาติอิตาลีอันคุ้นตาคุ้นหูก็คือแบรนด์อย่าง Fiat ที่ออกมาทำการตลาดกับรถ “จ่ายกับข้าว” หรือกลุ่มผู้ใช้รถทั่วไปบนท้องถนน ฉีกแนวออกมาจากแบรนด์สายพันธุ์สปอร์ตรุ่นพี่อย่าง Ferrari
ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์มา Fiat เป็นรถที่แฝงตัวอย่างกลมกลืนกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของเรามาโดยตลอด มันแทรกซึมตกทอดผ่านเจเนอเรชั่นต่างๆ ตั้งแต่รุ่นปู่ไล่เลียงมาจนถึงรุ่นเราในปัจจุบัน ตัวถังและดีไซน์อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของ Fiat นั้นทำให้พวกเราที่เคยใช้ชีวิตผ่านกาลเวลาร่วมกับมันมาหวนระลึกถึงอดีตและความทรงจำเก่าๆ ได้เสมอ ยกตัวอย่างรุ่น Fiat 500 ที่ออกรุ่นแรกสู่ตลาดโลกในปี 1957 ในฐานะรถขนาดกะทัดรัดที่ใช้เครื่องยนต์ความจุเพียง 497 ซีซี. แถมด้วยหลังคาเปิดได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรับลมเย็นๆ และแสงแดดอุ่นๆ ได้เพียงเปิดแผ่นหนังที่หุ้มตัวรถออกไปทางด้านหลังเท่านั้น หลังจากประสบความสำเร็จกับรุ่นแรก Fiat ก็ปล่อยอีกโฉมออกมาในปีใกล้ๆ กัน โดยสามารถเปิดหลังคาได้ทั้งบานไปจนถึงท้ายรถ ซึ่งแถมความเก๋ในการดีไซน์โดยให้มือเปิดอยู่ด้านหน้า ส่วนบานพับอยู่กลางรถ ไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ประเทศที่เป็นหนึ่งในด้านแฟชั่น จวบจนปัจจุบัน รูปทรงของ Fiat 500 ก็ถูกปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยมากขึ้น แต่ก็ไม่ทิ้งเสน่ห์ดั้งเดิม ตัวหลังคาสามารถเปิดได้สุดไม่ต่างจากโฉมเดิมๆ แต่เพิ่มเติมเทคโนโลยีอันทันสมัยต่างๆ เข้าไป พร้อมอัพขนาดเครื่องยนต์ให้เริ่มต้นที่ 900 ซีซี. ไปจนถึง 1,400 ซีซี. เพื่อการขับขี่ที่ลื่นไหล และไปถึงที่หมายได้ไวกว่าเดิม
ส่วนอีกรุ่นยอดนิยมของแบรนด์นี้ก็ได้แก่ Fiat 124 Spider รถโรดสเตอร์ขนาดกะทัดรัดเปิดประทุนท้าลมทุกฤดูกาล ตัวล่าสุดมาพร้อมเครื่องเสียงจาก BOSE พร้อมลำโพงเก้าจุดรอบคันให้ความเพลิดเพลินตลอดการขับขี่ แต่กว่าจะมาเป็นโรดสเตอร์คันงามวิ่งฉิวโฉมปัจจุบันนั้น สายการผลิต Fiat 124 Sport Spider รุ่นแรกถือกำเนิดขึ้นในปี 1966 ที่ Lingotto Factory ในเขตเมืองตูริน ประเทศอิตาลี ตัวโรงงานเป็นตึกสูงห้าชั้นที่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่โรงงานผลิตรถยนต์แบบม้วนเดียวจบเท่านั้น แต่ชั้นดาดฟ้าของโรงงาน อันเป็นจุดสุดท้ายที่รถจะออกจากสายพานการผลิตเป็นคันอย่างสมบูรณ์แบบ ถูกปรับพื้นที่ให้กลายเป็นสนามทดสอบรถยนต์ของ Fiat โดยรถทุกคันจะต้องผ่านการทดสอบวิ่งบนหลังคาแห่งนี้ก่อนจะถูกส่งออกไปถึงมือลูกค้า เพื่อการันตีความสมบูรณ์แบบของมันเป็นครั้งสุดท้าย
สนามแข่งบนหลังคาของเมืองตูรินนี้มีชื่อเสียงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ความยาวของสนามนั้นก็พอๆ กับสนามแข่งขนาดย่อม พื้นสนามถูกออกแบบมาให้ลาดเอียงรับกับโค้งของตึกอย่างพอเหมาะลงตัว เป็นรูปวงรีสวยงามให้รถวิ่งทวนเข็มนาฬิกาได้อย่างสะดวก โรงงานแห่งนี้เปิดทำการอย่างเป็นทางการในฐานะโรงงานประกอบรถยนต์และสนามทดสอบหลักของ Fiat ตั้งแต่ปี 1923 ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่ารุ่นใหญ่อย่าง Fiat 500 ก็เคยผ่านมือสนามนี้มาก่อนที่ Fiat 124 Sport Spider จะนำเอาเครื่องขนาด 1,200 ซีซี. ขึ้นมาครองในปี 1966 หลังจากนั้น มีเพียงรุ่นหลานมันที่ผลิตขึ้นในปี 1969 เท่านั้นที่ได้มีโอกาสขึ้นมาทดลองกับสนามบนหลังคานี้ เพราะด้วยเหตุผลหลายประการทั้งเรื่องธุรกิจและปัจจัยภายนอก ทำให้โรงงานที่ดำเนินมาถึง 59 ปีนี้ต้องปิดตัวลง แต่ก็ไม่ได้เป็นการสิ้นสุดการทำหน้าที่ในฐานะอาคารอย่างถาวร แต่อาคารนี้ถูกเปลี่ยนไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์อีกมากมาย ทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอนหลักสูตรโพลีเทคนิคของมหาวิทยาลัยตูริน ต่อมาส่วนต่างๆ ของอาคารก็ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยตามกาลเวลา ปรับเปลี่ยนเป็นศูนย์การค้า ฮอลล์คอนเสิร์ต และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนหลังคาอาคารถูกปรับปรุงใหม่ให้เป็นพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ แต่สนามแข่งลอยฟ้านี้ก็ยังคงอยู่ แม้จะไม่ได้เปิดใช้งานตามจุดประสงค์เดิม พื้นสนามและรายละเอียดหลักๆ ยังถูกคงไว้เหมือนก่อน เพื่อเปิดให้แขกผู้สนใจในประวัติศาสตร์ยานยนต์และอาคารได้เข้าชมตามอัธยาศัย
ก่อนที่สนามแข่งบนหลังคาแห่งนี้จะกลายเป็นตำนานตลอดกาลไปเมื่อปี 1982 มันก็ได้สร้างตำนานก่อนปิดโดยเปิดโอกาสให้คู่แข่งตัวสำคัญอย่าง Lancia Delta ได้ขึ้นสัมผัสแทร็คสนามแข่งแห่งนี้ ถือว่าเป็นรถรุ่นสุดท้ายจริงๆ ที่ได้วิ่งปิดตำนานโรงงานแห่งนี้อย่างถาวร ในปัจจุบัน บริษัทในเครือของ Fiat นั้นมีโรงงานการผลิตและทดสอบกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นบราซิล อิตาลี เม็กซิโก แคนาดา อินเดีย จีน เซอร์เบีย โปแลนด์ อาร์เจนตินา และตุรกี แต่สนามแข่งลอยฟ้าอย่าง Fiat Lingotto Factory ก็ยังเป็นที่กล่าวขานโจษจันกันมาจนถึงวันนี้
Content by Jonut, Photography by GettyImages