The Golden Handshake
เรื่องราวสุดคลาสสิกของ ‘ยีนส์’ ยังถูกเล่าขานต่อกันมาอย่างไม่รู้จบ และนี่คือบทหนึ่งในตำนานระหว่าง ‘Levi’s’ กับ Cone Denim ผู้ผลิตผ้าเดนิมรายใหญ่ของโลก
เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อพี่น้องโมสและซีซ่าร์ ก่อตั้งบริษัทนามว่า ‘โคน เอ็กเพิร์ท แอนด์ คอนมิชชั่น’ ในปี 1891 ที่กรีนโบโร รัฐนอร์ธแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา บริเวณใกล้กับสนามฟุตบอลที่อยู่ทางทิศตะวันออกของเทือกเขาแอปปาเลเซียน จนกระทั่งถึงในปี 1905 พวกเขาได้ตั้งโรงงานผลิตผ้าเดนิมที่ใช้ชื่อว่าไวท์ โอ๊ค มิล ซึ่งชื่อนี้ได้มาจากต้นไวท์ โอ๊คอายุกว่า 200 ปีที่อยู่ใกล้โรงงาน โรงงานแห่งนี้ถือว่าเป็นโรงงานที่ผลิตผ้าเดนิมที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ปัจจุบันยังดำเนินการผลิตอยู่ ด้วยกรรมวิธีที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าเป็นเครื่องปั่นด้าย เครื่องทอผ้า รวมถึงสีที่ใช้ย้อมเส้นด้ายและความพิเศษของผ้าเดนิมจนเกิดรายละเอียดในเนื้อผ้าตามจังหวะการสั่นสะเทือนของพื้นไม้ไวท์โอ๊คเมื่อเครื่องจักรทำงาน รวมไปถึงลักษณะเฉพาะตัวของช่างฝีมือผู้มากประสบการณ์ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เรื่องราวตำนานเหล่านี้เองที่ทำให้ โคน เดนิม เป็นผ้าเดนิมที่ได้รับการยอมรับจากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก
ในปี 1915 ก็เป็นปีประวัติศาตร์ในวงการยีนส์อีกครั้งหนึ่งเมื่อ โรงงานไวท์ โอ๊ค มิล จับมือกับ บริษัทลีวาย สเตราส์ แอนด์ โค เป็นครั้งแรกโดยนำเนื้อผ้าโคน เดนิมในสถานะตั้งต้นแรกสุดที่ยังไม่ผ่านกรรมวิธีการฟอกหรือการทำให้หดตัวของเส้นใยผ้ามาผลิตเป็น Shrink-to-fit (ชริงค์ ทู ฟิต) หรือที่รู้จักกันในชื่อของ Raw Denim (ยีนส์ผ้าดิบ) ซึ่งกลายมาเป็นกางเกงยีนส์ต้นแบบของรุ่น 501 ทั่วโลก โดยทำข้อตกลงกันว่าจะถือเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะสำหรับลีวายส์เท่านั้น และเหตุการณ์ครั้งนั้น
ก็กลายเป็นตำนานบทหนึ่งวงการเดนิมโลกและข้อตกลงนี้ก็ได้ถูกขนานนามว่า The Golden Handshake’ ในปีนี้ก็เป็นเวลาครบรอบความสัมพันธ์ 100 ปีที่ยีนส์ลีวายส์ยังคงใช้ผ้าโคน เดนิม จากโรงงานไวท์ โอ๊ค มิล ซึ่งแน่นอนว่ายังคงรักษาเอกลักษณ์ความคลาสสิก การทอ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่พัฒนาสร้างสรรค์ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 100 ปี Levi’s ได้ย้อนเวลานำเอาแจ๊กเก็ตเดนิม (1915 Blanket Lined Sack Coat), เชิ้ตผ้าเดนิม 2 กระเป๋า (1955 Sawtooth Denim Shirt) มาผลิตใหม่ในคอลเลกชั่น Levi’s Vintage Clothing Fall/Winter 2015-16 โดยใช้กรรมวิธีดั้งเดิมที่ใช้มากว่าศตวรรษเพื่อเป็นการรำลึกและฉลองให้กับประวัติศาสตร์อันยาวนานระหว่างโรงงานไวท์ โอ๊ค มิล และ ลีวายส์ในครั้งนี้อีกด้วย
Content by Chanond M.
