MESSAGE IN THE BOTTLES
เราไม่ได้หมายถึงนิยายรักเรื่องดังของ นิโคลัส สปาร์คส์ แต่กำลังจะพูดถึงสาส์นที่ถูกส่งผ่านขวดนำ้หอมทั้ง 4 กลิ่น ซึ่งดูเหมือนจะลอยมาตามนำ้ทะเลจากต้นปีและถูกคลื่นลมซัดสาดพัดพามาติดชายฝั่งในปลายปีนี้
Mediterranean Wood
where it was found: ป่าไม้ริมชายฝั่งบนเกาะซิซิลี ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในเขตประเทศอิตาลี perfumer: ยอง วาสนิเยร์ editor’s note: นำ้หอม
ทอม ฟอร์ด คอสตา อัซซูรา ออกมาเสริมกองทัพ Private Blend ที่มี Neroli Portofino ออกมาก่อนหน้า บรรจุในขวดสี่เหลี่ยมสีนำ้เงินเข้มเหมือนสีสันของ
นำ้ในมหาสมุทรและฉลากนำ้หอมบนแผ่นพัลเลเดียมสีทอง อบอวลไปด้วยกลิ่นต้นสน โอ๊ค และนำ้ทะเล ทว่ากลิ่นหอมแรกที่คุณจะสัมผัสได้ก็คือ กลิ่นสาหร่ายนำ้เค็ม Fucus (อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนีสิ!) ผสมผสานเข้ากับกลิ่นไม้กฤษณา หรือ Oud Wood (และนี่อาจเป็นที่มาของราคาอันสูงลิบ) ร่วมด้วยขบวนสมุนไพรฝรั่ง คละเคล้ากลิ่นหอมสดชื่นของอิตาเลียนเลมอน ส้มแมนดาริน ยางไม้ วานิลลา และรากหญ้าแฝกหอม Tom Ford Costa Azzurra Eau de Parfum 50 มิลลิลิตร 8,000 บาท
Water, Earth And Sky
where it was found: ชายฝั่งเมืองคานส์ ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส perfumer: ฌอง-โคล้ด เอลเลนา editor’s note: เราเชื่อว่าหนุ่มลอปติมัมจำนวนไม่น้อยที่เป็นแฟนประจำของ แตร์ แดเมส กลิ่นคลาสสิก (2006) แต่คุณควรหาจะโอกาสทดลองโคโลญจน์ขวดนี้ที่เจือกลิ่นเข้มๆ ของแตร์ แดเมสให้เจือจางลง เพื่อสัมผัสกลิ่นคล้ายนำ้มันจากผิวเปลือกส้มที่ฉีดพรมลงบนขอนไม้ซีดาร์หอมๆ ซึ่งคุณจะได้กลิ่นนี้นับตั้งแต่เริ่มสเปรย์นำ้หอมจากขวดรูปทรงสี่เหลี่ยมก้นหนาคล้ายตัว H โดดเด่นด้วยฝาขวดบิดเกลียวสีขาว แม้จะหอมสดชื่นขึ้นกว่าท็อปโน้ตเดิม ทว่ากลิ่นที่ยังคงทิ้งท้ายอ้อยอิ่งอยู่บนผิวกาย ก็จะยังคงกลิ่นอายดินจางๆ ของรากหญ้าแฝกหอม Hermès Terre d’Hermès Eau Très Fraîche Eau de Toilette 125 มิลลิลิตร 4,350 บาท
Sporty American Vintage
where it was found: นอกชายฝั่งแฮมป์ตัน เมืองตากอากาศบนเกาะลอง ไอส์แลนด์ มลรัฐนิวยอร์ก ของสหรัฐอเมริกา perfumer: โรดริโก ฟลอเรสรูซ editor’s note: แม้ชื่อจะได้แรงบันดาลใจมาจากท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่นำ้หอมในขวดแก้วทรงคล้ายแจกัน ห่อหุ้มด้วยเส้นใยธรรมชาติถัก กลับให้กลิ่นในแนวโคโลญจน์สปอร์ตจากอเมริกาในยุค 60s-70s ด้วยส่วนผสมจากขบวนซิตรัส ค็อกเทลของส้มแทงเจโล และส้มแมนดาริน ผสานกลิ่นอายสมุนไพรอย่างแคลรี เซจ และลาเวนเดอร์ ปิดท้ายด้วยมอสและใบพิมเสน จึงไม่แปลกหากกลิ่นนี้จะชวนให้คิดถึงนำ้หอมกลิ่นสุดโปรดที่คนรุ่นพ่อเราเคยฉีดไปเที่ยวผับสมัยหนุ่มๆ แต่ยังคงความเท่และเก๋าเหมือนดั่งสินค้าวินเทจที่ทรงคุณค่าด้วยฝีมือของช่างศิลป์ John Varvatos Artisan Acqua 125 มิลลิลิตร 3,650 บาท
Modern Day Masculinity
where it was found: นอกชายฝั่งแคว้นบริททานี ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส perfumer: โอลิวิเยร์ โพลจ์ editor’s note: ดิออร์ ออมม์ เป็นหนึ่งในนำ้หอมกลิ่นกลางเก่ากลางใหม่ที่ยังครองใจผู้ชาย (แฟชั่นนิสต์) หลายคนมาตั้งแต่ปี 2005 นับตั้งแต่ยุคเริ่มตั้งไข่ของดิออร์ ออมม์ ในสมัยเอดี สลิมาน ก่อนจะค่อยๆ ปรับสูตรใหม่ออกมาเรื่อยๆ ทั้ง Intense (2007), Sport (2008), Cologne (2013), Eau for Men (2013) แต่กลิ่นดั้งเดิมก็ยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องไม่เคยเสื่อมคลาย ด้วยแนวกลิ่นแบบสวีต พาวเดอรีอันเป็นเอกลักษณ์ ส่งผ่านกลิ่นลาเวนเดอร์ แคลรี เซจ กระวาน ไอริส แอมเบอร์ เมล็ดโกโก้ รากหญ้าแฝกหอม และผืนหนัง คือนิยามใหม่ของนำ้หอมกลิ่นละมุนละไม เรียบ และเท่ ดั่งชุดสูทสกินนีของ ดิออร์ ออมม์ Dior Homme by Christian Dior 100 มิลลิลิตร 3,145 บาท
Content by Editorial Team, Style by Chanond M., Photography by Sompoch T.